วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ถึงเวลาต้องเลือกกันได้แล้วครับ


                                               (ขอขอบภาพสวยๆจากเว็บประชาไท)

 ช่วงเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ประเทศชาติเกิดวิกฤติจากจุดเริ่มต้นที่ไม่น่าจะเกิดด้วยการยึดอำนาจนายก รัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนด้วยจำนวนที่นั่ง 377 ที่นั่งในรัฐสภาที่ชื่อ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 หลังการเฉลิมฉลอง 60 ปีแห่งการครองราชย์ของในหลวงองค์ปัจจุบัน โดยมีพลเอกสนธิ บุณยกลินรับเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร

การยึดอำนาจครั้งนี้มาพร้อมกับวลีติดปากว่า “ระบอบทักษิณ” ที่ฝ่ายยึดอำนาจและแนวร่วมถือว่าเป็นระบอบที่ชั่วร้ายต้องกำจัดให้สูญสิ้นไป จากแผ่นดิน แต่ความคิดของฝ่ายอำนาจโบราณอยู่ในซึกฝ่ายตรงข้ามกับประชาชนคนส่วนใหญ่ของ ประเทศนี้ที่พร้อมจะเลือกคนที่รับใช้ “ระบอบทักษิณ” มาเป็นผู่นำบริหารประเทศ ในทุกครั้งที่มีโอกาสใช้สิทธิเลือกตั้ง เท่ากับเป็นการตอกย้ำความต้องการของปวงมหาประชาชน


ความต้องการที่จะคงอำนาจโบราณของเครือข่ายอำมาตย์ยังไม่ยอมแพ้ กลับร่วมกันสู้ทั้งในที่เปิดเผยและในส่วนที่ยังปิดบัง โดยมียุทธศาสตร์หลักที่จะสกัดผลงานของรัฐบาลที่มาจากประชาชนทุกรูปแบบด้วย เครือข่ายที่จงใจสร้างขึ้นมาเพื่อ “ล้ม” โดยเฉพาะ

ความเคลื่อนไหวของบรรดาเครือข่ายอำนาจโบราณ เคลื่อนขยับกันจนรู้สึกได้ว่า “ไม่พร้อมที่จะให้ประเทศมีการพัฒนา” หรือเรียกกันง่าย ๆ เพิ่มเป็นอีก 1 ในการบ่งบอกลำดับประเทศของโลกใบนี้ที่แยกให้มี 3 ประเภทคือ ประเทศพัฒนา,ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศด้อยพัฒนา แต่ประเทศไทยอยู่นอกการจัดลำดับในทฤษฎีนี้เพราะประเทศไทยจัดอยู่ในลำดับ “ห้ามพัฒนา”


มีคำถามว่าทำไมประเทศนี้ถึงห้ามพัฒนา คำตอบที่น่าจะพอเห็นได้จากการเคลื่อนไหวของเครือข่ายเหล่านี้คือ “ต้องการให้ประเทศนี้มีสภาพเศรษฐกิจการเมืองแบบเดิม ๆ” คือมีอำนาจรวมศูนย์อยู่ที่เมืองหลวง ให้ความสำคัญในการพัฒนาอยู่ใกล้ศูนย์กลางอำนาจที่ไม่ใช่รัฐบาล


อำนาจโบราณไม่เคยบอกกับประชาชนว่า การอยู่ในระบอบเดิม ๆ แล้ว ชีวิตจะมีอนาคตหรือไม่ ทุกวันนี้มีเพียงกล่าวโจมตีไปที่ “ระบอบทักษิณ” ว่าเต็มไปด้วยการทุจริต คอรับชั่น ข่มขู่องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ทำห้านเมืองแตกแยกและไม่จงรักภักดี...วนเวียนอยู่เช่นนี้มาตลอดช่วง 7 ปีวิกฤติชาติโดยไม่สนใจเจตนาของคนร่วมชาติที่แสดงประชามติผ่านสิทธิการเลือก ตั้งเลยแม้แต่น้อย

ก่อนการเปิดประชุมสภาในเดือนสิงหาคมนี้ ได้ปรากฎชัดว่า เครือข่ายอำนาจโบราณ ขยับตัวกันเป็นลูกระนาดเตรียมพร้อมที่จะกำจัดฉันทามติของประชาชนอีกครั้ง 


และก็น่าจะถึงเวลาที่มหาประชาชนจะต้องตัดสินใจกันอย่างชัดเจนแล้วว่า จะมีชีวิตอยู่ในระบอบใดระหว่าง ระบอบขุนนางอำมาตย์ที่ชูอำนาจกฎหมายเป็นเครื่องมือปกครองประเทศกับระบอบ ทักษิณที่ชูทฤษฎีทักษิโณมิก

ทั้ง 2 ระบอบนี้เป็นระบอบการปกครองที่คนในประเทศนี้ต้องให้ความสนใจศึกษา เรียนรู้ ให้กระจ่างแจ้งเพราะมันเกี่ยวเนื่องกับอนาคตการมีชีวิตอยู่ของประชาชนใน ประเทศนี้ว่า จะเดินไปอย่างไร?

เลือกกันได้แล้วครับ.....





โดย  ดาด้า แดงจันทบูร
          8/7/56

ไม่มีความคิดเห็น: