วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เศษเสี้ยวความในใจของ "คนเบี้ย" ของ รุ่งโรจน์ วรรณศูทร ความเหมือนที่คล้ายกับแกนนำ กวป.

โดย รุ่งโรจน์ วรรณศูทร (บันทึก) เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2013 เวลา 16:09 น.


  


กำลังพิจาณา "ยุติ" กิจกรรมทั้งหมด ปิดเว็บ ปิดบล็อก ยุติการแสดงความเห็นในเฟซบุ๊ค หลังจากทำมาหลายปี ชีวิตมีแต่ "ติบลบ" ลงไปทุกที มิตรสหายตีจาก ผู้คนร่วมสมัยตั้งกำแพงกีดกัน งานเขียนที่ไม่มีประโยชน์ต่อขบวนการถูกปิดกั้น

คง ไม่ตอบคำถามลูกเมีัยแล้ว ว่า "ทำไปทำไม ไม่เห็นมีใครสนใจ ไม่มีคนจ้างงาน มีแต่คนเบือนหน้าหนี ตกอยู่ในสภาพเกือบช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งครอบครัว ลูกเมียไม่ได้พบความความสุขสบาย แล้วยังมีหน้าไปคิดเรื่องส่วนรวมอีก"

ผมต้องกล้ำกลืนก้อนเลือด และเสียน้ำตาให้กับลูกสาวที่เธอต้องลาออกจากงานหลังจาก "คิดฆ่าตัวตาย" หลายตรั้ง สมัยที่ทำงานแถวศาลาแดงในปี 2553 และ "ไม่บริจาคเงินซื้อน้ำให้ทหารที่ล้อมมวลชนเสื้อแดง และไม่ร่วมลงไปร้องเพลงชาติข้างถนน" เนื่องเพราะบริษัทนั้น (เช่นเดียวกับองค์กรธุรกิจส่วนใหญ่ของประเทศ) "เหลืองเป็นขี้" เธอ "ถูกกดดันตลอดวันทำงาน" เพราะถุกตราหน้าว่ามี "พ่อเป็นเสื้อแดง" หรืออย่างน้อย "ยืนอยู่ฝ่ายเสื้อแดง" จนเดี๋ยวนี้ลูกสาวต้อง unfriend พ่อใน facebook ไม่อย่างนั้นเธอจะเป็นอีกคนที่หมดอนาคตในอาชีพการงานความเป้นนักเขียนคอลัมน์

ผลจากการการพักผ่อนน้อยมาตลอด 32 ปีหลังถูกจับฉีดยารักษาคนบ้างและเนรเทศออกจากกองกำลังอาุธของพคท. ในปี 2524 ด้วยข้อหา "มุ่งมั่นปฏิวัติประเทศทุกลมหายใจเข้าออก" ผมกลับมาทำงานหนังสือทั้งทางด้านสังคมศาสตร์และงานวรรณกรรม แม้จะไม่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี และตจ่อมาหลังการรัฐประหารอัปนศ 19 กันยายน 2549 ทุ่่มเทใช้ความคิดทั้งวันทั้งคืน ค้นคว้าที่มาที่ไปทา่งประวัติสาสตร์ ศึกษาทบทวนเส้นทางการสถาปนาระบอบประชาธิปไตย พยายามตกผลึกประสบการณ์และความคิด อย่าง "เสียเปล่า" ชนิดที่ "คนชั้นนำ" ในขบวนเคลื่อนไหวและกระแสความคิดล้วน "ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง"

เพื่อน เก่าแก่ทั้งหมด ปฏิเสธเสื้อแดง นั่นคือ ปฏิเสธผมโดยสิ้นเชิง ที่เคยจ่างงานก็จบไปหลังรัฐประหาร 2549 ที่เคยอุดหนุนการผลิตเดือนหนึ่ง 2-3 หมื่น ก็จบลงเด็ดขาด / เว้นแต่ช่วงมีเงินเดือนหนังสือพิมพ์ จา่กตุลาคม 2550 ถึง พฤษภาคม 2552 กลับมาเหลือรายได้เขียนหนังสือสัปดาห์ละ 1,000 บาท จนถึงเดือนมกราคา 2555 และต่อรองเป็น 1,600 บาท จากเดือนกุมภาพันธ์ 2555 จนถึงปัจจุบัน คือข้อเท็จจริงที่งานควาคิด งานค้นคว้า มีค่าน้อกกว่า "ค่าแรงขันต่ำ" ของแรงงานไร้ฝีมือในประเทศนี้เสียอีก


ข้อเท็จจริงที่เจ็บปวดสำหรับ "คนชั้นล่าง" ในสังคมนี้ คือ การ "ไม่มีวุฒิการศึกษาอย่างน้อยปริญญาตรี" "การไม่มีวุฒิการศึกษาระดับดอกเตอร์" "การไม่มีตำแหน่งทางวิชาการเป็นศาสตราจารย์ หรือรอง หรือผู้ช่วย" ที่ทำให้ "มีรายได้ที่แน่นอน" (จะน้อยจะมากก็แล้วแต่ แต่มากกว่า "ไม่มี")

หลายครั้ง (และในระยะหนึ่งปีเศษมานี้ ทำเป็นประจำทุกเดือน จนเกิดความ "ละอาย" เลขาฯ ของเพื่อน) ที่ "เข้าตาจน" จนต้อง "หักห้ามความอาย ตากหน้า" ขอเงินมิตรสหาย 2-3 คน คราวละ 1,000 บาท ที่จะไม่มีวันลืม "สภาวะขอทาน" อย่า่งนี้ไปชั่วชีวิต คงจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว ให้เป็นที่รำคัญใจของเพื่อนๆ ที่เป็นนายทุนกิจการหลายสิบล้านหลายจนถึงระดับร้อยล้าน

ผมเที่ยว "ของาน" อดีตมิตรสหายที่คิดว่าจะมีงานหยิบยื่นมาให้ เพื่อที่ผมจะสามารถพึ่งตนเองได้อย่างมีศักดิ์ตรีในความเป็นมนุษย์ แต่ที่ตอบกลับมา คือ "ความเงียบ" แม้แต่จาก "อดีตคนเดือนตุลาฯ" ที่เป็นเจ้าของวิสาหกิจนับสิบนับร้อยล้านบาท ทั้งนี้ไม่ต้องพูดถึงเพื่อนเก่แก่ทั้งหลายที่ "ปฏิเสธทักษิณ" ซึ่ง "ปิดประตูใส่หน้าผม" ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ - ผมแค่ของานทำ เพื่อจะ้ลี้ยงตัวเ้องได้ แต่คำตอบคือ "ไปข้างหน้าก่อน"

ผมควรจะยุติเรื่องพวกนี้เสียที... กับวิถีทางและเส้นทางที่ไม่เป็นที่ต้อนรับ อีกต่อไป.

ด้วยภราดรภาพ
รุ่งโรจน์ "อริน" วรรณศูทร
หลังหมดฤทธิ์ยานอนหลับ 2 ขนาน

15:36 น. 6 กรกฎาคม 2556


ป.ล. : "คนเบี้ย" ต้องถูก "กำจัด" ไปจาก "กระดานหมากรุกชีวิต" วันยังค่ำ อยู่ที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น


.........................................................................................................


มันไม่ใช่มาเปิดประเด็นเชื่อมโยงอะไรนะครับเพราะผมเชื่อมั่นในความคิดและเคารพการตัดสินใจของทุกคนที่มีเหตุผลเป็นของตัวเอง เพียงแต่อยู่ในฐานะผู้ดูผู้ติดตาม ทุกครั้งที่ผมได้อ่านงานเขียนของ อ. อริน หรือ รุ่งโรจน์  วรรณศูทร  ผมก็จะนึกถึง คนสามคนในขณะนี้ที่ต้องบอกว่าถ้าเป็นมวยก็ถือว่าฟอร์มชก ร้อนแรงมาก การรวมตัวกำเนิดคนเสื้อแดง ในนาม กวป. กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 

