วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

3 กุมภาพันธ์ วันทหาร ( จะ ) ผ่านศึก

ทหารพรานยิงถล่มปิกอัพ มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ บาดเจ็บ4 คน ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ชาวบ้านที่รอดตายโวยเจ้าหน้าที่ยิงมั่ว ขณะที่ฝ่ายทหารอ้างถูกยิงก่อนและพบปืนอาก้าในรถด้วย เมื่อ 30 ม.ค.

  • ส่อวุ่น-ถล่ม4ศพใต้ โวยยิงมั่ว ทหารโต้มีปืนในรถ
    เหยื่อที่รอดเผยนาทีเกิดเหตุ ผวจ.ปัตตานีสั่งตั้งกก.สอบด่วน ยันถ้าผิดจริง-ต้องเร่งเยียวยา

    วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7733 ข่าวสดรายวันhttp://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNak14TURFMU5RPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1pMHdNUzB6TVE9PQ==
  • ข่าข่าวสด วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555  ปีที่ 21 ฉบับที่ 7733  วสด วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555  ปีที่ ---------------------21 ฉบับที่ 7733 

    Thairath กมธ.ปรองดอง ไม่เห็นด้วยแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผวาจุดชนวนความรุนแรงรอบใหม่ถึงขั้นสิ้น...31 มกราคม 2555, 15:30 น.ค้านแก้ม.112 ชนวนขัดแย้ง หวั่นทำสิ้นชาติ

     รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณเหล่าทัพ ไม่รื้อโครงสร้างทหาร พร้อมสามัคคี อยู่แบบพี่น้อง เล็งปรับโครงสร้างกองทัพ...30 มกราคม 2555, 15:09 น.รมว.กลาโหม จ่อถกโผทหารผู้นำเหล่าทัพ ก.พ.นี้

    นิติราษฎร์, ม.112,คลังแสงระเบิด,ปืนลั่น,ทหารค้ายา,

    3 กุมภาพันธ์ วันทหาร ( จะ ) ผ่านศึกเหล่าไปได้อย่างไร

    ...................................

    พระยาพิชัยตัดสินใจที่จะเป็น “ทหารเสือพระเจ้าตาก” แต่เพียงพระองค์เดียว จึงทิ้งลูกและภรรยาเดินออกจากเมืองพิชัยด้วยใจเด็ดเดี่ยว




    --------------------------------------------------------------------------------------------------

    ทหารเสือพระเจ้าตาก มุมมองทางจิตวิญญาณที่น่าสนใจ    สร้าง: 12 กรกฎาคม 2550 12:50  วันนี้นั่งดูหนังเรื่องทหารเสือพระเจ้าตาก กับลูก ๆ   รู้สึกประทับใจ นายจ้อย (ทองดี, พระยาพิชัยอาสา, พระยาพิชัยดาบหัก)มาก 

    ·แก้ไข:31มกราคม255505:41  เรื่องโดยหมอหลองที่มา http://www.gotoknow.org/blog/chalong/110814 ) 
    --------------------------------------------------------------------------------------------------  


    
       


           ตั้งแต่วัยหนุ่ม  จ้อยแสวงหาความรู้เรื่องหมัดมวยจากอาจารย์เมฆ และอาจารย์เที่ยง   สมัยเรียนมวยไทยจากอาจารย์ทั้งสอง  ทองดีเป็นเด็กดี  ตั้งใจเรียน  อดทน  อดกลั้น  เป็นศิษย์รักของอาจารย์ จนทำให้ลูกศิษย์คนเก่าอิจฉา  พาลหาเรื่อง  รุมชกต่อย  ทองดีไม่กล้าอยู่ต่อแม้ว่าจะสามารถต่อสู้กับคนเหล่านี้ได้ก็ตาม   ที่ประทับใจช่วงนี้ คือ ทองดีมีความอดกลั้นต่อการด่าว่าของเพื่อนร่วมเรียน   เลยถามลูกชายวัยรุ่นว่า ถ้าลูกโดนเพื่อนด่าแบบนี้จะทนได้ไหม… เขาบอกว่าทนได้ การอดทนอดกลั้นสามารถช่วยควบคุมอารมณ์ที่ดีมาก   การอดทนต่อคำพูดของคนอื่นที่พูดให้เราเจ็บใจ จึงเป็นการเติบโตทางจิตวิญญาณอย่างใหญ่หลวง   หากเราทนได้ก็ถือว่าเยี่ยมมาก   ที่เยี่ยมมากกว่านั้น คือ การฟังคำด่าอย่างตั้งใจ อย่างลึกซึ้ง และนำไปใคร่ครวญดูว่าที่เขาพูดมานั้นจริงหรือเปล่า  หากจริงก็ต้องขอบคุณเขามาก ๆ เรียกได้ว่า “ศัตรูคือมิตรที่ดีที่สุด”   และหลังจากนั้นก็นำไปปรับปรุงแก้ไขตัวเอราให้พัฒนามากขึ้น
                       หากคนด่าว่าเราแล้วเราโกรธตอบ ก็ถือว่า “เป็นความฉลาดทางอารมณ์ที่ด้อยของเรา เพราะเขาพูดชั่ววินาทีเดียว แต่เรานำไปคิดกังวลอยู่นานนับวัน นับเดือน นับปี  บางคนก็เปลี่ยนแปลงเป็นความโกรธ เกลียด เคียดแค้น พยาบาท  ก็ยิ่งเข้าไปอีก   เป็นอารมณ์ลบ  ทำให้เราเกิดความทุกข์  ซึ่งผู้ด่าลืมไปหมดแล้ว  ไปนั่งสุขสบายตั้งนานแล้ว  แต่เรายังทุกข์ใจอยู่นานแสนนาน  น่าจะโง่มากกว่าที่ไปโกรธตอบเขา
                         ทองดีเป็นเด็กใฝ่รู้ “แค่เดินผ่านเขาฝึกซ้อมมวยจีน” ก็หยุดดูและนำมาฝึกฝน ผสมผสานกับมวยไทย จนสามารถนำไปใช้ต่อสู้ได้ชัยชนะ  เป็นที่โปรดปรานของพระยาวิเชียรปราการ (พระเจ้าตากสิน) และตั้งนามให้ว่า หลวงพิชัยอาสา  ตั้งแต่นั้นมาหลวงพิชัยอาสาก็เป็นทหารเสือของพระเจ้าตากสินต่อสู้กับพม่าจนดาบหัก คนไม่เป็นอะไร  พระเจ้าตากสินประทับใจในความเก่งกล้าสามารถของหลวงพิชัยอาสา  จึงตั้งให้ฉายาให้ว่า “พระยาพิชัยดาบหัก”  หลังจากกอบกู้เอกราชได้ พระเจ้าตากมอบหมายให้พระยาพิชัยดาบหักไปเป็นเจ้าเมือง “พิชัย”
                     ความงามของพระเจ้าตากสิน ที่น่าประทับใจอีกอย่าง คือ ความเสียสละ  และความรักเพื่อนทหารของพระองค์   พระองค์เสียสละแม้กระทั่งคนรักให้กับหลวงพิชัยอาสา โดยกล่าวว่า หญิงรึจะสู้ทหารกล้า  นับเป็นผู้นำที่มีจิตใจเมตตา  เสียสละ  ที่เห็นทหารกล้ามีความสำคัญมากกว่าคนรักของพระองค์  ทรงมีน้ำพระทัยใหญ่หลวงที่เห็นความสุขของทหารกล้ามีค่ายิ่งกว่าคนรัก
                    ความงามของพระยาพิชัยดาบหักอีกอย่าง คือ “ความกตัญญูกตเวที” หลังจากพระองค์ได้เป็นเจ้าเมืองพิชัยแล้ว ก็กลับไปหาครูมวยทั้งสองท่าน คือ ครูเที่ยงและครูเมฆ  ได้แต่งตั้งครูเมฆเป็นกำนันและครูเที่ยงเป็นผู้ใหญ่บ้าน  ประพฤติปฏิบัติตนต่ออาจารย์เยี่ยงศิษย์ที่ดี  แม้ว่าจะเป็นเจ้าเมืองแล้วก็ตาม                     นอกจากนี้ ยังเห็นบุญคุณของ “บุญเกิด” ผู้ติดตามมาตั้งแต่เรียนหมัดมวย  แม้บุญเกิดไม่เคยสนใจจะเรียนก็ตาม  แต่ก็ติดตามรับใช้มาตลอด  จึงทรงแต่งตั้งให้บุญเกิดเป็น “หมื่นหาญณรงค์” เป็นทหารในเมืองพิชัย
                     สำหรับความงามของหมื่นหาญณรงค์ คือ “ความจงรักภักดีต่อเจ้านาย และเลือดรักชาติ กล้าหาญมาก”  แม้ไม่มีความสามารถเพียงพอก็ตาม   ครั้งหนึ่งทหารพม่ายกมาจากกรุงอังวะมาตีเมืองพิชัย  พระยาพิชัยบอกให้หมื่นหาญณรงค์ช่วยนำลูก เมีย ของท่าน หนีไป เพราะคิดว่าคงสู่พม่าไม่ได้  แต่ หมื่นหาญณรงค์ บอกว่า เขาจะร่วมต่อสู้กับพระยาพิชัย   จนพระยาพิชัยแปลกใจว่าตลอดเวลาที่สู้รบมา “บุญเกิด” ไม่เคยกล้าหาญที่จะสู้รบ แต่มาครั้งนี้ทำไมต้องอาสาด้วย  “บุญเกิดตอบว่า ตอนนี้เขาคือ หมื่นหาญณรงค์ เป็นทหารที่ต้องกล้าหาญ ต่อสู้เพื่อชาติ ต้องเสียสละเพื่อรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้”   ในที่สุดก็เป็นเรื่องเศร้าว่า “หมื่นหาญณรงค์ตายในสนามรบ”     พระยาพิชัยเสียใจว่า หากไม่แต่งตั้งให้เป็นหมื่นหาญณรงค์ บุญเกิดก็ไม่น่าจะตายเร็วเช่นนี้
                    สุดท้ายที่ประทับใจในความงามของพระยาพิชัยดาบหัก  คือ “ความจงรักภักดีต่อพระเจ้าตากสิน” หลังจากทราบข่าวว่าพระเจ้าตากสินสิ้นพระชนม์  พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นเมืองหลวงใหม่ของไทย  เจ้าเมืองหัวเมืองต่าง ๆ จะต้องเข้าไปถือน้ำพิพัฒนสัตยาต่อพระมหากษัตริย์   พระยาพิชัยตัดสินใจที่จะเป็น “ทหารเสือพระเจ้าตาก” แต่เพียงพระองค์เดียว  จึงทิ้งลูกและภรรยาเดินออกจากเมืองพิชัยด้วยใจเด็ดเดี่ยว และหายไปจากเมืองพิชัยตั้งแต่วันนั้น   ซึ่งน่าเสียดายทหารกล้าคนนี้มาก แต่ด้วยความจงรักภักดีต่อพระเจ้าตากสิน ที่ได้ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาร่วมกันมาแล้ว  จึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือแปรพักตร์ไปเป็นทหารเสือของผู้ใดได้อีกในชาตินี้  น่าชื่นชมความงามของบุคคลสำคัญของชาติไทยที่ช่วยกอบกู้อิสรภาพให้ชาติไทยเป็นเอกราชอยู่ได้จวบจนทุกวันนี้



    พระยาพิชัยต่อสู้กับพม่าเมื่อครั้งศึกโปสุพลายกทัพมาตีเมืองพิชัยจนดาบคู่กายของท่านหัก

    เธอหรือคือทางผ่าน"ปัญญา เรณู"เพราะกู บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์จะไม่ได้เงินหรือได้เงินมันก็เรื่องของกู



    กระหึ่มหน้าจออีกครั้งดังไปทุกเว็บ...บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เขียนในเฟซบุ๊ค กรณีมีกระแสต่อต้านภาพยนตร์เรื่อง"ปัญญากับเรณูภาค2"ที่เขาเป็นผู้กำกับการแสดงว่า "เรื่องหนังของผม..ผมทำหนังมาเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย..ใครจะดูหรือไม่ดูก็เรื่องของพวกเค้า..หนังผมจะไม่ได้เงินหรือได้เงินมันก็เรื่องของผมเพราะมันเป็นเงินของผม"


    "กูบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ใครข้องใจเจอได้ทุกเวลา..http://www.oknation.net/blog/canthai/2012/01/11/entry-3

    (ปล.ต้องขอโทษด้วยนะที่ผมไม่สู้คน)
    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    บิณฑ์” ไม่สนต่อให้ “ปัญญาเรณู2”ไม่สนหนังเจ๊ง ไม่ทำเงินก็จะเดินหน้าสร้างภาค3 ต่อ เผยเตรียมยกกองไปถ่ายทำที่อินเดียเกือบทั้งเรื่อง แจงบทเขียนเสร็จเกิน 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว แย้มอาจมีถึงภาค4 http://manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9550000011495



    (ส่วนมากคนมีเงินมากๆในประเทศนี้เขาก็คิดอย่างนี้และ)

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ที่ News news story. นำมาเคาะต่อก็จะบอกว่าสาเหตุก็มาจากเรื่อง ม.112 นั่นแหละ ผมก็ยังงงอยู่ว่า ถึงแม้ ปัญญา เรณู2 จะเจ๊ง แล้วมีต่อภาค 3-4  ผมก็ยังไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกับปากท้องชาวบ้านและความเป้นอยู่ของชาวบ้านเลย ที่ชาวบ้านเขารอคือไม่ว่าใครพรรคไหนเป็นรัฐบาลเขาก็อยากให้แก้ปัญหาความยากจนและทำให้สังคมสงบสุขมีแต่ความปรองดอง  ..แต่นี่แม่งมันจ้องแต่อิงกระแสแห่ประจานละลานกันหาเรื่องกล่าวหากัน  จะแก้หรือไม่แก้ ม.112  ที่ผ่านมายังไม่เห็นมีใครร้องบอกว่าไม่จงรักภักดี  แล้วสูเจ้าทั้งหลายเอาเหตุผลอันใดไปกล่าวหาด่าประจานกันต่างๆนาๆว่าถ้าแก้แล้วจะเป็นการ...อย่างนั้น...อย่างนี้....หรือที่แท้ในสมองพวกสูเจ้าคิดกันแต่อย่างนี้ จึงกล่าวหาว่าคนอื่นได้เป็นขั้นเป็นตอนดีเหลือเกิน...น่าสงสัยจังโว้ย......( กูไม่ใช่บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์  ใครข้องใจอะไรอย่ามาเจอกู เพราะกูกลัวเจ๊ง )
    

    วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

    ขู่ฆ่า‘วรเจตน์-ปิยบุตร’นิติราษฎร์นัดหารือประเมินสถานการณ์


    แกนนำนิติราษฎร์แฉมีอีเมล์จากทหารสังกัด พล.1 รอ. ข่มขู่ให้หยุดเคลื่อนไหว อ้างคนในกองทัพเริ่มทนไม่ไหวแต่ยังไม่ปักใจเชื่อเป็นทหารจริงหรือไม่ เผย “วรเจตน์-ปิยบุตร” ถูกคุกคามหนักถึงขนาดขู่เอาชีวิต ผิดหวังสังคมไทยยังไม่พร้อมเปิดรับฟังความเห็นเพื่อแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประชาธิปไตย ยืนยันไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง นำเสนอทุกอย่างตามหลักวิชาการ หากประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยถือว่าจบ อยากให้คนถืออาวุธทุกกลุ่มอดทนฟังอย่างสันติ เตรียมนัดสมาชิกหารือในสัปดาห์นี้เพื่อประเมินสถานการณ์และทบทวนท่าทีการเคลื่อนไหว
    หลังจากที่คณะนิติราษฎร์ : นิติศาสตร์เพื่อราษฎร เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จนนำไปสู่การรวบรวมรายชื่อประชาชน 10,000 ชื่อ ของคณะรณรงค์แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 112 (ครก.112) เพื่อผลักดันร่างกฎหมายนี้เข้าสู่สภาภายในเวลา 112 วัน รวมทั้งข้อเสนอการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับนิติราษฎร์ให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาล กองทัพ และสถาบันทางด้านการเมือง จนเกิดกระแสคัดค้านจากหลายฝ่าย ทั้งจากกองทัพ ฝ่ายการเมือง รวมถึงภาคประชาชนบางกลุ่ม ล่าสุดมีผู้อ้างว่าเป็นทหารจาก พล.1 รอ. ส่งข้อความข่มขู่เข้ามาในอีเมล์ของคณะนิติราษฎร์ระบุว่าสายทหารเริ่มทนไม่ไหวแล้ว
    ผศ.ดร.จันทจิรา เอี่ยมมยุรา อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในแกนนำนิติราษฎร์ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มยังไม่แน่ใจว่าผู้เขียนอีเมล์ที่ส่งมาเป็นทหารจริงหรือไม่ และข้อมูลที่ให้มาเป็นจริงหรือไม่
    “ถ้าเป็นทหารจริงและมีแนวคิดอย่างนี้เกิดขึ้นในค่ายทหารจริง อยากชี้แจงว่าคณะนิติราษฎร์เป็นนักวิชาการ เสนอความเห็นตามหลักวิชาการที่ถูกต้องทั้งในหลักสากลและหลักวิชาการที่ศึกษามา เมื่อเห็นว่าอะไรที่ถูกต้องสำหรับสังคมไทยก็เสนอออกมา ทหารหรือกลุ่มใดก็ตามที่มีอาวุธอยากขอให้อดทนฟังความเห็นของเราแบบเป็นพี่น้องกันในสังคม” ผศ.ดร.จันทจิรากล่าวและว่า ข้อเสนอของเราเป็นเพียงความเห็นหนึ่ง หากประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ถือว่าจบ ไม่มีผลอะไรต่อความมั่นคงของชาติ ความมั่นคงของสถาบันใด อย่างไรก็ตาม การมีอีเมล์นี้เข้ามาเราถือว่ามีคนที่มีไมตรีจิตกับเราเตือนมาด้วยความหวังดี
    ผศ.ดร.จันทจิรากล่าวอีกว่า สมาชิกนิติราษฎร์ไม่มีใครหวาดกลัวกับการข่มขู่ แต่ รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และ ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล จะเจอหนักกว่าคนอื่นๆ ต้องไปถามทั้ง 2 ท่านว่ากลัวหรือไม่ เพราะมีถึงขู่เอาชีวิต เราไม่ได้ท้าทายแต่ตั้งใจจะแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาประชาธิปไตย
    “เราเศร้าใจกับการข่มขู่ เพราะสิ่งที่เราเชื่อว่าสังคมไทยพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าไปอย่างสงบสันติ เป็นสังคมที่เปิดกว้างให้ทุกคนทุกฝ่ายมาร่วมกันแสดงความเห็นไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็ยังเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะสามารถเลือกสิ่งที่ถูกต้องได้ด้วยตัวเอง” ผศ.ดร.จันทจิรากล่าวและว่า ในสัปดาห์นี้สมาชิกในกลุ่มได้นัดหารือเพื่อประเมินสถานการณ์และท่าทีของตัวเองว่าจะขับเคลื่อนอย่างไรต่อไป
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิติราษฎร์ได้ออกประกาศถึงประชาชนผ่านเว็บไซต์เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า คำวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายไม่เห็นด้วยจำนวนมากไม่ได้ตั้งอยู่บนเนื้อหาและหลักวิชาการ แต่มุ่งโจมตีและกล่าวหาตัวบุคคลโดยไร้เหตุผลและพยานหลักฐาน หลายกรณีมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงและหลักกฎหมาย จนอาจทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อน นิติราษฎร์ขอแจ้งให้ประชาชนที่เห็นด้วยกับข้อเสนอทราบ และสบายใจว่าข้อเสนอทุกข้อของนิติราษฎร์เป็นเรื่องที่วางอยู่บนหลักวิชาการและอำนาจตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอให้แก้ไขมาตรา 112 นั้นไม่ถือเป็นความผิดใดๆทั้งสิ้น มาตรา 112 มีสถานะเป็นเพียงบทบัญญัติแห่งกฎหมายอาญามาตราหนึ่งเท่านั้น จึงย่อมเป็นสิทธิและอำนาจโดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญที่ประชาชนผู้เห็นปัญหาของมาตรานี้จะเข้าชื่อเสนอให้รัฐสภา ซึ่งเป็นเพียงตัวแทนประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริงให้ปรับปรุงแก้ไขเสีย
    การรวบรวมรายชื่อจะคงดำเนินต่อไปไม่ยุติจนกว่าจะครบ 10,000 ชื่อ ตามกฎหมาย (หรือมากกว่านั้น) โดยแม่งานผู้รวบรวมคือ ครก.112 ทั้งนี้ ผู้เห็นด้วยและประสงค์ลงชื่อ สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่ http://www.ccaa112.org/contact-us.html หรือทาง Facebook https://www.facebook.com/ccaa112 กรอกรายละเอียดพร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านพร้อมเซ็นรับรองสำเนา ส่งไปรษณีย์ไปที่คณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 ตู้ ปณ.112 ปณฝ.ราชดำเนิน กรุงเทพฯ 10200
    ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรค แถลงยืนยันว่า ไม่เคยใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยเรื่องต้องการแก้มาตรา 112 แต่มีการแสดงออกต่างกรรมต่างวาระกันของสมาชิกพรรคในที่ต่างๆว่าต้องการแก้ไขอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ อดีตผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี (เปิดคลิปยืนยัน)
    “การออกมาแสดงท่าทีคัดค้านของพรรคเพื่อไทยเพื่อชิ่งหนีจากนิติราษฎร์ที่ถูกต่อต้านอย่างหนักเท่านั้น หากไม่เห็นด้วยทำไมต้องรอดูกระแสสังคมก่อน จนเห็นว่าไปไม่ได้แล้วจึงออกมาแสดงท่าที”
    นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยกำลังพยายามปล่อยข่าวว่ามีการลงขันกันของ 4 กลุ่มล้มรัฐบาล เพื่อกลบกระแสเรื่องแก้มาตรา 112 ที่เดินเกมพลาดจนถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากคนในสังคม
    นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงยืนยันว่า มีขบวนการเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลและใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยเรื่องแก้มาตรา 112 ขอยืนยันอีกครั้งว่าพรรคไม่มีนโยบายแก้ไข ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์จะเอาผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฐานไม่ปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นสถาบันนั้น ถือเป็นการกระทำที่ไม่สร้างสรรค์และไม่ดูข้อเท็จจริง เพราะตั้งแต่รัฐบาลทำงานมา 5 เดือน ปิดเว็บเหล่านี้ไปแล้วกว่า 60,000 URL และยังคงเร่งปราบปรามอย่างต่อเนื่อง


    ปลุกผีปฏิวัติรัฐประหารเมื่อพ่ายแพ้หลักการนิติราษฎร์



    “ถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนิติราษฎร์ไม่สำเร็จแล้วจะทำอย่างไร ผมคิดว่าก็เหมือนจุดไฟ ถ้ามันดับก็ต้องจุดใหม่ ให้มันรู้ไปว่าจะไม่ติดสักวันหนึ่ง”
    นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) หนึ่งในคณะนิติราษฎร์ กล่าวถึงการรณรงค์ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ในงานเสวนาวิชาการหัวข้อ “ลบล้างผลพวงรัฐประหารนิรโทษกรรม-ปรองดอง” เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากเมื่อวันที่ 15 มกราคมได้จัดกิจกรรมรณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และเปิดตัวคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) เพื่อรวบรวมรายชื่อบุคคลให้ได้ 10,000 คน เพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 112 ซึ่งการจัดกิจกรรม 2 ครั้งได้รับความสำเร็จอย่างยิ่ง ทั้งกระแสตอบรับอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และกระแสต่อต้านมากมาย
    “สนธิ” ปลุกทหารรัฐประหาร
    โดยเฉพาะการ “ปลุกผีวงจรอุบาทว์” ให้ทหารออกมาทำ “รัฐประหาร” โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศบนเวทีเสวนาปีใหม่-ตรุษจีนที่บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มกราคม และเผยแพร่ผ่านเครือข่ายสื่อ ASTV ผู้จัดการ โดยยังคงอ้าง “ในหลวง” ว่า
    “ผมจะบอกให้รู้ว่าผมไม่ได้นั่งเฉยๆแล้วสู้ ครั้งนี้พี่น้องไม่ใช่มาประท้วงที่ถนน จะต้องสู้เพื่อยึดอำนาจรัฐเลย ต้องสู้เพื่อแตกหัก เพราะถ้าไม่แตกหักแล้ว พระเจ้าอยู่หัวเราไปไม่รอด ผมเป็นคนแรกที่บอกว่าทหารเท่านั้นที่จะเป็นเสาค้ำพระเจ้าอยู่หัว แต่ถ้าทหารไม่สามารถจะค้ำได้ อีกไม่นานพวกเราคงต้องออกมาค้ำพระเจ้าอยู่หัว และถ้าออกมาครั้งนี้ต้องชนะอย่างเด็ดขาด ไม่มีการตีงูให้กากิน แล้วก็ไม่มีการให้แมลงสาบตีกินพวกเราอีก ผมเชื่อว่าในที่สุดจะมีเพียงพลังของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะค้ำจุนประเทศชาติได้ ทหารอย่านั่งเฉย รีบออกมาปฏิวัติเสีย แล้วพันธมิตรฯทั่วประเทศจะออกมาร่วมกับทหารยึดประเทศไทยคืนมาจากไอ้พวกชั่วๆ”
    เปอร์เซ็นต์สูงรัฐประหาร
    ขณะที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานมูลนิธิโรงเรียนเตรียมทหาร ออกมาย้ำในรายการ “ลับ ลวง พราง” ทางวิทยุ อสมท 100.5 หลังจากนายสนธิเรียกร้องให้ทหารยึดอำนาจว่า เห็นด้วยที่ทหารจะทำรัฐประหารอีกครั้ง และมีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะเกิดการปฏิวัติถ้ายังไม่เลิกดูหมิ่นสถาบัน จึงอยากให้ทหารออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์มากๆ เพราะไม่ควรแก้ไขมาตรา 112 หรือแตะต้องอะไรที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์
    “ถ้ามันถึงที่สุด ทางกองทัพก็ต้องพูดกันบ้าง ไม่ใช่พูดแค่มันปาก ต้องเอาจริง หากเกินเลยจนทหารทนไม่ได้ เพราะใน 7-8 ปีมีการทำลายสถาบันกษัตริย์มากเหลือเกิน ถ้าถึงที่สุด ถ้ามันมากเกินไปจนทนไม่ไหว ทหารก็อาจจะปฏิวัติแน่นอน”
    เนรคุณแผ่นดิน?
    การปลุกกระแสให้ทหารออกมาจึงไม่ควรมองแค่กลุ่มพันธมิตรฯ ที่แม้วันนี้จะมีมวลชนสนับสนุนน้อยกว่าในอดีต เนื่องจากเกิดความแตกแยกและขัดแย้งกันเอง แต่คำพูดของนายสนธิก็ไม่ใช่เลื่อนลอยและเป็นไปไม่ได้ เพราะยังมีกลุ่มขาประจำ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือกลุ่มสลิ่มที่ออกมาต่อต้านการแก้ไขมาตรา 112 อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการกล่าวหาแบบเดิมๆว่าคณะนิติราษฎร์และผู้สนับสนุนเป็นพวก “ล้มเจ้า” และต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ทั้งที่คนกลุ่มเหล่านี้รู้ดีแก่ใจว่าใครหรือกลุ่มใดที่ดึง “สถาบันเบื้องสูง” มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะการโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้อง
    คนเสื้อแดงจึงถูกอุปโลกน์ให้เป็นเครือข่าย “ขบวนการล้มเจ้า” จาก “ผังล้มเจ้า” ของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ทั้งที่เป็น “ผังกำมะลอ” ที่ผู้มีอำนาจในขณะนั้นสร้างความชอบธรรมเพื่อปราบปรามคนเสื้อแดงและลบล้างความผิดจากเหตุการณ์ “เมษา-พฤษภาอำมหิต” ที่มีคนตายถึง 91 ศพ และบาดเจ็บ พิการเกือบ 2,000 คน
    การคัดค้านและกล่าวถึงประเด็นมาตรา 112 จึงเป็นคนละเรื่องที่ไร้เหตุผลหรือหลักการทางวิชาการ ต่างจากที่คณะนิติราษฎร์พยายามชี้แจง เพราะฝ่ายที่ต่อต้านไม่ได้ต่อสู้ด้วยเหตุผลและหลักการ แต่พยายามทำให้มาตรา 112 เป็นเหมือน “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ที่ห้ามแตะต้องอย่างเด็ดขาด
    อย่างเช่นกรณีของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมการสถาบันพระปกเกล้า ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวถึงข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาล กองทัพ และสถาบันการเมือง ซึ่งมีบางมาตรากำหนดให้พระมหากษัตริย์ ต้องสาบานตนว่าจะปกป้องรัฐธรรมนูญก่อนเข้ารับตำแหน่งว่า “ผมว่าก่อนจะแก้รัฐธรรมนูญตามที่พวกคุณเสนอ ควรแก้ข้อบังคับทุนอานันทมหิดลให้ผู้รับทุนสาบานว่าจะไม่เนรคุณและไม่ทรยศต่อพระมหากษัตริย์ผู้พระราชทานทุนจะง่ายกว่ามั้ย ข้อเสนอผมไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญเลย!!!”
    นิติราษฎร์ปกป้องสถาบัน?
    ข้อเขียนของนายบวรศักดิ์จึงต้องการสะท้อนถึงนายวรเจตน์โดยตรงในฐานะที่ได้รับทุนอานันทมหิดลไปศึกษาต่อจนจบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากประเทศเยอรมนี ซึ่งนายวรเจตน์กล่าวถึงการเป็นนักเรียนทุนอานันทมหิดลว่า เพราะเป็นนักเรียนทุนอานันทมหิดล จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวทางวิชาการเพื่อให้ใช้เหตุผลมาแก้ปัญหาเพื่อปกป้องสถาบัน ไม่ใช่ล้มล้างสถาบัน
    “สิ่งที่ผมทำอยู่คือการตอบแทน กตัญญูต่อผู้ที่ให้ทุนอานันทมหิดลแก่ผม ที่ผมทำทุกอย่างก็เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมไม่รู้ว่านักเรียนคนอื่นๆที่ได้ทุนนี้มีจินตนาการเรื่องนี้อย่างไร แต่สำหรับผมแล้ว สิ่งที่ผมทำก็เพื่อความดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์สืบไป ผมชัดเจนเสมอว่าผมต้องการรัฐธรรมนูญในประเทศที่เป็นราชอาณาจักร”
    ด้านนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิจัยสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาแห่งสิงคโปร์ ที่รณรงค์เรื่อง “ฝ่ามืออากง” และสนับสนุนคณะนิติราษฎร์ ตอบโต้นายบวรศักดิ์ผ่านเฟซบุ๊คว่า รู้สึกผิดหวังที่นายบวรศักดิ์สำเร็จการศึกษาทางด้านกฎหมายจากปารีส แต่กลับตอบโต้คณะนิติราษฎร์ด้วยคำพูดที่ childish แทนที่จะใช้มุมมองด้านวิชาการมาหักล้าง
    “ทำให้ผมรู้ว่าตำแหน่ง “ศาสตราจารย์กิตติคุณ” น่าจะได้กันมาง่ายๆอย่างนี้นี่เอง แต่ที่สำคัญกว่านั้น ผมคิดว่านายบวรศักดิ์จนด้วยปัญญาในการโต้เถียงกับนิติราษฎร์ก็เท่านั้น”
    นายปวินยังพูดเรื่องทุนการศึกษาว่า ไม่ได้ห้ามให้คิดต่างว่าเป็นการเนรคุณ และคิดว่าหากในหลวงอานันทมหิดลยังมีชีวิตอยู่ในวันนี้ พระ องค์คงปลาบปลื้มใจที่นิติราษฎร์ได้สร้างคุณประโยชน์ในการปกป้องสถาบันประชาธิปไตย “ผมว่าในหลวงอานันท์รักและต้องการ “ความถูกต้อง” และ “ความยุติธรรม” ครับ”
    นิติราษฎร์เสียเปล่า!
    ส่วนนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักวิชาการที่ถูกโยงใน “ผังล้มเจ้า” และถูกกล่าวหาความผิดตามมาตรา 112 ยืนยันว่า ควรยกเลิกมาตรา 112 มากกว่าแก้ไข ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์เชื่อว่าไม่มีทางที่สภาจะผ่านร่างกฎหมายที่คณะนิติราษฎร์กำลังล่ารายชื่อในขณะนี้ ที่สำคัญจะไม่สามารถช่วย “อากง” และผู้ต้องหาคนอื่นๆได้อีกด้วย แม้แต่ข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่เสนอให้มีการนิรโทษกรรมเหตุการณ์ 6 ตุลา จะเป็นไปได้จริงก็ต้องมีเหตุการณ์ “ระดับปาฏิหาริย์” เท่านั้น แต่ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์นั้นต้อง “ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์”
    ดังนั้น ความเห็นของนายสมศักดิ์ที่ระบุว่า การรณรงค์ของคณะนิติราษฎร์จะได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ในที่สุดก็จะไม่ได้อะไรเลย และเสนอว่าควรรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอ “ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทั่วไป” ซึ่งก็สอดคล้องกับท่าทีของรัฐบาล โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเดินทางไปเยือนอินเดียว่า รัฐบาลจะไม่แก้ไขมาตรา 112 ทั้งยังระบุว่าไม่ควรดึงสถาบันมายุ่งเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และทุกฝ่ายควรร่วมกันปกป้อง เช่นเดียวกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันว่าหากใครคิดแก้มาตรา 112 จะคัดค้านเต็มที่
    อย่าดึงทหารยุ่งการเมือง
    อย่างไรก็ตาม ประเด็นมาตรา 112 ถือเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองมากกว่าการเคลื่อนไหวร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่หลายฝ่ายกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ แต่จะเป็น “ระเบิดเวลา” หรือไม่นั้นไม่ได้อยู่ที่คณะนิติราษฎร์และฝ่ายสนับสนุนให้แก้ไขมาตรา 112 เท่านั้น แต่อยู่ที่กลุ่มที่ต่อต้านการแก้ไขมาตรา 112 ว่าจะเล่นนอกกติกาและสร้างเงื่อนไขให้เกิดความแตกแยกเหมือนก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 หรือไม่มากกว่า อย่างที่นายสนธิประกาศชัดเจนให้ทหารล้มกระดาน
    อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ยอมรับว่า มีความพยายามจะดึงทหารลงมายุ่งกับการเมือง แต่ถ้าทหารทำหน้าที่ของตนเองก็ไม่มีใครดึงไปไหนได้ ทหารมีสายบังคับบัญชาที่ชัดเจน ใครเป็นผู้บังคับบัญชาก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่เช่นนั้นก็รบไม่ได้ จึงต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งตนก็มีผู้บังคับบัญชา
    “อย่าเอาทหารไปยุ่งเสียทุกเรื่อง หรือถือเป็นเรื่องสนุก ถ้าเอาทหารไปยุ่งทุกเรื่องก็ยุ่งทุกเรื่อง ไม่เป็นผลดีกับกองทัพ และไม่เป็นผลดีกับตัวผม”
    ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 ของคณะนิติราษฎร์นั้น พล.อ.ประยุทธ์ให้ความเห็นกว้างๆว่า เป็นเรื่องของกระบวนการ และเจ้าหน้าที่ต้องดูว่าหากผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ เพราะปัจจุบันมีกฎหมายที่คาบเกี่ยวกับศีลธรรมอันดีของคนไทย เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งมีคณะกรรมการเฝ้าจับตาดูอยู่แล้ว
    ส่วน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ ซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10) รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถูกปล่อยข่าวว่าอาจเข้ามาเพื่อรื้อใหญ่ในกองทัพนั้น ยืนยันว่าไม่มีและไม่ต้องหวาดระแวงหรือกลัวอะไร โดยเฉพาะข่าวการย้าย พล.อ.ประยุทธ์เพื่อถอดสลักการปฏิวัติรัฐประหารนั้นไม่มีแน่นอน ซึ่งถ้าสื่อไม่พูด ไม่ถาม บรรยากาศก็จะดีขึ้น
    “ถ้าปฏิวัติเพราะเรื่องหมิ่นสถาบัน ผมว่าไม่น่าจะใช่เหตุผลนะ แต่ผมขอร้องให้เลิกพูดเรื่องปฏิวัติอีก ไม่มีใครอยากทำ ผมเป็นทหาร แม้ไม่ใช่ ทบ. แต่ก็รู้ว่าไม่มีใครอยากทำ ไม่ใช่เรื่องดี มีประ-สบการณ์มาแล้วทั้งนั้น” พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว
    พ.ร.บ.กลาโหมไม่ชอบธรรม
    ขณะที่ความเห็นของ พล.อ.อำนวย ถิระชุณหะ สมาชิกพรรคเพื่อไทยและนายทหาร ตท.10 ไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขมาตรา 112 เพราะล่อแหลมและจะทำให้เกิดความวุ่นวาย กลายเป็นเหยื่อในการปลุกระดม แต่ต้องแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา คือคนที่เอาพระราชอำนาจไปกลั่นแกล้งทำลายผู้อื่น เพราะฉะนั้นต้องออกกฎหมายการแจ้งเท็จ ฟ้องเท็จเรื่องนี้ ถ้าไม่มีหลักฐานต้องลงโทษให้หนัก หรือจับไปขังเป็นปีเพียงกล่าวหาว่าล้มเจ้าก็ไม่มีความยุติธรรม
    แต่ที่น่าสนใจคือ พล.อ.อำนวยกลับเห็นด้วยที่จะแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เพราะเห็นว่าไม่ได้มาจากสภาของประ-ชาชน จึงไม่ชอบธรรม หากสมัยโบราณกฎหมายฉบับนี้ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ต้องลงโทษตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร เพราะเท่ากับไปหลอกเบื้องสูง เอาไปทูลเกล้าฯให้ทรงลงพระปรมาภิไธย เพราะกองทัพกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ไม่ใช่ “กองโจร” ที่ไร้ขื่อแป ไร้กฎระเบียบ
    พล.อ.อำนวยมั่นใจว่าขณะนี้ทหารไม่กล้าปฏิวัติรัฐประหารแน่ ถ้าจะล้มรัฐบาลก็ต้องมาจากองค์กรอิสระแบบนิ่มๆ ถ้าล้มด้วยกำลัง แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์เองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีเอก-ภาพในการบังคับบัญชาหรือไม่ เพราะไม่ได้มีแค่เตรียมทหารรุ่น 12 แต่ยังมีรุ่นอื่นอีก
    “กองทัพเหมือนม้า อยู่ที่จ๊อกกี้จะพาไปทางไหน คราวที่แล้วจ๊อกกี้บอกให้กองทัพปฏิวัติก็ปฏิวัติ ลำพังม้าเองไม่กล้า อยู่ที่จ๊อกกี้” พล.อ. อำนวยกล่าว
    กลียุคและหายนะ!
    แต่การเมืองไทยไม่เคยมีอะไรแน่นอน ไม่ใช่เพราะนักการเมืองพร้อมจะเปลี่ยนพรรค เปลี่ยนอุดมการณ์ตามผลประโยชน์เท่านั้น แต่การรัฐประหารที่อ้างทุกครั้งว่าเพราะนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชันและปกป้องสถาบันนั้น กลุ่มที่ทำรัฐประหารกลับทุจริตคอร์รัปชันเสียเอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งบประมาณลับมหาศาลที่ไม่เคยมีการตรวจสอบได้เลย ขณะเดียวกันยังแต่งตั้งพวกพ้องเข้ามาดูแลผลประโยชน์ต่างๆอีกด้วย
    นอกจากนี้การทำรัฐประหารส่วนใหญ่เกิดจากความขัดแย้งภายในกองทัพ โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายซึ่งกระทบต่อผลประโยชน์ของกลุ่มอำนาจเดิม อย่างการโค่นล้มรัฐบาลทักษิณถือเป็นบทเรียนให้เห็นอย่างชัดเจน
    โดยเฉพาะการดึง “สถาบันเบื้องสูง” มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยการพยายามบิดเบือนข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ว่าเป็น “ขบวนการล้มเจ้า” หรือรับจ้าง พ.ต.ท.ทักษิณ แทนที่จะใช้หลักการทางวิชาการต่อสู้กันในเวทีสาธารณะหรือตามกระบวนการในรัฐสภา แต่กลับ “ปลุกผีปฏิวัติรัฐประหาร” หากเป็นจริงก็มีแต่ทำ ให้บ้านเมืองเกิดกลียุคลุกเป็นไฟและหายนะยิ่งกว่าที่ผ่านมาแน่นอน
    ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 7 ฉบับ 344 วันที่ 28 มกราคม -3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 หน้า 18 คอลัมน์ เรื่องจากปก โดย ทีมข่าวรายวัน


