วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

"แมลงสาบวาเลนไทน์" คู่ที่ 2

สุเทพ เทือกสุบรรณ - ศรีสกุล พร้อมพันธุ์
 
 
 
“เล่าความเท็จ เช็ดเมียเพื่อน” ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ทันทีว่าหมายถึง สุเทพ เทือกสุบรรณ

แต่จะมีซักกี่คนที่รู้เบื้องหน้า เบื้องลึกของที่มาฉายาเด็ดอันนี้ เรามาทำความรู้จักกับสุภาพสตรีผู้ก่อให้เกิดฉายาที่ติดตัวไปจนตายนี้กันเถอะ

ต๊อบ “ศรีสกุล พร้อมพันธุ์” อดีตดาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น้องสาวคนสวยของนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ ศรีสกุลเคยลงเล่นการเมือง และได้รับเลือกเป็น สส. 1 สมัย

ก่อนที่จะหันหลังและทำธุรกิจเกี่ยวกับอหังสาริมทรัพย์แทน   ก่อนจะมาใช้ชีวิตกับเทพเทือก เธอเคยแต่งงานกับ กฤต รัตนรักษ์ อดีตเจ้าของธนาคารกรุงศรีอยุธยา แต่ใช้ชีวิตร่วมกันได้เพียงเดือนเศษก็หย่าร้าง

และได้มาใช้ชีวิตคู่กับน ายพรเทพ เตชะไพบูลย์ ผู้เป็นเพื่อนที่ถูกเพื่อนแย่งเมียนี่ล่ะ ในช่วงที่ พรเทพ ลงเล่นการเมืองใหม่ๆ ก็ได้ชักชวนภรรยาอย่างศรีสกุลลงเล่นด้วย โดยได้ชักชวน นายสุเทพ พ่อม่ายเมียตายเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงให้ และก่อนที่นายพรเทพจะประสบความสำเร็จกับเส้นทางสายการเมือง ก็ต้องมาเสียเมียคนสวยให้เพื่อนอย่างนายสุเทพไป ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้หย่าร้าง  นายพรเทพ ปัจจุบันแต่งงานใหม่กับกบ ปภัสรา อดีตนางงาม  ส่วนศรีสกุลก็ใช้ชีวิตครอบครัวกับนายสุเทพแบบเปิดเผยและมั่งคั่ง


กับเพื่อนยังกล้าทำผิดศีลธรรม ยังเชื่อกันอีกหรือว่า สุเทพคนกินเมือง จะล้มรัฐบาลเพื่อประเทศชาติ

คนแบบนี้ มีแต่สนองกิเลสตัณหาเพื่อตัวเองเท่านั้น
 
 
 
 
 
 
รวบรวมนำเสนอโดย    แอดมิน ชาวดิน




อย่างเสี่ยงโดยไม่จำเป็น... โดย รุ่งโรจน์ 'อริน' วรรณศูทร

 
 เป็นเรื่องราวหลายเรื่องที่ผมได้อ่านต้องยอมรับโดยส่วนตัวว่ามีหลายเหตุผลที่ผมเห็นด้วยและได้ข้อคิดจาก การอ่านหน้าเพจเฟชบุ๊ค ของบุคคลท่านนี้ รุ่งโรจน์ 'อริน' วรรณศูทร  ผมพยามรวบรวมเรื่องมาปะติดปะต่อเพื่ิอให้อ่านเข้าใจและต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น แต่อาจจะเข้าใจเพียงผมคนเดียวก็ได้ เพราะเหตุผลคือผมชอบเป็นความคิดเห็นจากหลายๆครั้งที่ผมนำมารวมกันไว้บางส่วนในช่วงวิกฤติในบ้านเมืองกับเหตุการณ์ทางการเมือง
 
 
อย่าเสี่ยงโดยไม่จำเป็น อย่าเปิดเผยตัวเองในโลกที่มีคนไม่เปิดเผยอยู่เป็นจำนวนมาก
 
โพสต์ครั้งแรก 3 พฤศจิกายน 2009, 08:20:13

ในประเทศที่เสรีภาพเป็นเพียงเป้าหมาย ความระมัดระวังไม่ไปละเมิดสิ่งที่ยอมรับกันแพร่หลายแล้วว่าเป็น "กฎโจร" นั้น ควรยึดถือเป็นหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัด สำหรับประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและรักความเป็นธรรม ที่มีบทบาทเคลื่อนไหวเป็นกองหน้าอยู่ในขอบเขตปริมณฑลต่างๆ แม้แต่ในโลกไซเบอร์ การหลีกเลี่ยงความสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่า มีความหาญกล้าเหล่านั้น ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ควรยึดถือเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนโลกแห่งข้อมูลข่าวสารไปสู่พี่น้องประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยอันไพศาล

ตราบใดที่กระบวนการสืบสวน-สอบสวนในปัจจุบันยังใช้ระบบ "กล่าวหา" หรือ ระบบ "ผู้ถูกกล่าวหามีความผิด จนกว่าจะมีข้อพิสูจน์มาหักล้างว่าไม่ได้ทำความผิด" ซึ่งแตกต่างอย่างตรงกันข้ามกับระบบที่ใช่ในอารยะประเทศสมัยใหม่ทั้งหลาย ซึ่งเลือกที่จะใช้ระบบ "รวบรวมพยานหลักฐาน" เพื่อนำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลย เข้าสู่การพิจารณากระบวนในกระบวนการยุติธรรมที่ "ผู้ถูกกล่าวเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีข้อพิสูจน์มาหักล้างว่าทำความผิด"

ตราบนั้น อันตรายของ "กระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน" ก็จะยังคงเป็นอันตรายคุกคามการเคลื่อนไหวเพื่อ "สร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์ สร้างรัฐธรรมนูญประชาชน" อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้.
 
.............................
 
 
 
เป้าของเราคือระบอบและระบบที่ไม่เป็นธรรม บนพื้นฐานสิทธิและเสรีภาพ รูปธรรมของมันคือ "หัวโจกปฏิกิริยา" และ "มือตีน/บริษัทบริวาร"

ส่วนมวลชนที่เป็นเหยื่อปลุกระดม/ล้างสมอง
เป็นประชาชนร่วมชะตากรรมอย่างเดียวกับเราในอดีต ที่เรามีหน้าที่ช่วงขิงมาอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย คนเหล่านี้ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามที่จะต้องฟาดฟัน   และประชาชนทั่วไปที่ไม่อยู่ในกลุ่มที่เลือกฝ่าย คือมวลชนในอนาคตของเรา ถ้าไม่เข้าใจจุดนี้ จะหลงประเด็น และอาจโดดเดี่ยวตตัวเองในที่สุด    ******
 
การยืนยันความถูกต้องไม่ได้หมายถึงการ "หาความผิดพลาดของฝ่ายตรงข้าม"
การแก้ข้อกล่าวหาไม่ได้หมายความว่า "กล่าวหาให้ร้ายแรงกว่ากับฝ่ายตรงข้าม"

การยืนยันความถูกต้องหมายถึงการอธิบายอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยของความคิดของตน
การแก้ข้อกล่าวหาหมายถึงการใช้ข้อมูลหลักฐานโต้แย้งอย่างมีเหตุมีผล ********
 
 ......................
 
 ระหว่างการ "ชี้" ไปที่ฝ่ายตรงข้ามด้วยวาทกรรม "โกง" ซ้ำแล้วซ้ำอีก สงสัยว่าเหตุใด "ไม่เสนอ" สะบั้นเหล่ากอคนโกง และอุดช่องว่างรอยโหว่การโกง ทั้งภาค "ข้าราชการการเมือง" และ "ข้าราชการประจำ"... โดยที่ องค์กรตรวจสอบ/สอบสวน ต้องหลุดพ้นจาก "ระบบราชการ" ซึ่งในปัจจุบันนี้ แม้แต่ "องค์กรอิสระ" เองก็เป็นส่วนหนึ่งของ "ระบบราชการ"...

การใช้ "คณะกรรมการประชาชน" ที่มาจาก "Primary Vote" แล้วเลือกกันเป็นชั้นๆ จากระดับอำเภอ - จังหวัด - ภาค - และประเทศ แม้จะดูเหมือนว่าเป็นการเลือกตั้ง "โดยอ้อม" แต่เนื้อหาเป็น "เลือกตั้งโดยตรง" ซึ่งจากการเลือกตั้งในชั้นที่ 2 "Secondary Vote"...ให้ใช้การ "ลงคะแนนเสียงโดยเปิดเผย.
 
 .......................
 
คนในโลกโซเชียลมีเดียที่ทำงานการเมือง ไม่ว่าระดับใดระดับหนึ่ง ควรที่จะหัด "พูดเฉพาะ" ความคิดของตนเอง ไม่ควร "ตัดสิน" คนอื่นจากข่าว หรือการบอกต่อ...

ถ้าจะวิพากษ์วิจารณ์ต้องให้เหตุผลประกอบ และจำเป็นต้องเป็นเหตุผลของตนเอง แทนที่จะเป็นเพียง "เครื่องมือ" หรือ "กระบอกเสียง" ช่วยโหมกระพือ "ข่าวลือ/ข่าวลวง" ที่อาจเป็นการให้ร้าย/ทำลายบุคคลที่สอง หรือกระทั่งบุคคลที่สามอีกด้วย

ด้วยภราดรภาพ    
รุ่งโรจน์ "อริน" วรรณศูทร   03:09 น. 15 พฤศจิกายนร 2556
 
 
........................................
 
 
 
รวบรวมนำเสนอโดย    แอดมิน ชาวดิน

เขาพระวิหารหรือจะสู้เขาแพง กระแสแรงสุดๆ

 
หลากความคิดเห็นจากหน้าเฟช ดร.สุนัย จุลพงศธร  (Sunai Chulpongsatorn   )
 
 

 
 
คำประกาศลาออกของนายสุเทพในที่ชุมนุมมวลชน“ในชีวิตได้ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดมา 35 ปี ไม่ทุจริต เป็นผู้แทนฯด้วยความจริงใจ วันนี้ตัดสินใจออกจากสภาฯเพราะผมรักประชาชน นอกจากรักประชาชนแล้วผมรักประเทศไทย รักพระเจ้าแผ่นดินของเรา " มีรายงานข่าวว่าหลังจากนายสุเทพประกาศได้เกิดฟ้าผ่าลงมาที่ตัวนายสุเทพแต่ไม่ตายเพียงแต่ผิวใหม้เกรียม ผู้สันทัดกรณีให้ความเห็นว่าเป็นเพราะยมฑูตยังเอือมต่อพฤติกรรมโกหกหน้าด้านๆแม้แต่กล่าวอ้างสถาบันกษัตริย์ก็ไม่เกรงกลัวบาป
 
 
อภิสิทธิ์ประกาศไล่ครอบครัวชินวัตรออกนอกประเทศ ทั้งที่เขาไม่เคยสั่งฆ่าประชาชนตั้งแต่พวกปชป.-พันธมิตร ชุมนุมขับไล่เขาเพื่อเปิดทางให้เกิดรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 จนถึงการชุมนุมในรัฐบาลนี้ แต่หลักฐานชัดเจนในรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่สั่งการ สังหารประชาชน...ผู้ชุมนุมตาย 99 ศพ บาดเจ็บกว่า 2,000 คน อีกทั้งคุณอภิสิทธิ์ยังมีหลักฐานชัดเจนด้วยว่าหนีทหาร ถ้าใช้มาตรฐานคุณอภิสิทธ์ คนไทยก็ต้องสามัคคีขับไล่คุณอภิสิทธ์และครอบครัวออกนอกโลกเพราะ ขับออกนอกประเทศมันน้อยไป/ทำไมคุณอภิสิทธิ์ที่เป็นถึงอดีตนายกจึงประกาศขับไล่ครอบครัวนั้นครอบครัวนี้ออกนอกประเทศได้อย่างไร เพราะคุณก็ไม่ใช่เจ้าของแผ่นดินนี้แต่ผู้เดียว อีกทั้งยังไม่รักชาติไม่รักแผ่นดินด้วยการหนีทหารอีกด้วย พฤติกรรมเช่นนี้เลวมากจริงๆครับ
 
 
ขอบคุณครับ ปรากฎการณืที่ท่านเห็นเป็นจริง เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะสังคมได้แบ่งฝ่ายกันแล้วพวกปชป.เขาจึงเลือกที่จะเชื่อข่าวสารของพวกเขาอภิสิทธิ์-สุเทพ สั่งฆ่าคนตาย 99 ศพ อาจารย์มหาลัยที่ชาวบ้านเคยเชื่อว่าเป็นผู้มีคุณธรรมจึงไม่สนใจแต่กลับเชียคนสั่งฆ่า สภาพเช่นนี้บ่งบอกการใกล้พังทะลายของระบบสังคมเก่าและพัฒนาไปสู่ระบบใหม่ ความปั่นป่วนอย่างไร้เหตุผลและไร้กติกาวันนี้เป็นสัญญาณบอกเหตุ
 
วัตถุประสงค์จริงของ ปชป.พรรคลูกสมุนอำมาตย์ที่รับใช้เผด็จการขุนนางและหนุนแนวทางรัฐประหารของฝ่ายอำมาตย์มานานกว่า60ปีแล้ว พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยและพีน้องเสื้อแดงตื่นเถิดอย่าหลงประเด็น
 
เป้าหมายหลักพรรคปชป.มันตั้งใจล้มรัฐบาลลูกเดียวไม่ว่าจะเป็นพรบ.นิรโทษฉบับวรชัยหรือฉบับใหนมันก็ไม่เอาทั้งนั้น มันเพียงแต่เอาเรื่องนิรโทษมาเป็นเครื่องมือโกหกบิดเบือนประชาชนให้เข้าใจผิดเ...พื่อก่อจราจลให้เกิดความวุ่นวาย แม้ถอนร่างนิรโทษเรื่องก็ไม่จบ ม๊อบ ปชป. วันนี้เป็นเรื่องเดียวกับม๊อบแช่แข็งปิดประเทศของ เสธ.อ้าย เมื่อปลายปีที่แล้วและเป็นม๊อบเดียวกับม๊อบยึดสนามบินและยึดทำเนียบล้มรัฐบาลสมัคร-สมชาย เมื่อปลายปี 2551 แกนนำที่เป็นองค์ประกอบม๊อบล้วนแต่ลูกป๋าที่เคยมีผลงานฉาวโฉ่ทั้งนั้น ถ้าคราวนี้ล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ประเทศถูกอำมาตย์ปิดประเทศแน่นอน
 
 
ปชป.กำลังจิบยาพิษฆ่าตัวตายทุกวันที่ตัดสินใจให้นายสุเทพเป็นผู้นำต่อต้านคนโกง,เพราะพฤติกรรมทั้งส่วนตัวและการงานคนไทยทั้งประเทศรู้ชัดเจนว่านายสุเทพมีประวัติมัวหมองทางคุณธรรมอย่างยิ่งทั้งชีวิตส่วนตัวและชีวิตการงาน,เพื่อไทยขอขอบคุณการเคลื่อนไหวของ ปชป.อย่างมากและใหนๆก็ใหนๆเมื่อ ปชป.เชื่่อถือสุเทพอย่างย้อนศรเช่นนี้ก็หนุนให้เป็นหัวหน้าพรรคไปเลยถ้าแน่จริง
 
 
 
 
รวบรวมนำเสนอโดย    แอดมิน ชาวดิน
 
 

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ย้อนดูปูมประวัติ "พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ" เมื่อ "นายทหารทวนกระแส" ได้รับเลือกเป็นว่าที่ "กสทช."




เป็นที่สะกดใจชวนให้อ่านอีกครั้ง เมื่อชาวเฟซนำข่าวอดีตนายทหารคนนี้มาลงอีกครั้งหลังมีการก่อตั้งกองทัพประชาชนโดยกลุ่มนายทหารแก่ ที่ประกาศจะล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

พล.ท.พีระพงษ์ เคยอภิปรายในงานวันรพีว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องรับผิดชอบต่อกรณีการส่งทหาร
เข้าไปแก้ปัญหาการชุมนุมในเหตุการณ์เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 เพราะทหาร ทำตามหน้าที่ แต่เป็นรัฐบาลที่ไม่ใช้ "การเมือง" แก้ปัญหา "การเมือง" ทว่ากลับใช้ "กำลัง" และ "กฎหมาย" ไปจัดการปัญหา "การเมือง" แทน

พร้อมแสดงความเห็นว่า สำหรับการสลายการชุมนุมครั้งที่ไม่มีคำขอโทษแต่มีแค่คำว่าเสียใจดังกล่าว "หากผมเป็นรัฐบาลแล้วเกิดเหตุแบบนั้นก็ลาออกไปแล้ว"

ฝันสุดท้ายเจ้าชายแช่แข็ง




โฉมหน้าเสนาธิการแช่แข็ง แม่ทัพโค่นระบอบทักษิณ
กะเทาะน้ำแข็งแล้ว พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ เปิดตัว "คณะเสนาธิ การร่วม" แห่ง "กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ"

น้ำแข็งที่หมายมาดจะแช่แข็งประเทศไทยไว้ แต่กลับกลายเป็น "กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม" ที่ถูกแช่นิ่งไว้พักหนึ่ง

กระทั่งมีน้ำมาเลี้ยงนั่นแล้ว จึงคืนชีพ

อดีตรองผบ.สส. ระบุว่า สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

สำคัญ "ถูกครอบงำด้วยระบอบทักษิณ"

จึงจัดตั้งกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณขึ้น

อ้าง ภารกิจ 1.เป็นศูนย์กลางการประสานงาน องค์กร กลุ่ม เครือข่าย พรรคการเมืองต่างๆ ที่มีเป้าหมายร่วมกันในการโค่นระบอบทักษิณให้สิ้นซากไปจากแผ่นดินไทย

2.จัด ตั้งและขยายมวลชนผู้รักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์ รักประชาธิปไตย หวงแหนแผ่นดิน ให้สามัคคีรวมตัวกันมากขึ้น เป็นมวลมหาประชาชนในทุกจังหวัด

3.จัดตั้งกองกำลังปกป้องประชาชนในทุกจังหวัด

แล้วประกาศชื่อคณะเสนาธิการ ร่วม พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี พิเชฐพัฒนโชติ และไทกร พลสุวรรณ

เรียกร้อง 7 ข้อต่อรัฐบาล ขีดเส้นตาย 7 วัน

ถ้าไม่ จะนัดชุมนุมในวันที่ 4 สิงหาคม

"มติชนสุดสัปดาห์" ฉบับเปิดโฉม หน้าเสนาธิการแช่เข็ง

พาดปก "ฝันสุดท้าย เจ้าชายแช่แข็ง"

สิ้นเสียงคณะเสนาธิการร่วม จึงคล้ายกับว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ จะกลายเป็นหมอดูแม่นๆ

จึงคล้ายกับว่า กลุ่มหน้ากากขาว รวมถึงแนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติ รักษาแผ่นดิน จะอบอุ่นยิ่ง

แต่คำเตือนกันก็ดังมา

โปรดระวังมหกรรมแช่แข็งหมู่ (อีกครั้ง)
ปล. น่ากลัวจุงเบย


......
Kanitha Black Springs
 
 

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สาส์นถึงแดงทั้งแผ่นดิน..กวป..ภปช..กลุ่ม29มค..คนวันเสาร์..เตรียมพร้อมสิงหาปกป้องรัฐสภา


สาส์นถึงแดงทั้งแผ่นดิน..บ้านเมืองวิกฤต..ปกป้องรัฐสภาเตรียมพร้อมปราบกบฏ
 
 ....สิ่งที่รัฐบาลวิตกกังวลและเกรงกลัวในขณะนี้ 1......วิตกกังวลและเกรงกลัวว่าทหารจะไม่ยอมสนับสนุนในยาม ........สถานการณ์บ้านเมืองเข้าขั้นวิกฤตและจราจล......