กับคำพูดในท้ายบทความบทนี้ที่ อ.อรินพูดว่า

                        ***********************
มัน ไม่มีหรอกครับ ดอกเตอร์ นักวิชาการ ศาสตราจารย์ แกนนำ/แกนนอน ผู้นำนักกิจกรรม ที่จะ "ลดตัว" มาพูดคุยกับผม ทันทีที่สังคมนี้ขยับเข้าสู่ mode เลือกตั้ง 2554 -> หายหัวกันผมด 100% เต็มจริงๆ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นอนุญาติให้ผมได้เสนอหน้าตามเวทีหรือรายการโทรทัศน์ (ไม่เคยได้แม้แต่ค่ารถสำหรับคนจน) มาหลายครั้งหรือนับสิบครั้ง

 

 ไม่อยากคิดว่า "หลิกใช้ประโยชน์เฉพาะกิจ" ด้วยความที่คบใครมีแต่ความใจริงใจและบริสุทธิ์ใจ
                             


                          ***********************
ความเหมือน ของ  รุ่งโรจน์ วรรณศูทร ที่คล้ายแกนนำ กวป.

และกับการประกาศแนวทางการต่อสู้ ในนาม กวป. กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  ของ  หนุ่ม โคราช, ศรรัก มาลัยทอง, สมศักดิ์   ล้อเพชรรุ่งเรือง,  ที่ชัดเจนในเจตนาและแนวทางการต่อสู้




- ผลักดันรัฐบาลให้ใช้ มาตรา 87 มองอำนาจให้แก่ประชาชนแก้ปัญหาให้ประเทศ
- ต่อต้านระบบตุลาการอำมาตย์ทำลายชาติ
- ยุบศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นต้นเหตุแห่งความวุ่นวายของประเทศ
- ยกเลิกมาตราอัปยศ 309 ปลอล๊อคอำนาจเผด็จการ
- ผลักดันรัฐบาลให้ใช้ มาตรา 87 มองอำนาจให้แก่ประชาชนแก้ปัญหาให้ประเทศ
- ต่อต้านระบบตุลาการอำมาตย์ทำลายชาติ
- ยุบศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นต้นเหตุแห่งความวุ่นวายของประเทศ
- ยกเลิกมาตราอัปยศ 309 ปลดล๊อคอำนาจเผด็จการ
- การสร้างสภาประชาชน
- พูดง่ายๆชัดๆคือประกาศชัดว่าจะต่อกรกับทุกองค์กรที่เป็นเครือข่ายของพวกอำมาตยาเผด็จการ

หรือล่าสุดแม้แต่การปรับปรุงสร้างสถานีวิทยุ กวป.เพื่อให้มีแรงส่งมาขึ้นในการแจ้งข่าวให้ความรู้กับประชาชน แต่สิ่งที่ผมรับรู้จากปากของทั้ง 3 คนนี้ผ่านคลื่นวิทยุบ่อยๆ และมีส่วนที่คล้ายกับ อ. อริน ( รุ่งโรจน์ วรรณศูทร ) คือไม่มี ดอกเตอร์ นักวิชาการ ศาสตราจารย์ แกนนำ/แกนนอน ผู้นำนักกิจกรรม นักการเมือง ที่จะ "ลดตัว" มาพูดคุยสอบถามแนวทางการดำเนินการการต่อสู้ เพราะมีแต่ประชาชนที่โทรมาให้กำลังใจและแสดงความคิดเห็น  

มิใช่จากมาแบ่งมิตรแบ่งศัตรูนะครับ แต่ผมไม่เข้าในว่า คนที่มีแนวคิดแบบตรงไปตรงมาและ เขียนอธิบายได้ อ.อริน / พูดอธิบายชี้แจงนำพามวลชนดำเนินการได้ อย่าง แกนนำ กวป.และคณะกรรมการกลุ่ม

เหตุใด ละครับ  ดอกเตอร์ นักวิชาการ ศาสตราจารย์ แกนนำ/แกนนอน ผู้นำนักกิจกรรม นักการเมือง ทั้งหลาย ผู้ที่ประกาศตัวว่าอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย อยู่ข้างประชาชน จึงทำเหมือนตามองไม่เห็น หูไม่ได้ยิน



   .....
miniman
 7-7-56

 

ไม่มีความคิดเห็น: