วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

โรคไตคร่าชีวิต สส.เพื่อไทย สถาพร มณีรัตน์ แกนนำแดงลำพูน





<>
ภาพอดีต - นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน เขต 2 พรรคเพื่อไทย เสียชีวิตแล้วจากโรคไต เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ภาพนี้ถ่ายเมื่อครั้งเดินทางมารายงานตัวที่รัฐสภาหลังได้รับเลือกตั้งเมื่อปี 2554 พร้อมหาบลำไย หัวหอม และกระเทียม
























สิ้นส.ส.สถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย หลังป่วยด้วยโรคมะเร็งและโรคไตนานนับปี เตรียมเคลื่อนศพจากโรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ มาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด อ.บ้านธิ จ.ลำพูน วันนี้ ด้านกกต.เตรียมจัดเลือกตั้งซ่อมภายใน 45 วันตามกฎหมายกำหนด คาดใช้วันที่ 26 ส.ค. แต่รอที่ประชุมกกต.หารือจันทร์นี้ก่อน เผยประวัติเป็นประธานสหภาพแรงงานกฟผ.ก่อนลงเล่นการเมือง เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย แล้วเป็นส.ส.ลำพูน 3 สมัย รวมทั้งแกนนำเสื้อแดงด้วย



เมื่อวันที่ 14 ก.ค. รายงานข่าวว่า นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.เขต 2 ลำพูน พรรคเพื่อไทย เสียชีวิตลงแล้วด้วยโรคไตและโรคมะเร็ง เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ หลังจากเข้ารับการรักษาอาการเจ็บป่วยจากโรคไตก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ศพของนายสถาพรยังอยู่ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ มีกำหนดเคลื่อนศพในวันที่ 15 ก.ค. เวลา 08.00 น. เพื่อมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดสันทราย หมู่ 5 ต.บ้านธิ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน โดยจะมีพิธีรดน้ำศพในเวลา 15.00 น.



สำหรับประวัติของนายสถาพร เกิดเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2505 ที่ จ.ลำพูน จบการศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคลำพูน ปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ปริญญาโทรัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์



เรื่องทำงานการเมืองเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย โฆษกกระทรวงพลังงาน และกรรมาธิการสวัสดิการสังคม เมื่อปี 2548 ตัดสินใจลงเลือกตั้งระบบแบ่งเขต เป็นส.ส.ลำพูน เขต 3 พรรคไทยรักไทย ต่อมาเป็นส.ส.ลำพูน พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยตามลำดับ และยังเป็นแกนนำเสื้อแดงในจ.ลำพูนด้วย



ทั้งนี้ ก่อนเข้ามาทำงานทางการเมืองนายสถาพรเคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ และเคยรณรงค์ต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมาก่อน



ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ทราบเรื่องนายสถาพรเสียชีวิตแล้ว โดยเตรียมนำศพไปประกอบพิธีกรรมที่วัดสันทราย อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ซึ่งเป็นบ้านเกิด เบื้องต้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยรับทราบแล้ว ทั้งนี้ นายสถาพรมีอาการป่วยมานานแล้ว ตั้งแต่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังไม่ทราบ ต้องรอให้แพทย์เป็นผู้แถลงอีกที อย่างไรก็ตาม เมื่อนายสถาพรเสียชีวิตลงไปแล้วตามกฎหมายการเลือกตั้งจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด แต่ยังไม่ควรพูดเรื่องดังกล่าว เพราะยังอยู่ในช่วงโศกเศร้าเสียใจของญาติพี่น้องอยู่



นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ตามกฎหมายกำหนดว่าหากตำแหน่งส.ส.ว่างลง เนื่องจากส.ส.เสียชีวิต จะต้องเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน นับจากวันเสียชีวิต ซึ่ง กกต.จะนัดประชุมพิเศษในวันที่ 16 ก.ค.นี้ เพื่อกำหนดวันเลือกตั้งซ่อมในเขตดังกล่าว และเสนอต่อ ครม.ให้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นวันที่ 26 ส.ค. ส่วนวันประกาศรับสมัครเลือกตั้งจะต้องรอกำหนดวันเลือกตั้งจริงก่อน ซึ่งจะใช้เวลา 15 วัน
ที่มา..วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 7899 ข่าวสดรายวัน


.....................................................................................................

ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ
ท่าน ส.ส.นักสู้เพื่อประชาชน

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ตลก ของ ตลก



*** ตลก ที่ 1 ***

ศาลบอกบอกว่า ถ้าตั้ง สสร. แก้ทั้งฉบับ สภาจะ ต้อง (หรือ “ควร” ?) ไปถามประชาชนก่อน

ในขั้นแรก รัฐธรรมนูญ มาตรา 165 เองไม่ได้ให้อำนาจรัฐสภา
ไปทำประชามติถามประชาชน
ผู้ที่จะทำประชามติได้ คือ คณะรัฐมนตรี
แล้ว ศาลจะให้ ‘ฝ่ายบริหาร’
ไปก้าวล่วงถามเรื่องแก้รัฐธรรมนูญแทน ‘ฝ่ายนิติบัญญัติ’ กระนั้นหรือ ?

หรือศาลจะให้สภา ไปตรากฎหมายที่ ‘เล็กกว่า’ รัฐธรรมนูญ
มาขอทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ‘ที่ใหญ่กว่า’ ?

แล้วตอนไปถามประชาชน จะให้ถามว่าอะไรครับ จะให้เลือกระหว่าง

ก. เลือกเก็บ รธน 2550 ทั้งฉบับไว้

กับ

ข. เลือกร่างใหม่ ที่ยังไม่ทันได้ร่าง

แล้วจะให้ประชาชนเลือกอย่างไร ? ในเมื่อตัวเลือกมันยังไม่มีให้เลือก ?

*** ตลก ที่ 2 ***

ศาลบอกว่า แก้ทั้งฉบับ ต้องถามประชาชนก่อน

แต่แก้ทีละมาตรา ไม่ต้องถามประชาชน

สรุปถ้า จะแก้ทีละมาตรา ทั้งหมดซัก 300 มาตรา
สรูป สภาทำได้ ไม่ต้องถามประชาชน ?

ตรรกะนี้ ผิดเพี้ยน มาก เอาคำหรู เช่น
“อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ” มาอ้าง ก็ไม่ได้ช่วยให้มีตรรกะแต่อย่างใด

*** ตลก ที่ 3 ***

หลังศาลอ่านคำวินิจฉัย โฆษกศาลแถลงว่า
ข้อกฎหมายที่ศาลวินิจฉัย คือ มาตรา 68
สรุปว่าไม่ได้มีการล้มล้างการปกครองฯ แต่พอถูกนักข่าวถามว่า
ศาลวินิจฉัยเรื่อง มาตรา 291 ว่าห้ามแก้ไขทั้งฉบับ
หรือไม่ โฆษกกลับตอบว่า เป็นข้อเสนอแนะ เป็นความเห็น
หากรัฐสภาดำเนินการต่อ ต้องรับผิดชอบเอง

แล้วสรุป ถ้าจะ ยกคำร้อง แล้ว จะยึกยัก
แสดงความเห็นนอกประเด็นไปเพื่อเหตุใด ?



*** ผมย้ำอีกครั้งว่า ***

ประเด็นของคดีนี้ คือ มาตรา 68 ไม่ใช่ มาตรา 291
ศาลจึงไม่มีอำนาจไปก้าวล่วงว่า มาตรา 291 แก้ไขอย่างไร


ขนาดสมัยประชาธิปัตย์แก้รัฐธรรมนูญทีละมาตรา
แล้วเพื่อไทยนำไปร้องศาลตาม มาตา 154 ศาลยังปฏิเสธคำร้องเพื่อไทย
บอกว่า มาตรา 291 เป็น “เรื่องเฉพาะ”
ที่สภาต้องดำเนินการสามวาระ ศาลไม่เข้าไปก้าวล่วง


มาตรา 291 กำหนดว่า เมื่อพ้น 15 วัน
หลังลงมติวาระ 2 ไปแล้ว สภามี “หน้าที่ตามกฎหมาย” ต้องเดินต่อไปยัง วาระ 3


ดังนั้น เมื่อศาลวินิจฉัยแล้วว่า คดีนี้ไม่ขัด มาตรา 68
รัฐสภาต้องเดินหน้าต่อวาระสามตามที่ มาตรา 291 กำหนดไว้
รัฐสภาจะนำความเห็นหรือข้อเสนอแนะนอกคำวินิจฉัยไม่ได้


และหากประชาชนผู้รักประชาธิปไตยจะหลงตามศาลจนแตกเสียงกันว่า
จะเดินหน้าวาระ 3 หรือไม่ ก็จะน่าเสียดาย

ส่วนถ้าสภาเดินต่อวาระ 3 แล้วมีคนไปฟ้องซ้ำว่าขัดมาตรา 68
ศาลก็ต้องตอบให้ชัดเจนว่า ที่บอกว่า มาตรา 291
แก้ได้อย่างนั้นอย่างนี้ เป็น
“ความเห็น” ของศาล แต่ไม่ใช่ “คำวินิจฉัย”

เพราะคำวินิจฉัย วันศุกร์ที่ 13 นี้
มีผูกพันเพียงประการเดียว คือ “ยกคำร้อง” !




http://www.siamintelligence.com/joke-of-court/


.................................................................................

ที่มา..ไทยฟรีนิวส์..
โดย  ice angel Administrator ตาสว่าง *****

.................................................................................

ตลกจริงๆ
ครับพี่น้อง วันนี้เป็นวันของ
ตลกจริงๆ

๒๔ มิถุนา' ล้มศักดินา สถาปนาการปกครอง ฉลองรัฐธรรมนูญ



ล้มศักดินา สถาปนาการปกครอง ฉลองรัฐธรรมนูญ
     



Posted Image     


























ที่มา  http://rungsira.blogspot.com/


..................................................................



ไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับประเทศ ที่มีคนกลุ่มหนึ่งอ้างว่าตนสำคัญที่สุดในประเทศ ใครจะแตะต้องไม่ได้เลย

ผ่าดวงการเมืองหลัง'ศุกร์13'



ซ้าย-กรหริศ บัวสรวง

กลาง-โสรัจจะ นวลอยู่

ขวา-พ.ต.อ.อรรถวิโรจน์ ศรีตุลา
มีความเห็นหลากหลายเกี่ยวกับ 'ศุกร์ที่ 13' ซึ่งตรงกับวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่



บ้างก็ว่าเป็นศุกร์สยองขวัญ บ้างว่าเป็นวันดี เป็นวันธงชัย



แต่บางคนไม่เชื่อเรื่องอาถรรพ์ตัวเลข บางคนมองว่าไทยเป็นเมืองพุทธเชื่อเรื่องทำดี ได้ดี



ในมุมมองของนักโหราศาสตร์ที่ทำนายจากดวงดาว ซึ่งมีสถิติเป็นตัวชี้วัด



มีคำทำนายเรื่องศุกร์ 13 และสถานการณ์บ้านเมืองจาก นี้ไป





กรหริศ บัวสรวง



วันที่ 13 ก.ค. ที่จะถึงนี้จะเกิดลักษณะพิเศษของดาวมฤตยู เนื่องจากดาวมฤตยูจะโคจรวิปริตในวันนั้นในช่วงเวลา 16.49 น. พอดี โดยเป็นในลักษณะที่ดาวมฤตยูพักรองศาแล้วเล็งมายังดาวเสาร์และดาวอังคาร



ดาวเสาร์และดาวอังคารเป็นคู่ศัตรูที่ร้ายแรงที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่การนองเลือด การปะทะกัน ก่อให้เกิดไฟไหม้ แผ่นดินไหว และก่อให้เกิดการติดขัดทางเครื่องบินหรือเครื่องบินตก



ระหว่างนี้ก่อนที่ดาวเสาร์จะย้ายในเดือนก.ย. 2555 จึงถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของรัฐบาลว่าจะอยู่หรือไป



อีกทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดาวมฤตยูโคจรวิปริต ซึ่งนานๆ จะเกิดขึ้น รวมถึงการวินิจฉัยจะลากยาวมาถึงเวลา 16.49 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดการวิปริตของดวงดาวขึ้น



ถือเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ จึงเชื่อได้ว่าจะเกิดอะไรสักอย่างขึ้น ทั้งเกิดสุญญากาศทางการเมือง หรือการยุบพรรค สรุปว่าผลจากการวินิจฉัยจะนำไปสู่การเปลี่ยนเเปลงครั้งใหญ่ทางการเมือง ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดจากอิทธิพลของมฤตยูที่ว่า



สถานการณ์ทางบ้านเมืองก็ยังอยู่ในสภาวะล่อแหลม ตราบใดที่ดาวมฤตยูยังคงเล็งกับดาวเสาร์ และดาวอังคาร สามารถเกิดการปฏิวัติรัฐประหารได้อย่างแน่นอน และดาวมฤตยูจะอยู่ในลักษณะนี้อีก 5 ปี จึงทำนายได้ว่าดวงเมืองไทยจะอยู่ในลักษณะนี้อีก 5 ปี จะฟื้นอย่างยิ่งใหญ่ในปีพ.ศ.2560



ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเชื่อได้เลยว่าเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลในทุกๆ ด้าน ได้รัฐบาลไหนมาก็จะอ่อนแอ และทำอะไรได้ไม่เต็มที่



หลังเดือนก.ย.ที่ดาวเสาร์จะย้ายมาอยู่ในราศีตุล จะมาอยู่ในภพอริที่เล็งดวงเมือง ซึ่งเรียกว่าดวงแตก จะทำให้ดวงเมืองกับดวงของโลกเจอแต่เรื่องร้ายๆ เกิดทั้งภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การแตกแยกทางการเมือง



อีกทั้งดูจากดวงดาว เรื่องของการปรองดองไม่สามารถทำได้โดยนักการเมือง แต่ถ้าจะทำได้ต้องเริ่มจากประชาชนและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่ารัฐบาลไหนมาทำเรื่องการปรองดองก็ไม่มีวันเกิดขึ้นได้



ส่วนรัฐบาลถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้ ก็จะมีเรื่องอื่นๆ อีก เพราะดาวเสาร์จะอยู่ในภพอริ ซึ่งดาวเสาร์มาจากตำแหน่งบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล จะทำให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินอย่างอยากลำบาก



และถึงแม้รัฐบาลจะใช้วิธีแก้เคล็ดด้วยการที่นายกฯ ไม่ตอบโต้ทางการเมือง ก็จะไม่ช่วยอะไรได้มาก เนื่องจากอิทธิพลของดวงดาวที่ว่าไว้



แต่ถ้าสถานการณ์นำไปสู่การนองเลือดของกลุ่มคนเสื้อแดง เช่น คนเสื้อแดงที่ไม่พอใจคำพิพากษาของศาลจุดชนวนด้วยการเผาศาลจนนำไปสู่การจลาจล ทหารก็ต้องออกมาเพราะตอนนี้ดาวอังคารซึ่งเป็นดาวของทหารเป็นมหาจักร



และจากการที่มองไว้ในวันที่ 24-25 ก.ค. ที่จะถึงนี้ จะเกิดเหตุการณ์จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่ง



อย่างไรก็ตาม ถ้าผลสุดท้ายเเล้วศาลตัดสินออกมาเป็นประโยชน์กับรัฐบาล รัฐบาลก็อยู่ได้ไม่เกินเดือนส.ค. เพราะพอเดือนก.ย.จะเป็นดวงแตก ซึ่งมี 2 อย่างที่มองจากดวงแล้ว คือรัฐบาลน่าจะยุบสภา หรือลาออก



อย่างไรก็ตามมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน





โสรัจจะ นวลอยู่

ประเทศไทยเวลานี้จะเกิดความแตกร้าวอย่างรุนแรง ทำให้หัวหน้ารัฐบาลต้องเผชิญกับความยุ่งยาก ขณะเดียวกันความยุ่งยากทางการเมืองก็ยิ่งย้ำความร้าวฉานให้มากขึ้น



และยังจะมีเหตุร้ายแรงกับพรรค การเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่งของประเทศไทย



ซ้ำร้ายดาวมฤตยูแห่งการปฏิวัติยังคงโคจรอยู่ในภพวินาศกับดวงเมือง เป็นการยืนยันให้เห็นถึงความเสื่อมอำนาจของผู้นำ เรื่องน่าเป็นห่วงในเวลานี้คงหนีไม่พ้นความขัดแย้ง



คดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ศาลกำลังจะตัดสินในวันที่ 13 ก.ค. ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยุ่งมาก



ปีนี้ประเทศไทยยังคงพบกับเรื่องร้ายแรงหลายเรื่อง ทั้งความขัดแย้งระหว่างสีต่างๆ นักการเมืองและพรรคต่างๆ และเป็นความขัดแย้งที่หาจุดจบได้ยาก จนอาจเกิดเป็นการนองเลือด จึงอยากแนะนำให้ทุกคนใจเย็นๆ หันหน้าเข้าหากันและทำบุญกันเยอะๆ



อยากฝากเตือนรัฐบาลว่าควรจะฟังประชาชนด้วย ทำการอะไรก็ควรไตร่ตรองให้รอบคอบ เพราะดวงเมืองในปีนี้มีส่วนที่อาจทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้



