กรณี ′แฝดเกรียน′ นายสุพจน์-นายสุพัฒน์ ศิลารัตน์ จำเลยคดีชกหน้านายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ นักวิชาการแกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ ในลานจอดรถมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังไม่จบลงสนิทดีนัก
ก็มาเกิดเรื่องการใช้ความรุนแรงซ้ำขึ้นอีก เมื่อนายกวีไกร โชคพัฒนเกษมสุข อดีตการ์ดพันธมิตรฯ ใช้ท่อนเหล็กทุบกระจกรถสำนักข่าววอยซ์ทีวี เพราะไม่พอใจที่เกี่ยวพันกับนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
เรื่องของเรื่องเพียงเพราะไม่พอใจที่สำนักข่าววอยซ์ทีวี เกี่ยวพันกับพ.ต.ท.ทักษิณ!??
ทั้งๆ ที่ ไม่เคยรู้จักหรือมีเรื่องมีเรื่องโกรธแค้นกันมาก่อน
แต่นายกวีไกร สามารถลงมือก่อเหตุอย่างชนิดไร้เหตุผล
จนถูกเรียกว่า ′เกรียน 3′
เพราะมีพฤติกรรมและแนวคิดความรุนแรงไม่ต่างจาก ′แฝดเกรียน′ นั่นเอง!??
*เกรียนหมายเลข 3-อาละวาด
เรื่องราวของ เกรียนหมายเลข 3 เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สวนลุมพินี เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา
แต่การชุมนุมกลายเป็นเรื่องรอง เมื่อเกิดเหตุคนร้ายใช้ท่อนเหล็กทุบกระจกรถสำนักข่าววอยซ์ทีวี แตกเสียหาย
คนร้ายก็ไม่รอดเนื่องจากคนขับรถวอยซ์ทีวี นั่งอยู่ในรถพอดี จึงติดเครื่องและเร่งไล่ตามก่อนพุ่งชนจนรถล้ม
ตำรวจที่ดูแลอยู่บริเวณนั้นเข้าล็อกตัวไว้ได้ พร้อมของกลางแท่งเหล็กและรถจักรยานยนต์ที่เป็นพาหนะ
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองผบช.น. ซึ่งรับผิดชอบเรื่องความสงบเรียบร้อยระหว่างการชุมนุม ร่วมสอบปากคำ
คนร้ายคือ นายกวีไกร โชคพัฒนเกษมสุข อายุ 31 ปี ที่เดินทางมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ นั่นเอง
"นายกวีไกรให้การว่าไม่พอใจวอยซ์ทีวี เพราะรู้มาว่าเป็นสถานีโทรทัศน์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาจึงใช้เหล็กที่นำติดมา ทุบกระจกรถของวอยซ์ทีวี ทำโดยไม่ได้รับจ้างใครมา เหล็กที่ใช้ตีเป็นเหล็กชนิดที่เอาไว้ค้ำกระโปรงรถ" พล.ต.ต.วิชัย เล่าถึงเบื้องหน้าเบื้องหลัง
อย่างไรก็ตามจากรูปร่างหน้าตา และพฤติกรรมรุนแรงเช่นนี้ ทำให้ตำรวจสงสัยว่าอาจจะไม่ใช่เพิ่งมาก่อเหตุครั้งแรก
กอปรกับพล.ต.ต.วิชัย คุ้นๆ หน้านายกวีไกร จึงสั่งให้เช็กประวัติ
ตามคาดหมอนี่ไม่ธรรมดา เพราะติดคุกมาตั้งแต่วัยรุ่น และพัวพันกับเหตุความรุนแรงหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อคราวม็อบพันธมิตรฯก่อหวอด จนมีปัญหากับกลุ่มนปช. หรือเสื้อแดง
โดยเคยก่อเหตุทำร้ายด้วยการจิกผมนางมินตรา โสรส สาวเสื้อแดง เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่กลุ่มนปช.ชุมนุมเคลื่อนไหวใหญ่ครั้งแรก ท้องที่สน.ดินแดง
ภาพเหตุการณ์สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ทั้งทางสิ่งพิมพ์และสื่อทีวี
แต่นายกวีไกรไม่เคยถูกดำเนินคดี
เมื่อมาก่อเหตุครั้งนี้ตำรวจจึงจัดการทบต้นทบดอก 2 คดีซ้อน
*แฉเพื่อนคู่แฝด-พธม.เมิน
ตำรวจเช็กประวัตินายกวีไกรแบบเจาะลึกมากขึ้น พบว่าเมื่อปี 2545 ขณะอายุเพียง 21 ปี เคยถูกจำคุกนาน 3 เดือน ข้อหาทำร้ายร่างกาย
นอกจากนี้ในเฟซบุ๊กนายกวีไกร พบว่ามีเพื่อนชื่อ สุพจน์ ศิลารัตน์ แฝดเกรียนคนพี่ จำเลยคดีทำร้ายร่างกายนายวรเจตน์ รวมอยู่ในกลุ่มเพื่อนทั้งหมด 55 คน
ส่วน "ข้อมูลเบื้องต้น" นายกวีไกร เผยแพร่ในเฟซบุ๊กอ้างว่า
"ไม่สังคม ไม่กินเหล้า ไม่กินเบียร์ ชอบอยู่แต่บ้าน เป็นคนพูดไม่เก่ง เป็นคนพูดตรงๆ จะหยาบคายเฉพาะกับพวกควายแดง เป็นคนนิ่งๆ ไม่หยิ่ง เข้าได้กับคนทุกระดับ"
เมื่อดูที่หน้าโพสต์ข้อความส่วนใหญ่เป็นเรื่องด่ารัฐบาล และพ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งคนเสื้อแดง
พล.ต.ต.วิชัยระบุว่าผู้ต้องหารายนี้มีอาการฝังหัว คือ ไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ หรืออะไรที่เกี่ยวกับทักษิณ จึงทำให้โกรธอย่างที่ได้เห็นว่าเคยไปกระชากหัวคนเสื้อแดง ระหว่างที่สอบปากคำก็พูดจาไม่รู้เรื่อง รวมทั้งพบว่าพฤติกรรมเวลาโกรธอย่างทะเลาะกับคนขายของ วันต่อมาก็ไปดักตีเขาทันที ซึ่งเป็นถือว่าพวกชอบใช้ความรุนแรง
จากข้อมูลพบว่านายกวีไกร เคยเป็นการ์ดเสื้อเหลืองด้วย
อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุขึ้นฝ่ายกลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาปฏิเสธอ้างว่านายกวีไกร ออกจากกลุ่มไปนานแล้ว
ทั้งกล่าวหาว่าเป็นพวกเหลืองเทียม หรือพวกแดงที่แฝงตัวเข้ามาก่อเหตุเพื่อป้ายความผิด!??
โดยนายทวีไกรหลังถูกจับปรากฏว่าต้องนอนในห้องขัง เนื่องจากไม่มีใครมาเยี่ยมหรือยื่นประกันตัว
*ศาลตัดสินกักขัง 15 วัน
กระทั่งวันที่ 12 มีนาคม ตำรวจสรุปสำนวนส่งอัยการสั่งฟ้องต่อศาลแขวงปทุมวัน ฐานทำให้เสียทรัพย์ จำเลยรับสารภาพ อ้างว่าทำไปเพราะความสะใจ
ศาลจึงมีคำตัดสินว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 1 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน
แม้จะรอดตะรางมาได้ในคดีแรก แต่นายกวีไกรยังไม่ทันลงจากศาล ตำรวจสน.ดินแดง ก็มาแจ้งอายัดตัวในคดีทำร้ายร่างกายสาวเสื้อแดงเมื่อปี 2552
โดยเจ้าทุกข์พร้อมทนายความรวบรวมเอกสารมายื่นสำทับอีกด้วย
"วันนี้ที่ต้องมาด้วยตัวเอง เพราะทราบข่าวและเห็นใบหน้าคนร้ายทางสื่อมวลชน จึงรวบรวมเอกสารหลักฐาน และติดต่อทนายความเพื่อดำเนินการเรื่องขออายัดตัวนายกวีไกรไปดำเนินคดี" นางมินตรากล่าว
เจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องหาไปส่งฟ้องศาลแขวงดุสิต จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาจำคุก 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญา แต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการกักขัง 15 วัน
หลังสิ้นคำพิพากษาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำตัวนายกวีไกรไปกักขังไว้ที่สถานกักขังกลาง (คลองหก) จ.ปทุมธานี
แม้ยังไม่ต้องเข้าคุกแต่น่าจะทำให้เข็ดหลาบในระดับหนึ่ง
*ตร.ฟันเพิ่ม′แฝดเกรียน′
ในส่วนของเกรียนรุ่นพี่คือฝาแฝดสุพจน์-สุพัฒน์ ที่มีชนักติดหลัง ศาลลงโทษจำคุกคนละ 3 เดือนไม่รออาญา และบวกโทษนายสุพจน์จากคดีเก่าคืออาวุธปืนผิดมือที่ศาลรอลงอาญาไว้ก่อนหน้านี้ รวมต้องโทษจำคุก 10 เดือน
ทั้งคู่อยู่ระหว่างประกันตั้งสู้คดีในชั้นอุทธรณ์
แต่คู่แฝดยังไม่หมดปัญหาแค่นั้น เพราะมีคดีปลอมแปลงเอกสารยื่นขอครอบครองอาวุธปืนรวม 3 กระบอก ที่อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รอท่าอยู่ด้วย!??
โดยนายสุพจน์-สุพัฒน์ นำบัตรประจำตัวอาสาทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 26 จ.บุรีรัมย์ ออกให้เมื่อปี 2551 และหมดอายุปี 2553 ไปขอครอบครองปืน
แต่หลังเกิดคดีชกนายวรเจตน์ ตำรวจตรวจสอบกรณีนี้ กระทั่งพ.อ.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 26 ต้นสังกัดที่คู่แฝดอ้าง ระบุว่าทั้งคู่ไม่เคยเป็นอาสาทหารพราน
ขณะที่บัตรประจำตัวปลอมระบุว่าออกโดย ′พ.อ.ศิริชัย สร้อยแสน′ นายทหารพระธรรมนูญนั้น ต่อมาพ.อ.ศิริชัยออกมายืนยันว่าเห็นบัตรประจำตัวดังกล่าวแล้ว ไม่ใช่ลายมือชื่อของตน และไม่เคยรู้จักทั้ง 2 คนมาก่อน
ฝ่ายทหารระบุว่าให้ตำรวจแจ้งข้อหาปลอมแปลงเอกสารได้ทันที
ขณะที่ตำรวจรวมรวบหลักฐานยื่นต่อศาลเพื่อให้ถอนใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน
*สยบ′เกรียน′ก่อนป่วนหนัก
สำหรับคำว่า ′เกรียน′ ที่ใช้เรียกคู่แฝด และนายกวีไกร เป็นศัพท์สแลงของวัยรุ่น และแพร่หลายในอินเตอร์เน็ต มีความหมายถึงพวกชอบแสดงตัวว่ามีความรู้ ทั้งที่ความจริงไม่มี หรือมีก็เพียงผิวเผิน
และยังหมายความไปถึงคนที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลหรือการวิเคราะห์ไตร่ตรอง
ที่ผ่านมาพวกเรียนมักจะอาละวาดอยู่ในสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ และในเว็บไซต์ที่เปิดให้แสดงความคิดเห็น
พวกเกรียน จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นการเมือง จะวิจารณ์หรือแสดงความเห็นโดยใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
ยิ่งเมื่อใช้เหตุผลหักล้างฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ จะเริ่มใช้ตรรกะแบบแถไปดื้อๆ หรือใช้สีข้างเข้าถู
หนักเข้าจะเริ่มใช้ถ้อยคำเสียดสี หรือหยาบคายเข้าใส่ แม้กระทั่งท้าตีท้าต่อย
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาพวกเกรียนจะป่วนอยู่เพียงในโลกเสมือน หรือโลกออนไลน์เท่านั้น แม้จะทำให้นักท่องเน็ตบางส่วนรำคาญ แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนมากกว่านั้น
ทว่าหลังเกิดกรณีแฝดเกรียน และเกรียนหมายเลข 3 ออกมาก่อเหตุในสังคม สามารถลงมือทำร้ายบุคคลอื่นโดยที่ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน สาเหตุเพียงแค่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน หรือทำเพื่อความสะใจเท่านั้น
จึงเป็นเรื่องที่เหมาะและสมควรอย่างยิ่ง ที่กระบวนการยุติธรรมต้องลงโทษอย่างจริงจัง เพื่อทำให้เป็นคดีตัวอย่าง
อย่างน้อยก็ ′ปราม′ เกรียนคนอื่นๆ ให้อยู่แต่ในโลกออนไลน์ อย่าออกมา ′เกรียน′ บนโลกจริง
เพราะแม้ทำคนอื่นเจ็บจริง สะใจจริงๆ แต่ตัวเองก็ ′ติดคุก′ จริงหมือนกัน!!!
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 13:06 น. ข่าวสดออนไลน์
---------
Human destiny will walk along the path to the script. Social coexistence. I think the people that were killed Prahad. I think they need someone to look at the (then give it to you to the people).
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น