2......วิตกกังวลและเกรงกลัวต่อองค์กรตุลากานสานชั่วจะ .........ยุบพรรค..ปลดนายกฯและเกิดสูญญากาศ กกต

3.......วิตกกังวลและเกรงกลัวต่อฝ่ายค้านในการเดินเกมใช้วิชามาร .........เพื่อโค้นล้ม รฐบ ทุกวิถีทาง...โดยมีองค์กรตุลากานสานชั่ว .........ให้การหนุนหลังตลอดเวลา..

4.......วิตกกังวลและเกรงกลัวต่อเจ้าหน้าที่รักษากฏหมายจะรับมือ .........กับพวกโจรกบฏไม่ได้...ในยามวิกฤตจราจล..

5.......วิตกกังวลและเกรงกลัวประการสุดท้ายนี้น่าคิดคือ .........ถ้าการใช้มวลชนเสื้อแดง...เมื่อมีชัยเกิดขึ้นจะไม่สามารถ .........ควบคุมมวลชนได้อีกต่อไป...รัฐฯจะสูญเสียอำนาจเบ็ดเสร็จไป .........จึงหลีกเลี่ยงการใช้มวลชนมาตลอด...โดยยอมเสี่ยงที่จะไป .........คบค้าจับมือกับพวกทหาร...แทนการใช้มวลชนเป็นกำแพงเหล็กสู้

......เพราะฉะนั้นแดงภาค ปชช แดงอิสร แดงเสรีชน..แดงก้าวหน้าและแดงทุกแดง...คงจะรอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว...นโยบาย 2 ขาที่บอกว่าสวยหรูระหว่าง นปช. กับ รบ แท้ที่จริงคือขาเดียวกันเมื่อ รฐบ ไม่สั่ง นปช ก็ไม่กล้าขยับเสมือนขาที่พิการหยุดแน่นิ่ง

..............เรามวลชนคนเสื้อแดงต้องตัดสินใจปกป้องระบอบ ปชต
ด้วยกันเอง...พึ่งพากันเอง...เป็นหน่วยย่อยๆเป็นดาวกระจาย
รวมพลังสามัคคี....เริ่มตั้งแต่เปิดสภาฯเดือนสิงหานี้เป็นต้นไป
โดยเข้าปกป้องรัฐสภา...ให้ผ่านร่างแก้ไขกฏหมาย พรบ ให้ได้ทั้งหมด
โดยใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน....อย่าได้หวั่นเกรงพวกโจรกบฏแม้แต่น้อย
เพราะหนักว่านี้ที่ ราชประสงค์ เรายังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับพวกทะเหี้ยมาแล้ว เป็น 100 ชีวิตเรายังแลกได้....กับการปกป้องรัฐสภาเพื่อรักษาไว้ซึ่งด้วยระบอบ ปชต อีกครั้งแล้วทำไมพวกเราจะทำไม่ได้ครับพี่น้องเลิกพูดเสียที่ว่าจะเข้าทางมัน....หัดใช้สมองเสียบ้างถ้ามันเป็นกบฏก็เข้าทางเรา.....หมู่บ้านปราบกบฏเสื้อแดงทั้งแผ่นดินเขาเตรียมพร้อมจะเข้าทำการกวาดล้างปราบกบฏให้สินซากกันเสียที......

 ........เราขอร้องไปยัง รฐบ ปชช ว่าท่านไม่ต้องประกาศสถานการณ์
ฉุกเฉินใดๆทั้งสิ้น....เหมือนปี 2551 ที่ท่านประกาศไปนั้นเท่ากับไป
ทำลายมวลชน นปก ทันที..ที่ไม่สามารถอยู่ปกป้อง รฐบ ของ
นายกสมัครได้...แต่กลับไม่สามารถไปบังคับใช้กับ พธม ที่ล้อมทำเนียบในขณะนั้นได้จน รบ ของนายกสมัคร ต้องล้มลงอย่างไม่เป็นท่า...
อย่างนี้เขาเรียกว่าโง่ที่..เตะหมูเข้าปากหมา......ก็อย่าทำโง่ๆ
ซ้ำอีกก็แล้วกัน...อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด....เป็นหน้าที่ของ ปชช
ที่เขาจะตัดสินกันเอง.....ทะเหี้ยอย่าเข้ามาเสือก...

....ขอให้แดงทั้งหลาย...ขณะนี้ให้รอสัญญาณการเคลื่อนพลจาก
กวป ก่อน.....เรา ปชช ไทยมีหน้าที่ปกป้อง ปชต และรัฐบาล ปชช
ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดๆทั้งสิ้น..ขอให้ระดมเวทีปราศรัยทุกเวทีที่แดงทุกแดงมีอยู่....ใครรักเวทีไหนก็ไปเวทีนั้น...จะได้มีแดงหลากหลายเข้าร่วมชุมนุม......แดงทุกแดงจะต้องเป็นหัวหอกแกนนำในการต่อสู้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเป็นกันชนปกป้องพวกเราอยู่จะมีขวัญกำลังใจที่จะปกป้องชาติบ้านเมืองด้วยกัน...เป็นการเสี่ยงเกินไปที่จะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงอย่างเดียวดังเช่น 30 พค 2555 เจ้าหน้าฯต้องวิ่งหนี พธม เพราะเกรงกลัวพ่อแม่มันซึ่งใหญ่มากๆ...เห็นแล้วน่าอนาถใจจริงๆ.........ไอ้พวกโจรกบฏมันได้เริ่มก่อตัวและประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเป็นกองทัพ ปชช เพื่อล้มล้าง รฐบ ปชต. อย่างแน่นอน....มันกบฏเห็นกันชัดๆอย่างนี้แต่ รฐบ กลับนิ่งเฉยไม่สามารถจัดการตามกฏหมายได้......มีแต่ภาคประชาชนคนเสื้อแดงเท่านั้น...ที่จะเข้าร่วมปราบปรามกบฏโจรชั่วเหล่านี้ให้สิ้นซาก...สงครามครั้งสุดท้าย....ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้...........

หมู่บ้านแดงทั้งแผ่นดิน..เตรียมพร้อมปราบกบฏได้แล้วครับท่านทั้งหลาย.................

  





กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) วันที่ 26 ก.ค. 56 นัดพี่น้องทวงคำตอบที่ศาลปกครอง


ฉบับ ที่ 1 2 ก.ค. 56
กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.)
เรียน คณะตุลาการศาลปกครอง
เรื่อง วินิจฉัยโครงการบริหารจัดการน้ำ3.5แสนล้านบาทของรัฐบาล
เนื่องด้วยทางกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กวป.และประชาชน มีความสงสัยในคำวินิจฉัยของท่าน ในกรณีที่ท่านวินิจฉัยโครงการบริหารจัดการน้ำ3.5แสนล้านบาทของรัฐบาล เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556 นั้นต้องทำประชาวิจารณ์ ก่อนจึงจะสามารถ ทำโครงการต่อไปได้ โดยที่ถือว่าเป็นคำวินิจฉัยชี้ขาด ทางกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กวป. และประชาชนจึงขอตั้งคำถามต่อคำวินิจฉัยของท่าน ดังนี้
1. รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งโดยถูกต้องจากประชาชนและเป็นเสียงข้างมากที่ได้มา โดยสุจริตตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงถือได้ว่าเป็นมติของประชาชนชาวไทย ให้รัฐบาลบริหารประเทศโดยชอบธรรม การวินิจฉัยของศาลปกครองถือว่าละเมิดสิทธิของประชาชนหรือไม่
2. หากต้องทำประชาวิจารณ์ตามคำวินิจฉัยของศาลปกครอง ซึ่งต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน หรือต้องเสียเวลาในการทำโครงการล่าช้าไปอีก หากเกิดอุทกภัยร้ายแรงเหมือนปี พ.ศ. 2554 หรือเกิดภัยแล้งขาดแคลนน้ำเนื่องจากฝนทิ้งช่วง ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ประเทศ ศาลปกครอง หรือรัฐบาล
3. ในฐานะที่ศาลปกครองเป็นผู้วินิจฉัย กรณีโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท แล้วทำให้ประเทศเกิดความเสียหายตามข้อ 2 ประชาชนสามารถเอาผิดกับศาลปกครอง หรือกับตุลาการที่อ่านคำวินิจฉัยได้หรือไม่
4. ในกรณีคำวินิจฉัยของศาลปกครองส่งผลต่อความเสียหายของประเทศดังเช่นที่กล่าว มาตาม ข้อ 1. 2.3. ขอให้ศาลปกครองช่วยชี้แจงต่อประชาชนชาวไทย ทั้งประเทศเพื่อคลี่คลายความสงสัยของประชาชน ต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อโปรดชี้แจง
กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.)

นาย ชาญ ไชยะ กรรมการบริหาร กวป.
นาย ศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษก กวป.
วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ฉบับที่ 2 10 ก.ค. 56
กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.)

เรียน คณะตุลาการศาลปกครอง
1. จากการที่ทางกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและประชาชน ได้ร้องขอต่อคณะตุลาการศาลปกครองที่มีคำวินิจฉัยต่อโครงการบริหารจัดการน้ำ ของรัฐบาล 3.5แสนล้านตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2556 จนมาถึงบัดนี้ วันที่10กรกฎาคม พ.ศ.2556 ซึ่งถึงกำหนดเวลาที่ร้องขอไปยังคณะตุลาการศาลปกครอง ครบ 7วัน จึงมาทวงถามคำตอบ ตามสิทธิของประชาชน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าคณะตุลาการศาลปกครองจะสามารถให้คำตอบที่เป็นธรรมกับประชาชนทั้งประเทศได้ หากทางคณะตุลาการศาลปกครองไม่ออกมาชี้แจ้ง นั่นแสดงว่าคำวินิจฉัยนั้นไม่สามารถกระทำได้จริง และยังไม่ใช่ทางออกที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำได้ ฉะนั้นทาง กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและประชาชน จึงขอประณามการวินิจฉัยอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศและประชาชน ซึ่งคำวินิจฉัยไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนอันเป็นประสพนิกรใต้ พระบรมโพธิ์สมภารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังถือว่าเป็นการเตะถ่วงความเจริญของประเทศ และจะดำเนินการเพื่อทำการร้องเรียนไปยังหน่วยงานต้นสังกัดต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและประชาชน
นาย ชาญ ไชยะ กรรมการบริหาร กวป.
นาย ศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษก กวป. วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พรุ่งนี้เจอกันครับ (26/7/13)
 
 
 





วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

“อลงกรณ์” งัดข้อ "มาร์ค" - เตรียมชงร่างนิรโทษกรรมเข้าประชุม ปชป.



“อลงกรณ์” งัดข้อ "มาร์ค" - เตรียมชงร่างนิรโทษกรรมเข้าประชุมปชป.

สอนอย่าคิดเล็กคิดน้อย เลิกตาขาวตกหลุมพรางฝั่งตรงข้าม แจงเป็นพรรคใหญ่อยู่ร่วมในเหตุขัดแย้ง ควรเสนอร่างสมานแผลให้ประเทศ เตือนอย่าเก่งแต่วิพากษ์วิจารณ์

เมื่อ 23 ก.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ภาคกลาง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เตรียมเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ผู้ชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ปี2548 ฉบับพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนจะเสนอรายละเอียดร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งหมด 8มาตรา ซึ่งคาดว่า จะแล้วเสร็จภายใน 2-3 วันนี้ เพื่อให้ที่ประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พิจารณาในวันที่ 30 กรกฎาคม โดยตนจะยึดสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับประชาชน เป็นหลัก แต่จะมีการปรับปรุง ในเรื่องของเงื่อนเวลา ให้พิจารณาจากปี 2548 และประเภทความผิดที่จะได้รับนิรโทษกรรม จะต้องไม่กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และการทุจริต คอร์รัปชั่น ขณะที่ผู้สั่งการ แกนนำ หรือผู้จงใจกระทำความผิดกฎหมายอาญา ในลักษณะมุ่งต่อทรัพย์สิน หรือมุ่งทำลายทรัพย์สินของเอกชน ราชการ และมุ่งต่อชีวิตของคนอื่น จะไม่ได้รับการนิรโทษกรรม แต่ขอให้มีการนิรโทษกรรมในส่วนของประชาชน และผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมาย ฉะนั้นถ้ามีความชัดเจนเช่นนี้ คงไม่มีเหตุผลใดที่จะเคลือบแคลงหรือไม่ไว้วางใจ

“ผมจะเสนอกฎหมาย ในฐานะที่เป็นส.ส.พรรค และคงจะมีเพียงร่างเดียวที่จะขอให้เป็นร่างของพรรค และหากที่ประชุมพรรคไม่เห็นด้วย ผมก็จะพิจารณาอีกครั้งว่า จะเสนอด้วยตัวเองเข้าสู่สภาหรือไม่ เพราะการที่มีร่างกฎหมายฉบับประชาชนขึ้นมา สะท้อนว่า 4-5 ร่างที่อยู่ในสภา ไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาของประชาชน และการที่ผมเสนอมาในช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่เหมาะสม ที่ควรจะมีร่างที่เป็นที่ยอมรับของคนทุกฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ ญาติวีรชนที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองในปี 53 ซึ่งชัดเจนว่า สาระมุ่งไปที่การนิรโทษกรรมประชาชน ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นพรรคการเมืองใหญ่ และเป็นพรรคที่มีส่วนร่วม ในเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในหลายปีที่ผ่านมา จึงควรมีร่างกฎหมายที่ชัดเจนบ นหลักของนิติรัฐ นิติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ก็ประกาศไม่ขอรับการนิรโทษกรรม จึงถือเป็นจุดแข็ง ในการนำเสนอกฎหมายว่าไม่ได้ทำเพื่อตนเอง”นายอลงกรณ์ กล่าว

เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงจุดยืนแล้วว่า จะไม่เสนอร่างกฎหมายของพรรคเข้าพิจารณา นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ก็ถือเป็นความเห็นของนายอภิสิทธิ์ แต่ส.ส.มีสิทธิที่จะเสนอในที่ประชุมพรรค วันนี้เราต้องมองข้ามการเมือง จะคิดเล็กคิดน้อย เล่นแง่ทางการเมืองไม่ได้ หรือกลัวตกหลุม กลายเป็นเครื่องมือของคนนั้นคนนี้ หากเรายอมรับว่า มีปัญหาการเมืองต่อเนื่องมาร่วม 10ปี พรรคประชาธิปัตย์ ต้องหาทางออกให้กับประเทศ และดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงแค่วิพากษ์วิจารณ์ เพราะเราเป็นพรรคการเมืองใหญ่ จึงถึงเวลาที่บทบาทหน้าที่ของเราต้องเปลี่ยนแปลง และถึงเวลาแล้วที่เราต้องลบลอยบาดแผล หากเราไม่สมานแผลแล้วจะเดินหน้าไปได้อย่างไร และเชื่อว่า ทางนี้จะเป็นทางรัดที่เร็วกว่า ซึ่งการจะนิรโทษกรรมมีทางเดียวคือ ต้องผ่านกฎหมายจากสภา ทั้งนี้ตนขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย เสนอร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรม ด้วย เพื่อแสดงความจริงใจในการสร้างความปรองดอง



จักรภพ โพสต์ข้อความ ต้นเหตุทำน้ำท่วมโคราช-จันทบุรี


วันที่ 24 ก.ค.2556 ในหน้าเพจเฟซบุ๊ก ของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ หรือ นปช. ได้มีการแสดงความเห็นถึงเหตุการน้ำท่วมในพื้นที่อีสานใต้ และพื้นที่ในภาคตะวันออกของไทย โดยระบุว่า

เห็นข่าวน้ำท่วมฉับ พลันที่โคราชและจังหวัดอื่นๆ ในเขตอีสานใต้ เลยลงมาจนถึงบางจังหวัดในภาคตะวันออก โดยเฉพาะจันทบุรีและตราด เนื่องมาจากพายุเข้าจนฝนตกต่อเนื่องมาหลายวัน ทำให้ผมนึกถึงอำนาจรัฐที่ถูกจำกัดโดยตุลาการศาลปกครองสูงสุดในเรื่องการ จัดการน้ำ

แล้วสะท้อนใจว่านี่แหละสภาพที่แท้จริงของรัฐไทยในปัจจุบัน ที่พยายามยื้อยุดเป็นรัฐบาลกันอยู่ ก็เพื่อตอบโจทย์เล็กๆ ทางการเมืองและแบ่งอำนาจของเจ้าของประเทศเขามาส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง อำนาจรัฐที่มีในมือจึงไม่เพียงพอต่อการทำงานใหญ่ รวมทั้งการวางระบบจัดการน้ำขนาดใหญ่ที่ต้องการทำอะไรหลายอย่าง
ตั้งแต่การสกัดกั้นน้ำเกินไปจนถึงการจัดการน้ำขาด (น้ำท่วม-น้ำแล้ง) รัฐบาลจึงได้แต่ขุดลอกคลองและแหล่งน้ำกระจ๊อกกระแจ๊กไปเรื่อยๆ เหมือนรอเวลาที่จะเกิดเหตุอุทกภัยใหญ่ในเขตเศรษฐกิจของประเทศอีกครั้งหนึ่ง แล้วค่อยหาทางเอาตัวรอดทางการเมืองกันอีกรอบในตอนนั้น
อย่าลืมนะครับว่าเวลาที่ผู้สั่งการเรื่องน้ำของรัฐไทยเขาให้ลูกสมุนที่ ส่งมานั่งคัดท้ายเรืออยู่ในคณะกรรมการระดับชาติ หรือใช้ “มือที่มองไม่เห็น” อื่นๆ ที่อยู่ในกลไกราชการเพื่อบีบบังคับรัฐบาลให้ทำในเรื่องที่เขาต้องการและ ยับยั้งมิให้ทำในสิ่งที่เขาไม่ต้องการนั้น รัฐบาลคือผู้รับหน้าเสื่อแทนเขาทั้งหมด
พอประชาชนเกิดเดือดร้อนขึ้นมา เขาไม่ได้มองลึกลงไปถึงสาเหตุเบื้องหลังหรอกครับ พี่น้องเขาซัดรัฐบาลตรงๆ เลยทีเดียว ซึ่งก็ถือว่าเป็นธรรม เพราะรัฐบาลทำท่าใหญ่โตเป็นผู้บริหารประเทศ โดยไม่ส่งสัญญาณเลยสักแอะเดียวว่า ตัวเองได้ถูกยึดอำนาจบริหารรัฐกิจ (ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของอำนาจรัฐ) ไปโดยกลไกแบบตุลาการศาลปกครองสูงสุดไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อไม่รู้จักบ่น ไม่อุทธรณ์ (ต่อสังคม) และไม่อธิบายให้มวลชนทั่วประเทศเข้าใจในเบื้องลึกเบื้องหลัง ปัญหาใดๆ ที่ตัวเขา (เจ้าของประเทศ) เป็นคนก่อขึ้น ก็กลายมาเป็นปัญหาของเรา (รัฐบาลเลือกตั้ง) ไปโดยปริยาย

ผมเสียดายเหตุการณ์แบบนี้ ที่รัฐบาลน่าฉวยโอกาสอธิบายความให้ชัดเจนล้วงลึก เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รู้ว่า รัฐบาลที่เขาเลือกเข้ามาด้วยเสียงข้างมากมีอำนาจเพียงบางส่วนเท่านั้น ในกรณีการจัดการน้ำถึงขนาดไม่เพียงพอต่อการจัดระบบขนาดใหญ่ที่จำเป็นต่อการ แก้ไขปัญหาในปัจจุบันและอนาคตด้วยซ้ำไป

ในฐานะที่ผมเคยดูแลงานในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและการประชา สัมพันธ์และสื่อของรัฐในความรับผิดชอบของรัฐมนตรีมาช่วงหนึ่ง ผมขอแนะนำอะไรผ่านไปทางนี้สักนิด เมื่อแรกนึกว่าจะนั่งเฉยๆ เพราะไม่อยากให้เกิดความระคายเคืองในใจว่าไปยุ่มย่ามกับเขา
แต่รัฐบาลในนาทีนี้ได้กลายเป็นเป้าหมายที่ฝ่ายตรงข้ามวางแผนทำลายอย่าง เป็นระบบไปแล้ว ถ้าอยู่เฉยก็จะอาจพังกันทั้งหมดได้ สิ่งแรกก่อนที่เราจะประชาสัมพันธ์ หรือใช้สื่อของรัฐทำสิ่งใดก็ตาม เราต้องตรวจสอบก่อนอื่นว่าอำนาจสูงสุดในรัฐบาลที่คอยชี้นำ ทิศทางในเรื่องนี้อยู่ที่ใคร
ดูจากตำแหน่งหน้าที่ก็ไม่แน่นัก บางคนมีตำแหน่งโต้งๆ ว่ากำกับสื่อของรัฐ แต่เอาเข้าจริงแล้ว ไม่ได้กำกับอะไรเลย ยกเว้นแต่ตัวเอง ก็มีบ่อย เราจึงต้องดูบทบาทและอำนาจจริงในรัฐบาลนี้ว่าอยู่ที่ใด ผมคิดว่าศูนย์กลางปัจจุบันในเรื่องนี้คงอยู่ที่ คุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ผู้เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจเหนือกว่าเลขาธิการนายกรัฐมนตรีหลายคนในช่วงที่ผ่านมา
คุณสุรนันทน์เคยเป็นโฆษกพรรคไทยรักไทยและเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายก รัฐมนตรีผู้กำกับสื่อของรัฐมาก่อน ย่อมจะเข้าใจดีว่าต้องสั่งงานอย่างไร ตอนไหน และตรงไหน ผมมั่นใจในแง่นี้อย่างเต็มที่ แต่ปัญหากลับอยู่ที่ยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลมากกว่า

รัฐบาลขณะนี้หลอกตัวเอง หรือเปล่าก็ไม่รู้ว่า การเมืองไทยอยู่ในสภาพปกติ รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังขับเคลื่อนรัฐนาวาไปได้เรื่อยๆ จนครบวาระและอาจจะได้รับเลือกตั้งใหม่เพื่อต่ออำนาจไป ผมเชื่อว่ามวลชนประชาธิปไตยล้วนอยากบอกว่ารัฐบาลทั้งนั้นว่า เหตุการณ์ในบ้านเมืองไม่เป็นปกติเลยในทุกๆ ด้าน
เพียงจะนิรโทษกรรมให้พี่ น้องมวลชนผู้ใช้สิทธิของเขาในการประท้วงตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องคิดนิรโทษกรรมให้แก่ผู้นำหรือแกนนำทางการเมือง ยังเจอทั้งสันดอนและสันดานเผด็จการทั้งที่มาตรงๆ และที่แฝงเร้นอยู่ขนาดนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่กล้าขยับไปวาระสามทั้งๆ ที่เรามีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรโดยอ้างว่ากลัวไปล่มในส่วนของวุฒิสภา
จนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (ของเขา) เข้ามายึดอำนาจเรื่องนี้จากเราไป ครั้นจะหันมาทำงาน โดยบอกแบบพระเอกละครไทยว่าขอรับใช้ประชาชนโดยไม่สนใจการเมือง ซึ่งฟังดูดีและเป็นสาระของรัฐบาลประชาธิปไตยอยู่มาก ก็มาเจอกับปัญหาอย่างระบบน้ำและตุลาการศาลปกครองสูงสุด ที่มายึดอำนาจการบริหารงานของเราไปด้วย


เมื่อรัฐบาลทำงานในระดับโครงสร้างของประเทศไม่ได้ แถมอำนาจของประชาชนก็ยังถูกกดขี่จนต่ำเตี้ยกว่าระดับพื้นดิน โดยไม่มีเค้าลางเลยว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเมื่อใด นี่คือวิกฤติการณ์แล้วล่ะครับ เพียงแต่มันไม่ได้แสดงตัวปุบปับเหมือนประสบอุบัติเหตุ แต่เริ่มภาวะ “ตายช้า”
นั่นคือเขาเป็นผู้สร้างกรอบหรือกั้นคอกให้รัฐบาลอยู่ในนั้น โดยไม่ยอมให้ขยายอำนาจของรัฐบาล และของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศในแง่ใดได้เลย ขณะเดียวกันก็คอยสร้างอุปสรรคในการทำงานจนทำงานไม่ได้ผลลุล่วง เพราะรู้ว่าหากงานการไม่สำเร็จและ ข่าวสารทยอยออกมาในทางลบ
เช่น โครงการรับจำนำข้าว โครงการระบบน้ำ เป็นต้น พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ทั้งที่รักและไม่รักเรา ก็จะเริ่มเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย หงุดหงิด และอาจกลายเป็นความไม่พอใจหรือโกรธแค้นรัฐบาลได้ในที่สุด การต้อนเราให้จนมุมทั้งสองทางนั้นเป็นภาวะที่เราต้องแหวกวงล้อม ออกไปให้ได้
อย่าไปยอมรับ และอย่าถูกหลอกเอาง่ายๆ เสมอว่าเราต้องยอมเพราะกำลัง “หาทางคืนดี” กัน ความขัดแย้งในบ้านเมืองตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๘ เป็นต้นมา ไม่ใช่ความขัดแย้งระดับธรรมดา แต่เป็นความขัดแย้งในผลประโยชน์ที่ขัดกันระหว่างชาวบ้านกับชาวเมือง แม้แต่การเลือกตั้งก็ยังช่วยแก้ไขปัญหาไม่ได้ทั้งหมด

ไม่มีทางที่จะลงเอยกันได้ในสมการ ปัจจุบัน แต่ต้องเปลี่ยนตัวเลขบางตัวในสมการปัจจุบันเสียก่อนจึงจะแก้ไขได้ ซึ่งเวลาอาจช่วยเราได้ ในระหว่างการรอคอยนี้เอง เราต้องสื่อสารกับมวลชนทั่วประเทศว่า เราเป็นรัฐบาลยามวิกฤติ (crisis government) การทำงานทุกอย่างของรัฐบาลต้องมีลักษณะเร่งรัดและหาทางบังคับผลให้เกิดขึ้น อย่างรวดเร็ว
ต้องสร้างความพอใจให้กับประชาชน ส่วนใหญ่อย่างรวดเร็ว ต้องชี้ทางแก้ไขวิกฤติการเมืองอย่างรวดเร็ว และอย่าเผลอคิดว่าการอยู่เฉยจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเขาเฉยตามเราไปด้วย พูดตรงๆ แล้วเราไม่ต้องกลัวความขัดแย้งหรือความร้อนระอุทางการเมืองอีกแล้ว ทำอะไรก็ทำไปเลยครับ ยังไงมันก็ต้องเผชิญหน้ากันอยู่แล้ว
ก็ให้เผชิญหน้าในช่วงที่เรากุม บังเหียนของบ้านเมือง (ถึงแม้จะเพียงส่วนหนึ่ง) เสียเลยอาจจะดีกว่า พูดเช่นนี้อาจจะถูกค่อนว่าซาดิสต์ อยากเห็นบ้านเมืองลุกเป็นไฟหรือ แต่คนที่เขาติดตามเหตุการณ์มาอย่างใกล้ชิดเขาจะรู้ดีว่า ไฟมันไหม้อยู่แล้ว และยังลุกลามอยู่ตลอดเวลาด้วย

เราเสียอีกที่ไม่ยอมเอาน้ำไปดับไฟที่จุดโดยฝ่ายเขา แถมเผลอเอาน้ำไปดับไฟในใจของมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยจนแทบจุดไม่ติดเสียอีก โดยการปะเหลาะว่าสถานการณ์เรียบร้อยดีแล้ว โปรดอย่าเคลื่อนไหวอะไรกันเลย ใกล้ตายขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ค่อยเรียกหากันอีกครั้ง (ฮา)
น้ำท่วมที่อีสานใต้และภาคตะวันออกคราวนี้ รัฐบาลจึงทำอะไรได้น้อยกว่าหน่วยราชการเสียอีก หน่วยราชการปัจจุบันมีระบบงบประมาณที่คล่องตัวกว่าฝ่ายการเมืองมากนะครับ ทำไมไม่แก้ไขตรงนั้นกันก็ไม่รู้ รัฐมนตรีมีอำนาจเป็นเจ้ากระทรวง แต่บางทีก็เหมือนเจว็ด เพราะมีอำนาจด้านเงินทองและระเบียบต่างๆ น้อยกว่าปลัดกระทรวงและอธิบดีเสียอีก
ไม่ต้องพูดถึงองค์กรอิสระของรัฐ ซึ่งเหมือนกับดวงดาวที่โคจรรอบโลกได้โดยไม่อยู่ในแรงดึงดูดของใครเลย ทั้งหมดนี้แสดงความเลอะเทอะของระบบไทยทั้งนั้น
คนเก่งๆ มีก็เอามาใช้ทำงานในเรื่องนี้หน่อยครับ ให้มันรู้ไปว่าพอไม่มีคนอย่าง วิษณุ เครืองาม และ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่คอยเอาใจฝ่ายอำมาตย์ศักดินาและฝ่ายประชาชนไปพร้อมกันแล้ว รัฐบาลถึงกับหาอำนาจรัฐไม่เจอเอาเลยทีเดียว.

........
 

นปช.หวั่นม็อบ อพส.ล้อมสภา เตรียมส่งมวลชนยึดพื้นที่



นายชินวัฒน์ หาบุญพาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญทั่วไป กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ต่ำกว่าหมื่นคน จากชมรมคนรักแท็กซี่ ภาคีพลังประชาชน (ภปช.) และเสื้อแดงทั่วประเทศมารวมตัวบริเวณหน้ารัฐสภา เพื่อปกป้องรัฐบาล สส. ให้สามารถทำงานและออกกฎหมายได้

ทั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ หรือกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ประกาศจะชุมนุมหน้ารัฐสภาในวันที่4 ส.ค.56 โดยเรียกร้องให้รัฐบาลทำตาม 6 ข้อเรียกร้องถือว่าไม่ชอบธรรม

“การออกกฎหมายหรือกู้เงินใดๆ เป็นหน้าที่ของ สส.และเสียงส่วนใหญ่ในสภา ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี จึงยอมรับไม่ได้ ซึ่งคนเสื้อแดงจะชุมนุมยืดเยื้อไปจนกว่าสภาจะพิจารณาทุกอย่างเสร็จสิ้น”นายชินวัฒน์ กล่าว

ด้านนายไทกร พลสุวรรณ เสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนฯ กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่ทำตามข้อเสนอภายในวันที่ 27 ก.ค. ก็จะแถลงถึงแนวทางเคลื่อนไหวในวันที่ 4 ส.ค.นี้ อย่างไรก็ดี วันที่ 25 ส.ค. จะเปิดตัวแนวร่วมทั้งทหารและตำรวจนอกราชการกว่า 30 คน ซึ่งจะมาเป็นกองกำลังปกป้องประชาชน และขอยืนยันว่าไม่เคยมีเงินทุน 3,000 ล้านบาท ตามที่บางฝ่ายระบุ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยใช้เงินจ้างใครเข้าร่วมชุมนุม

ขณะที่ พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 เรียกร้องให้ 2 ผู้ต้องหา ที่ทำร้าย ด.ต.ศุภกฤต ลิ้มลิขิตอักษร และ ด.ต.พิสิษฐ์ สะอาดเอี่ยม ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยกลุ่มหน้ากากขาว มาพบหนักงานสอบสวนภายใน 3 วัน หากไม่ทำตามจะขออนุมัติหมายจับจากศาลต่อไป