ดาวเสาร์ยังคงเป็นอริกับดวงเมืองให้ระวังไว้ เพราะอาจเกิดอารมณ์ร้อนและมีการจับอาวุธลุกขึ้นสู้กันได้



ต่อจากนี้ไปนอกจากคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังตัดสินนี้ ก็อาจจะมีเรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมายและการศาลเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาอีก และอาจมีคดีความใหญ่ๆ ของบุคคลที่สำคัญๆ ตามมาทั้งปีจนถึงสิ้นปี



สิ่งที่น่าเป็นห่วงในปีนี้นอกจากเรื่องความขัดแย้งการเมืองแล้วยังมีเรื่องภัยพิบัติ น้ำท่วมที่จะใหญ่กว่าปีที่แล้ว จึงอยากเตือนให้รัฐบาลสนใจในเรื่องนี้ด้วย



อย่างไรก็ตามประเทศไทยมีพระสยามเทวาธิราชที่ยังคอยปกป้องคุ้มครองที่จะทำให้เราผ่านเรื่องนี้ไปได้ ทั้งนี้ทุกฝ่ายก็ต้องใจเย็นๆ กันด้วย





พ.ต.อ.อรรถวิโรจน์ ศรีตุลา

นายกสมาคมโหราศาสตร์

ดวงการเมืองปีนี้ร้อนแรงเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะวันที่ 10 ธ.ค. 2555 ราหูกับดาวเสาร์จะเล็งดวงเมือง มีผลทำให้ดวงเมืองแตก การเมืองจะเกิดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อาจจะเริ่มตั้งแต่เดือนก.ย. ด้วยซ้ำ



แสดงว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการปรับปรุง ถ้ารัฐบาลรู้ทันก็จะเอาตัวรอดได้ วิธีการเอาตัวรอดของรัฐบาล ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงภายใน เช่น ปรับครม. ปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ปรับการบริหาร รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาสังคม ปัญหาชายแดนภาคใต้ และเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นอีกช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.



ในระยะใกล้ การเมืองมีการเปลี่ยน แปลงเพียงเล็กน้อย มีการต่อล้อต่อเถียงกัน หรือปรับปรุงกฎหมายเล็กๆ น้อยๆ ขณะที่การเดินขบวนยังมีอยู่ แต่ไม่มีเหตุรุนแรง จนกว่าจะถึงช่วงวันที่ 10 ธ.ค.



การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 13 ก.ค. นี้ จะมีฝ่ายหนึ่งกะร่อกะแร่ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างหนึ่ง แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นฝ่ายใด



สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ความรุนแรงจะชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงหรือเตรียมการอะไรไว้ ต่อไปบ้านเมืองจะเข้าสู่วิกฤต ระยะนี้รัฐบาลและฝ่ายค้านต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองทีละเล็กละน้อย จะได้ผ่อนหนักเป็นเบา



บ้านเมืองเดินมาถึงขณะนี้แล้วยากที่จะปรองดอง มีจุดบอดที่รัฐบาลต้องแก้ไข ถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อขยายวงกว้างออกไปรัฐบาลจะถึงจุดจบ 100 เปอร์เซ็นต์



เพื่อป้องกันความรุนแรง รัฐบาลต้องค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ เปลี่ยน เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ รัฐบาลควรค่อยๆ ทำไปทีละนิด ถ้าลุยทำไปเลยทีเดียวจะเกิดปัญหา ถ้าไม่ทำตามที่ว่านี้ สุดท้ายจะมีการปฏิวัติล้มล้างรัฐบาลแบบเด็ดขาด



ถ้ารัฐบาลฉลาดและอยากอยู่ในตำแหน่งต่อ ต้องชะลอประเด็นร้อนๆ ไว้ก่อน และเมื่อถึงวันที่ 10 ธ.ค. รัฐบาลอาจชิงปฏิวัติตัวเองก่อนคือ ยุบสภา ก่อนที่จะถูกคนอื่นปฏิวัติ


ที่มาข่าว....วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 7897 ข่าวสดรายวัน

............................................................................................................................................

ถ้ารัฐบาลฉลาดและอยากอยู่ในตำแหน่งต่อ  ต้องเลิกฟังพวกนั่งทางในนะครับ
เหตุการบ้านเมืองในปัจจุบัน รัฐบาลต้องฉลาดฟังเสียงของประชาชนที่เลือกท่านมาครับ
เพราะถ้าเขาไม่เห็นด้วย ท่านคงไม่มีโอกาสมานั่งเป็นรัฐบาลกันในเวลานี้...

...ถ้าเดือนกันยายนนี้ เป็นเดือนแตก ถึงขั้นรุนแรง อาจจะเร็วกว่าที่คิด รัฐบาลชุดนี้ อาจจะกลับเพราะทุกอย่างอาจจะจบลงด้วยดี....

ผมได้แต่คิด  คิดมานานแล้ว ...อยากจังว่าในอีกไม่กี่เดือนที่หมอดูทั้งหลายทำนายเดาไว้เป็นความจริง แล้วสมมุติว่า.. มีคนของพรรคแมลงสาป หลายคนโดนยิงตายแบบ เสธ.แดง รวมทั้ง พวกชั่วๆที่ออกมาปลุกระดมคนให้ออกมาล้มรัฐบาลนี้ ..... ทั้งหัวขาว หัวงอก หัวดำ หัวเถิก ทั้งหลาย ต้องพบจุดจบด้วยอุบัติเหตุเช่นนี้ ....บ้านเมืองคงจะสงบสุข เสียทีสินะ...ผมได้แต่คิดและจินตนาการไปเองนะครับ และเล่าสู่กันฟัง

ใครเจรจาลับ!?

คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม    สมิงสามผลัด
วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 7897 ข่าวสดรายวัน



แค่ขยับตัวก็โดนจับผิดอีกแล้ว k

ตามคิววันนี้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บินไปกล่าวสุนทรพจน์ต่อนักธุรกิจสหรัฐอเมริกาในการประชุมฟอรั่มธุรกิจอาเซียนที่กัมพูชา

ก็โดนฝ่ายตรงข้ามค่อนแคะว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนบ้าง เจรจาธุรกิจให้พี่ชายบ้าง

ทั้งที่ กระทรวงต่างประ เทศยืนยันแล้วว่าการเยือนกัมพูชาครั้งนี้ นายกฯยิ่งลักษณ์ ได้รับเชิญไปในฐานะ "แขกพิเศษ" นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา

ไม่ใช่อยู่ๆ ก็บินไปเอง

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกปชป.แถลงให้จับตาให้ดี

อาจมีการเจรจาลับเรื่องพลังงานในพื้นที่ทับซ้อน

อาจมีการเจรจาลับกับสหรัฐแลกกับวีซ่า 10 ปีของ พ.ต.ท.ทักษิณ

แม้แต่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าปชป.ถึงกับบอกว่า "ไม่ใช่วาระปกติ"

เพราะทักษิณเคยประกาศว่าสนใจลงทุนเรื่องธุรกิจพลังงานในพื้นที่ทับซ้อน

ก้าวไม่พ้นทักษิณเหมือนเดิม!?

ก็ไม่เป็นไร เป็นสิทธิ์ของของปชป.ที่จะตรวจสอบรัฐบาล

แต่ไม่อยากให้มองว่ารัฐบาลนี้ต้องทำอะไรเป็นเรื่องลับๆ เสมอ

เพราะมีตัวอย่างในอดีตกรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่แอบบินไปเจรจา "ลับ" ถึง 3 ครั้งที่กัมพูชา-คุนหมิง-ฮ่องกง

โดย สมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชาเป็นคนเปิดโปงเรื่องลับนี้เอง

ระบุว่าสมัยที่นายสุเทพเป็นรองนายกฯ เคยไปกินแกงเลียง ฝีมือภริยาฮุนเซนถึงที่บ้าน

ขอเจรจาลับเกี่ยวกับบล็อกน้ำมันในทะเล

บอกด้วยว่านายอภิสิทธิ์มอบหมายมา และต้องการเจรจาให้จบในสมัยรัฐบาลปชป. แต่นายกฯ ฮุนเซนไม่เจรจาด้วย

เป็นการยืนยันถึงการเจรจาลับในยุคนั้น

ส่วนการออกมาวิพากษ์นายกฯ ปูเตรียมบินไปเจรจาลับครั้งนี้

ลงเอยก็แค่จินตนาการอีกกระมัง

..........................................................................................................


สงสัยจริงครับว่า คนไทยเขาจะรู้เรื่องนี้กันมากมายแค่ไหนนะครับ
แล้วนายอภิสิทธิ์เคยตอบคำถามนี้กับใครหรือยังหนอ