    ชูวิทย์ จัดหนัก!! เปิดแถลงข่าว ทำไมตำรวจไทย ถึงไม่เคยเจอบ่อน?


    นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เปิดแถลงข่าว “ทำไมตำรวจไทย ถึงไม่เคยเจอบ่อน และทำไมนักการเมืองถึงโง่ ยืนยัน การออกมาแฉเรื่องบ่อนการพนันนั้น เพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตระหนักถึงหน้าที่ของตนเอง ในการทำงานเพื่อชาติ โดยนายชูวิทย์ยังได้กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ บ่อนเหล่านี้ก็จะเปิดตามปกติ โดยอิทธิพลของบ่อนการพนันแทรกซึมไปทุกที่ ทั้งระบบราชการ นักการเมือง และแทรกซึมไปถึงกระบวนการบางกระบวนการ
    ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาบอกว่า การที่ออกมาแฉเรื่องนี้เพราะตนต้องการดิสเครดิตรัฐบาลนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ที่ตนออกมาเปิดเผยเรื่องบ่อนรัชดานั้น ก็มีคนต้องข้อสังเกตุว่า ตนวางแผนร่วมมือกับ ร.ต.อ.เฉลิม เพื่อโยกย้าย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ซึ่งขณะนั้นเป็น ผบ.ตร. และตอนนี้ก็มาบอกว่าตนดิสเครดิตรัฐบาล วางแผนจะย้าย ผบ.ตร.เพรียวพันธ์ อีก
    ขณะเดียวกัน ยังขอท้า นายพร้อมพงศ์ และนักการเมืองคนอื่นๆ ให้ออกมาเปิดเผยเรื่องบ่อนคนละแห่ง แต่ก็เชื่อว่าไม่มีใครมีปัญญาและมีกึ๋นพอที่จะทำ
    นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังได้นำภาพบ่อนการพนันที่กำลังจะเปิดในเร็วๆ นี้มาเปิดเผย โดยระบุว่าตั้งอยู่ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยเรื่องดังกล่าวจะเปิดเผยให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เท่านั้น เนื่องจากเชื่อว่า ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะต้องรายงานว่าไม่พบบ่อนตามที่เคยส่งข้อมูลไปให้ก่อนหน้านี้

    ที่มาข่าว Mthai News

    ประมวลกฎหมายอาญา

    พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด เกล้าฯ ให้ประกาศว่า
    โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมาย อาญาเสียใหม่เพราะตั้งแต่ได้ประกาศใช้กฎหมายลักษณะอาญาใน พุทธศักราช 2451 เป็นต้นมา พฤติการณ์ของบ้านเมืองได้ เปลี่ยนแปลงไปเป็นอันมาก
    จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้
    Topมาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499"
    Topมาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
    Topมาตรา 3 ประมวลกฎหมาย อาญาท้ายพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2500 เป็นต้นไป
    Topมาตรา 4 เมื่อประมวลกฎหมาย อาญาได้ใช้บังคับแล้วให้ยกเลิกกฎหมายลักษณะอาญา
    Topมาตรา 5 เมื่อประมวลกฎหมายอาญาได้ใช้บังคับแล้ว ในกรณีที่กฎหมายใดได้ กำหนดโทษโดยอ้างถึงโทษฐานลหุโทษในกฎหมายลักษณะอาญาไว้ ให้ถือว่ากฎหมายนั้นได้อ้างถึงโทษ ดังต่อไปนี้
    ถ้าอ้างถึงโทษชั้น 1 หมายความว่า ปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท
    ถ้าอ้างถึงโทษชั้น 2 หมายความว่า ปรับไม่เกินห้าร้อยบาท
    ถ้าอ้างถึงโทษชั้น 3 หมายความว่า จำคุกไม่เกินสิบวัน หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    ถ้าอ้างถึงโทษชั้น 4 หมายความว่า จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    Topมาตรา 6 เมื่อประมวลกฎหมายได้ใช้บังคับแล้ว ในการจำคุกแทนค่าปรับตามกฎหมายใด ไม่ว่ากฎหมายนั้นจะบัญญัติไว้ประการใด ให้นำประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับแต่สำหรับความผิด ที่ได้กระทำก่อนวันที่ประมวลกฎหมายอาญาใช้บังคับ มิให้กักขังเกินกว่าหนึ่งปี สำหรับโทษปรับกระทงเดียว และสองปีสำหรับโทษปรับหลายกระทง
    Topมาตรา 7 ในกรณีวิธีการเพื่อความปลอดภัยตาม มาตรา 46 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ให้นำบทบัญญัติแห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาใช้บังคับเสมือน เป็นความผิดอาญา แต่ห้ามมิให้คุมขังชั้นสอบสวนเกินกว่าสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่ เวลาที่ผู้ถูกจับมาถึงที่ทำการของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ แต่มิให้นับเวลาเดินทางตามปกติที่นำตัวผู้ถูกจับมาศาลรวมเข้า ในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงนั้นด้วย
    Topมาตรา 8 เมื่อประมวลกฎหมาย อาญาได้ใช้บังคับแล้ว บทบัญญัติแห่งกฎหมายใดอ้างถึงกฎหมายลักษณะอาญา หรืออ้างถึงบทบัญญัติแห่ง กฎหมายลักษณะอาญา ให้ถือว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นอ้างถึงประมวลกฎหมายอาญา หรือบทบัญญัติ แห่งประมวลกฎหมายอาญาในบทมาตราที่มีนัยเช่นเดียวกัน แล้วแต่กรณี

    ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
    จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี


     
    _________________________________________________________________________________
    หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 ได้ประกาศใช้มานานแล้วและได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมอยู่หลายแห่งกระจัดกระจายกันอยู่ จึงเป็นการสมควรที่จะได้ชำระสะสาง และนำเข้ารูปเป็นประมวลกฎหมายอาญาเสียในฉบับเดียวกันอนึ่ง ปรากฏว่าหลักการบางอย่างและวิธีการลงโทษบางอย่างควรจะได้ปรับปรุงให้สมกับกาล สมัยและแนวนิยมของนานาประเทศ ในสมัยปัจจุบันหลักเดิมบางประการจึงล้าสมัย สมควรจะได้ปรับปรุงเสียให้สอดคล้องกับ หลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

    Tap the news story นำเรื่องกฎหมายมาลงเป็นบางส่วนและได้นำเนื้อหาที่เกี่ยวกับ ม.112 ที่กำลังเป็นประเด็นถกเถียงคัดค้านในเรื่องการที่มีข่าวว่ามีทั้งกลุ่มคนที่สนับสนุนให้แก้ไข และกลุ่มคนที่คัดค้าน จนเป็นเรื่องบานปลายถึงขั้นมีคนบอกให้ทหารออกมาปฏิวัติยึดอำนาจ  ทั้งที่ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลยแต่มีคนทั้งสองกลุ่มที่เห็นต่างกันออกมาโต้ข่าวกันไปมา ทุกวันจนแผ่นแทบจะยุบตามจังหวะที่ลุกเต้นโต้ตอบกัน แต่ชาวบ้านอีกเป็นล้านๆยังงงอยู่เลยว่า ม.112 ที่เป็นข่าว ว่ามีคนสนับสนุนให้แก้และคัดค้านไม่ให้แก้  มีเหตุผลอย่างไรกันบ้าง ถ้าแก้แล้วผลดีคืออะไร ผลเสียคืออะไร  เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ทำไร่ทำนาทำสวน  ยังไม่เข้าใจหรอกว่า ผลของการแก้ไขไปแล้ว ชาวบ้าวจะได้รับผลกระอะไรบ้าง ราคาไข่ไก่จะขึ้นหรือลดลง ราคาข้าวจะได้ราคาตามที่รัฐบาลประกาศไว้หรือไม่ ราคายางจะเกิน กก.ละ 150 บาทไหม  ชาวไร่ จะขายพืชผลทางการเกษตรได้คุ้มเงินลงทุนที่กู้สหกรณ์มาหรือเปล่า และหากแก้ ม.112 แล้ว จะเกิดเหตุปลาบู่ยักษ์โผล่ขึ้นมาชนเขื่อนทางภาคเหนือจนเขื่อนแตกทำให้เกิดน้ำท่วมประเทศไทยตามคำทำนายหรือไม่ และคงมีอีกมากมายหลายคำถาม ที่ชาวบ้านอีกเป็นล้านอยากรู้คำตอบ...... เดี๋ยวดูตัวอย่างเนื้อหาในปัจจุบันแล้ว บางทีชาวบ้านอาจจะพอเข้าใจอะไรบ้าง
    __________________________________________________________________________________
    ภาค2 ความผิด
    top
    ลักษณะ1 ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

    หมวด1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
    หมวด 1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
    Topมาตรา 107 ผู้ใดปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษ ประหารชีวิต
    ผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
    ผู้ใดกระทำการใดอันเป็นการตระเตรียมเพื่อปลงพระชนม์พระ มหากษัตริย์หรือรู้ว่ามีผู้จะปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ กระทำ การใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต
    Topมาตรา 108 ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพ ของพระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
    ผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
    ถ้าการกระทำนั้นมีลักษณะอันน่าจะเป็นอันตรายแก่พระชนม์ ผู้ กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต
    ผู้ใดกระทำการใดอันเป็นการตระเตรียมเพื่อประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ หรือรู้ว่ามีผู้จะกระทำการประทุษร้าย ต่อพระองค์หรือเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ กระทำการใดอันเป็น การช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี
    Topมาตรา 109 ผู้ใดปลงพระชนม์พระราชินีหรือรัชทายาท หรือฆ่า ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษประหารชีวิต
    ผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
    ผู้ใดกระทำการใดอันเป็นการตระเตรียมเพื่อปลงพระชนม์ พระราชินีหรือรัชทายาท หรือเพื่อฆ่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือรู้ว่ามีผู้จะปลงพระชนม์พระราชินีหรือรัชทายาท หรือจะฆ่าผู้ สำเร็จราชการแทนพระองค์ กระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบสองปีถึงยี่สิบปี
    Topมาตรา 110 ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพ ของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้ สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือ จำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี
    ผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
    ถ้าการกระทำนั้นมีลักษณะอันน่าจะเป็นอันตรายแก่พระชนม์หรือ ชีวิต ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
    ผู้ใดกระทำการใดอันเป็นการตระเตรียมเพื่อประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือ เสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือรู้ว่ามีผู้จะประทุษร้าย ต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือ ประทุษร้ายต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ กระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ สิบสองปีถึงยี่สิบปี
    Topมาตรา 111 ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตาม มาตรา 107 ถึง มาตรา 110 ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น
    Topมาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
    หมายเหตุ
    มาตรา 12 แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2519

    ___________________________________________________________________________________
    กลับไปที่หน้าสารบาญหมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักรTopมาตรา 113 ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
    (1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
    (2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญหรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ
    (3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร
    ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
    Topมาตรา 114 ผู้ใดสะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใดหรือสมคบกัน เพื่อเป็นกบฏ หรือกระทำความผิดใด ๆ อันเป็นส่วนของ แผนการ เพื่อเป็นกบฏ หรือยุยงราษฎรให้เป็นกบฎหรือรู้ว่ามีผู้จะเป็น กบฎแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
    Topมาตรา 115 ผู้ใดยุยงทหารหรือตำรวจให้หนีราชการ ให้ละเลย ไม่กระทำการตามหน้าที่ หรือให้ก่อการกำเริบ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินห้าปี
    ถ้าความผิดนั้นได้กระทำลงโดยมุ่งหมายจะบ่อนให้วินัยและ สมรรถภาพของกรมกองทหารหรือตำรวจเสื่อมทรามลง ผู้กระทำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี
    Topมาตรา 116 ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
    (1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย
    (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ
    (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
    Topมาตรา 117 ผู้ใดยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงาน การร่วม กันปิดงานงดจ้าง หรือการร่วมกันไม่ยอมค้าขายหรือติดต่อทางธุรกิจ กับบุคคลใด ๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน เพื่อ บังคับรัฐบาลหรือเพื่อข่มขู่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    ผู้ใดทราบความมุ่งหมายดังกล่าวและเข้ามีส่วนหรือเข้าช่วยในการ ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างหรือการร่วมกันไม่ยอมค้า ขายหรือติดต่อทางธุรกิจกับบุคคลใด ๆ นั้น ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    ผู้ใดทราบความมุ่งหมายดังกล่าว และใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือทำให้หวาดกลัวด้วยประการใด ๆ เพื่อ ให้บุคคลเข้ามีส่วนหรือเข้าช่วยในการร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิด งานงดจ้างหรือการร่วมกันไม่ยอมค้าขายหรือติดต่อทางธุรกิจกับ บุคคลใด ๆ นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    Topมาตรา 118 ผู้ใดกระทำการใด ๆ ต่อธงหรือเครื่องหมายอื่นใดอัน มีความหมายถึงรัฐ เพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    หมายเหตุมาตรา 118 แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2519
    _____________________________________________________________________________________________


     _______________________________________________________________________________

    หนักอยู่เหมือนกันนะครับบ้านเมืองไทยภายใต้กฎหมายอันศักดิ์สิทธิ์ ดีนะที่ผ่านมาที่เป็นข่าวดัง ทั้งฆ่าคนตาย ทุจริตต่อหน้าที่ ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองที่มีอภิสิทธิ์อำนาจที่ตั้งกันขึ้นมาเองคุ้มกะลาหัว

    แล้วกฎหมายที่เป็นข้อขัดแย้งว่าจะแก้หรือไม่แก้ดีนั้น มันคงจะมีอะไรที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่เป็นแน่แต่อย่ามาแห่ประกาศพาชาวบ้านออกไปลำบากกันเลยนะ เว้นแต่ว่าอธิบายความเป็นมาที่ชัดเจนแล้วว่าควรมิควรอย่างไร  ไม่ใช่มาปล่าวประกาศว่ามีใครกลุ่มใดไม่จงรักภักดี แต่ถ้ายังคาราคาซัง ก็ให้ประชาชนชาวบ้านตาดำเขาช่วยออกความคิดเห็นด้วยก็ได้  ดีกว่ามาชักชวนเขาออกไปปิดถนนปิดทำเนียบ (เพราะที่ผ่านมายังฆ่ากันเองไม่พออีกเหรอ ) ..ใครเห็นด้วยก็ใช้สิทธิ์กาช่องเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยก็กาช่องไม่เห็นด้วย ...แบบนี้คงไม่ขัดกับหลักและระบอบประชาธิปไตย
    กลับไปที่หน้าสารบาญหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรTopมาตรา 119 ในกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาล ศาลมีอำนาจสั่ง บังคับตามสัญญาประกันหรือตามที่ศาลเห็นสมควรโดยมิต้องฟ้อง เมื่อศาลสั่งประการใดแล้ว ฝ่ายที่ถูกบังคับตามสัญญาประกันหรือ พนักงานอัยการมีอำนาจอุทธรณ์ได้ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ให้ เป็นที่สุด"
    Topมาตรา 120 ผู้ใดคบคิดกับบุคคล ซึ่งกระทำการเพื่อ ประโยชน์ ของรัฐต่างประเทศ ด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐ หรือทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือ จำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
    Topมาตรา 121 คนไทยคนใดกระทำการรบต่อประเทศ
    Topมาตรา 122 ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่ออุปการะแก่การดำเนิน การรบหรือการตระเตรียมการรบของข้าศึก ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี
    ถ้าการอุปการะนั้นเป็นการ
    (1) ทำให้ป้อม ค่าย สนามบิน ยานรบ ยานพาหนะ ทางคมนาคม สิ่งที่ใช้ในการสื่อสาร ยุทธภัณฑ์ เสบียงอาหาร อู่เรืออาคาร หรือสิ่ง อื่นใดสำหรับใช้เพื่อการสงครามใช้การไม่ได้หรือตกไปอยู่ในเงื้อมมือ ของข้าศึก
    (2) ยุยงทหารให้ละเลยไม่กระทำการตามหน้าที่ ก่อการกำเริบ หนีราชการหรือละเมิดวินัย
    (3) กระทำจารกรรม นำหรือแนะทางให้ข้าศึก หรือ
    (4) กระทำโดยประการอื่นใดให้ข้าศึกได้เปรียบในการรบผู้กระทำ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
    Topมาตรา 123 ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใด ๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัย ของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี
    Topมาตรา 124 ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้หรือได้ไป ซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใด ๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับ ความปลอดภัยของประเทศต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี
    ถ้าความผิดนั้นได้กระทำในระหว่างประเทศอยู่ในการรบหรือการ สงครามผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี
    ถ้าความผิดดังกล่าวมาในสองวรรคก่อน ได้กระทำเพื่อให้รัฐต่าง ประเทศได้รับประโยชน์ ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต
    Topมาตรา 125 ผู้ใดปลอม ทำเทียมขึ้น กักไว้ ซ่อนเร้น ปิดบัง ยักย้าย ทำให้เสียหาย ทำลาย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งเอกสารหรือแบบใด ๆ อันเกี่ยวกับส่วนได้เสียของรัฐในการ ระหว่างประเทศต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี
    Topมาตรา 126 ผู้ใดได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้กระทำกิจการ ของรัฐกับรัฐบาลต่างประเทศ ถ้าและโดยทุจริตไม่ปฏิบัติการตาม ที่ได้รับมอบหมาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี
    Topมาตรา 127 ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้เกิดเหตุร้ายแก่ประเทศ จากภายนอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี
    ถ้าเหตุร้ายเกิดขึ้น ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือ จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สองปีถึงยี่สิบปี
    Topมาตรา 128 ผู้ใดตระเตรียมการ หรือพยายามกระทำความผิด ใด ๆ ในหมวดนี้ ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น
    Topมาตรา 129 ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดใด ๆ ใน หมวดนี้ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น