วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

ยังไม่สว่าง



มนุษย์เราเคยเถียงกันเรื่องโลกกลมหรือโลกแบน ถึงขั้นฆ่ากันตายมาแล้ว เพราะในยุคหนึ่งคนส่วนใหญ่เชื่อว่าโลกแบน แต่มีคนเพียงน้อยนิดที่เชื่อและแพร่ขยายความคิดว่าโลกใบนี้ของเรามันกลม
เหตุที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าโลกแบนเพราะมองไปทางไหนก็เห็นแผ่นดินราบเรียบสุดลูกหูลูกตา แม้จะมีภูเขาขวางกั้นสายตาอยู่บ้าง แต่หลังเขาแผ่นดินก็ราบเรียบเหมือนเดิม
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะโลกใหญ่โตมโหฬาร แต่มนุษย์เราตัวเล็กนิดเดียว มองอะไรได้ไกลสุดเพียงร้อยกว่ากิโลเมตรเท่านั้นเอง
มายุคสมัยนี้คนส่วนใหญ่ได้เรียนรู้ว่าโลกกลม แต่เชื่อหรือไม่ว่า ยังมีคนอีกส่วนหนึ่งที่ตะแบงคิดว่าโลกมันไม่ได้กลม และยังคิดอะไรสวนทางกับความจริงที่ได้ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว
ในเมืองไทยเราเวลานี้ คนส่วนใหญ่คิดว่าเราควรปรองดองสมานฉันท์กัน เพราะความขัดแย้งแตกแยกที่เกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันายน 2549 ได้ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่า...
มีแต่สร้างความฉิบหายให้เกิดแก่ประเทศชาติและประชาชน มันควรจะหยุดกันได้แล้ว ไม่งั้นเราจะต้องฆ่าฟันกันอีกและจำนวนคนตายจะไม่จำกัดอยู่แค่ 92 ศพ บาดเจ็บ 2,000 ถูกจับเข้าคุก 500
แต่จะตายกันเป็นหมื่นเป็นแสนแบบเดียวกับที่เคยเกิดในอัฟริกา ที่สงครามกลางเมืองทำให้มีคนตายไปเป็นล้าน หรืออย่างที่ซีเรียก็มีคนถูกฆ่าไปแล้วเป็นหมื่น โดยยังไม่มีวี่แววว่าจะยุติลงเมื่อใด
ความพยายามสร้างความปรองดองเกิดขึ้นโดยรัฐสภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นคณะหนึ่งมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตน์กลิน อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร 19 กันยา เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วยพรรคการเมืองทุกพรรคและภาคส่วนต่างๆในสังคม
แรกเริ่มเดิมทีก็ทำท่าจะสามัคคีปรองดองกันดี แต่พอมีการนำเสนอแนวทางของสถาบันพระปกเกล้าว่า...เราควรจะทำอะไรและปรองดองกันแบบไหน มันก็ทำท่าว่าวงจะแตก
โดยพรรคประชาธิปัตย์และเครือข่ายพันธมิตรต่างออกมาคัดค้านอย่างไม่ลดราวาศอก พวกเขายืนกรานว่า...จะต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องคิดคุกมันจึงจะเกิดการปรองดอง
เป็นหนทางเดียวเท่านั้น!
นักวิชาการบางคนที่อ้างว่า “เชิดชูบูชาประชาธิปไตย” แต่ปิดปากเงียบเรื่องการรัฐประหารและการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนกลางเมืองหลวง
ได้ออกมาชูคอเรียกร้องหาการสมานฉันท์ปรองดอง โดยมีเงื่อนไขให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พิทักษ์รักษาระบอบยุติธรรม ด้วยการยอมมาติดคุกเสียก่อน
สิ่งที่คิดว่ากำลังจะมีแสงสว่างที่ปากอุโมงค์จึงหายวับไปกับตา และเห็นชัดเจนว่า จนถึงวันนี้ พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าและยังไม่สว่าง
หน้าที่ของคนไทยเวลานี้ จึงไม่ใช่มองหาการปรองดอง แต่ต้องมองหาความจริงว่า ทำไมคนพวกนี้จึงยังตะแบงคิดว่า “โลกแบน”
พวกเขาคิดเองหรือมีใครสั่งให้พวกเขาคิด?
เพราะในอดีตนั้น เคยมีคนเชื่อว่าคนบางคนเป็นวีรชน 14 ตุลา แต่ในความเป็นจริงมันตรงข้าม
เพราะคนๆ นั้นแท้ที่จริงแล้วในเหตุการณ์ 14 ตุลา เขาเป็นตัวแทนของ จอมพลถนอม กิตติขจร ไปเจรจาให้ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล สลายการชุมนุม
วีรชน 14 ตุลา กับกาฝาก 14 ตุลามันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง











http://bangkok-today.com/node/12485



ไม่มีความคิดเห็น: