วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

เจาะใจ "คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช" เปิดปูม "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ...รู้ไหมเพราะอะไรเขาถึงโดนปฎิวัติ!!


จะว่าไปแล้วความขัดแย้งในสังคมไทย ยังเป็นประเด็นหลักที่คนทุกวงการ ทุกสาขาอาชีพ ต่างพูดถึงกันอย่างต่อเนื่อง


โดยเฉพาะเรื่องการปรองดอง หรือการนิรโทษกรรม ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงในสังคมไทยได้ทุกเมื่อ


เช่นเดียวกับการต่อสู้ระหว่างระบอบ "ทักษิณ" กับฝ่ายอนุรักษณ์นิยม ก็ถือเป็นประเด็นความขัดแย้งหนึ่ง


ต่อกรณีดังกล่าว คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ "มติชนออนไลน์" ในหลายประเด็นที่เกี่ยวกับ "ทักษิณ" และการต่อสู้ของพรรคประชาธิปัตย์ท่ามกลางความขัดแย้งดังนี้


-ในฐานะที่เห็นการเมืองมาเยอะ ประเทศไทยจะมีทางออกหรือจะปรองดองได้อย่างไร?


คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า ต้องย้อนไปเมื่อ 10 ปี จำได้หรือไม่ที่ในหลวงรับสั่งว่า สิ่งที่วิกฤตมากที่สุดในโลกมาจากความขัดแย้งทางการเมือง และจะเห็นได้ว่าความขัดแย้งมีเพิ่มขึ้นตลอดเวลา โดยอ้างระบอบประชาธิปไตย ตั้งแต่คุณทักษิณเข้ามาเป็นรัฐบาล


คุณทักษิณจะพูดเสมอว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่เป้าหมาย ประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องมือ เมื่อทรรศนะที่มีต่อประชาธิปไตยเป็นแบบนี้ จึงทำให้การบริหารจัดการทุกอย่างมุ่งเป้าหมายเป็นหลัก โดยไม่สนใจว่าจะมาโดยวิธีไหน เพราะเขาไม่เชื่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แม้จะเรียกร้องก็ตาม เพราะพฤติกรรมไม่ได้บอกและทำอย่างนั้นมาโดยตลอด ทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคม เขาไม่แคร์ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก่อนจะใช้ประชานิยมเป็นตัวล่อ เอาเงินไปจ่าย และบอกว่าถ้าใครเลือกเราจังหวัดนั้นจะได้งบประมาณก่อน ในทางกลับกันไม่เลือกก็จะได้ช้า นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตย แม้จะเป็นเสียงข้างมาก


การเป็นเสียงข้างมากไม่ใช่ว่าจะทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ ซึ่งทัศนคติเป็นแบบนี้เป็นมา 10 ปี ยิ่งประชานิยมสุดโต่งก็ยิ่งซ้ำเติมชีวิตประชาชน เพราะไม่เป็นจริง สวนทางเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้ ไม่ได้ให้ความรู้ประชาชน เช่น นโยบายกองทุนหมู่บ้าน เราเป็นคนบ้านนอก เราเข้าใจถึงความลำบาก เมื่อให้เงินแล้วไม่งอกเงย นำไปซื้ออย่างอื่น หรือเสียเงินไปกับการซื้อโทรศัพท์ ประชาชนไม่รู้ว่าจะใช้เงินอย่างไร มี 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้ผล ที่เหลือละลายหายไปเลย


จากการศึกษาติดตาม ไม่ได้โจมตีนะ การมีกองทุนหมู่บ้านโทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าเป็นการนำเงินให้ประชาชนซื้อของของเขา เขาเริ่มตรงนั้น เงินใครๆ ก็อยากได้ แล้วไปสร้างภาพพจน์ว่าประชาชนรวย ซึ่งไม่จริง ไม่มีใครตามไปบอกมากกว่า สุดท้ายก็เลยเกิดการคอร์รัปชั่น


เช่นเดียวกับกองทุนพัฒนาสตรี ก็จะซ้ำรอยเดิมกับกองทุนหมู่บ้าน อ.คณิต ณ นคร เคยเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าเงิน 7.7 พันล้านบาท เป็นเงินจำนวนมากควรออกเป็นพ.ร.บ. เพื่อให้คนมีส่วนร่วมในการวิพากษ์วิจารณ์ ต่อมาก็คือเป็นระเบียบสำนักนายกฯ ไม่พอ แถมให้รัฐมนตรีที่ด่างพร้อยเป็นประธานอีกด้วย ประการสุดท้ายก็คือ สตรีทุกคนควรมีสิทธิเข้าถึงกองทุนนี้ ไม่ต้องลงทะเบียน เพราะการลงทะเบียนถือเป็นการกีดกัน ถ้าแบบนี้ถือว่าไม่ใช่การพัฒนาสตรี เช่นเดียวกับการปล่อยกู้ สตรีมีความสามารถที่จะกู้เงินได้หลายช่องทาง ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดให้เขา


-มองว่าไม่ใช่เป็นการพัฒนาสตรี แต่เป็นเครื่องมือทางการเมือง?


ใช่ ทำไมต้องลงทะเบียน ผู้หญิงทุกคนควรมีสิทธิ์เข้าถึงการใช้จ่ายเงินก้อนนี้ในการพัฒนาเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุที่เป็นสตรี แต่เปิดช่องทางสั้นมาก และตั้งคุณนลินี ทวีสิน มาเป็นประธานได้อย่างไร ทั้งที่เป็นคนที่อเมริกาไม่ยอมทำธุรกรรมทางการเงินด้วย ห้ามเข้าประเทศด้วย มีข่าวซึ่งไม่ยืนยันว่า คุณเอาเงินมาก่อนแล้วจะให้คุณกู้ อย่างนั้น อย่างนี้ ลักษณะเช่นนี้ก็จะเกิดการคอรัปชั่นได้ง่าย


ส่วนที่อยากจะเพิ่มเติมจากอ.คณิต ก็คือ อยากให้สตรีทุกคนได้รับอานิสงส์ตรงนี้ด้วย ไม่จำเป็นที่จะต้องให้กู้ แต่ควรเอาเงินส่วนใหญ่มาพัฒนาสตรี เพราะแต่ละชุมชนมีกลุ่มสตรีอยู่แล้ว ควรส่งเสริมให้เข้มแข็ง เพราะเขารู้ปัญหาของเขา เมื่อตั้งมาใหม่แล้วเอาคนของตัวเองมาเป็น มันคืออะไร 70 เปอร์เซ็นต์ให้กู้ ที่เหลือไม่กี่เปอร์เซ็นต์เอามาพัฒนาศักยภาพ แบบนี้มองว่าไม่ชัดเจน ไม่อยากเห็นภาพที่พี่ชายทำกองทุนหมู่บ้าน น้องสาวมาทำกองทุนพัฒนาสตรี


ย้อนไปที่ความขัดแย้ง ที่ว่ามีความขัดแย้งเพิ่มขึ้นนั้น เพราะทัศนคติที่คิดว่าคนส่วนใหญ่เลือกมา อันนั้นเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย และอย่างที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะบอก ควรฟังเสียงส่วนน้อย 25 ล้านคนด้วย เขาเลือกพรรคเพื่อไทยแค่ 15 ล้านคน คุณไม่ฟังเขาบ้างเลยเหรอ ฝรั่งบอกว่าประชาชนต้องมีสิทธิ์ออกเสียง ไม่ใช่ว่าคุณชนะแล้วจะทำอะไรก็ได้


-มองอีกมุมของความขัดแย้ง ถือเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างทุนเก่ากับทุนใหม่?


"คงไม่ชัดเจนขนาดนั้น" คุณหญิงกัลยา กล่าวและว่า เดี๋ยวนี้ทุนมาอยู่ข้างหน้า ก็เลยเป็นธุรกิจการเมืองไปโดยปริยาย มันเปลี่ยนไปแล้ว ใช้ทุนเป็นตัวนำ เมื่อปี 44 ที่คุณทักษิณเข้ามาตอนแรก เขาอวดว่าบริษัทของผม ถ้าลูกน้องผมทำผิดแต่ได้กำไรผมก็ให้รางวัล ชื่นชมเขา แม้ไม่ใช่คำต่อคำ แต่ความหมายเป็นอย่างนั้น ลองค้นดูได้ ฉะนั้น เรารู้ตัวตนของเขาดี เขาเอาเงินเป็นหลัก ทำประชานิยมสุดโต่ง สร้างมวลชนของตัวเอง


ลูกน้องทักษิณที่เป็นรองนายกฯ พูดหลายครั้งในสภาฯ นอกสภาฯ ว่า คุณทักษิณไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่คุณทักษิณทำสิ่งที่กฎหมายห้าม ดิฉันเองก็เรียนกฎหมาย ฟังดูแล้วคิดว่าไม่ผิดเหรอ เขาตั้งใจพูด ถ้าคนเป็นรองนายกฯ แล้วมีทัศนคติอย่างนี้ แล้วประเทศจะเดินหน้าอย่างไร พอจับได้ไล่ทันก็บอกว่าสับขาหลอก เป็นเทคนิคการหาเสียง ไปเรื่อยเปื่อย ผู้นำของประเทศจะพูดแบบนี้ไม่ได้


-ปชป.เลือกตั้งมา 4 ครั้ง ก็แพ้หมด ขณะที่ "ทักษิณ" เปลี่ยนพรรคแล้วคะแนนยังมาแรง?


จำได้หรือไม่ เขาได้ 377 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าเยอะเป็นประวัติศาสตร์ เขาก็อยู่ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่ามาโดยวิธีไหน เพราะอะไร เพราะเขาไม่มีคุณธรรมจริยธรรม เขาไม่รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ชีวิตคุณทักษิณเลยเป็นอย่างนี้ เช่นเดียวกับก็เหมือนร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เมาไม่เมาไม่รู้ แต่พฤติการณ์เขาแสดงออก ถ้าคุณทักษิณมีคุณธรรมจริยธรรม เขาคงไม่ขายหุ้นเทมาเส็กโดยไม่เสียภาษี เขาถึงเจ๊ง และด้วยทัศนคติต่อประชาธิปไตยที่เอาประชาธิปไตยมาบังหน้าว่ามาจากการเลือกตั้ง เสียงข้างมากคุยแล้วคุยอีก แต่ 25 ล้านเสียงที่เหลือไม่พูดถึง ทำให้ดิฉันคิดถึงฮิตเลอร์


เมื่อเป็นเสียงข้างมากทำให้มีการแทรกแซงศาล ต่อไปนี้ทำอะไรไม่ผิด ผิดก็แก้เป็นถูก ถ้าแทรกแซงไม่ได้ก็หนี แทรกแซงสื่อต่อไปนี้ทำผิดทำถูกสื่อจะไม่ว่า เชียร์ด้วยซ้ำ สุดท้ายทำลายคู่ต่อสู้เหมือนฮิตเลอร์ แต่ทักษิณทำมากกว่านั้น คือสั่นคลอนสถาบันฯ เพราะสมัยที่เป็นรัฐบาลมีความเสี่ยงต่อการหมิ่นสถาบันฯ เพิ่มขึ้นมาก เพราะปล่อยปละละเลย ฉะนั้น 19 ก.ย. ถึงเกิดจากเหตุการณ์เหล่านี้


-แล้วความขัดแย้งจะจบลงอย่างไร?


เรื่องนี้จะยังไม่จบถ้ามีคนเติมฟืน คนไทยต้องตัดสินใจ สิ่งที่พูดเพื่อเป็นการสื่อให้คนไทยว่าเหตุการณ์ขัดแย้งเกิดจากอะไร จนวันนี้ยังไม่เลิก อย่างน้องสาวเข้ามาวันนี้ก็ผิดมนุษย์ มีที่ไหนเข้ามาเป็นนายกฯ ได้ใน 49 วัน ครอบครัวเดียวกันเป็นนายกฯ ถึง 3 คน ไม่ใช่บริษัทที่จะถ่ายโอนอำนาจได้ ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ เรื่องนี้ประชาชนต้องเข้าใจ เพราะเขาวางแผนมา


การทำท่าตาดูดาว เท้าติดดินของคุณทักษิณขณะนั้นเหมือนฮิตเลอร์มาก และเขาก็เดินตามฮิตเลอร์มาโดยตลอด เมื่อเร็วๆ นี้ นิตยสารต่างประเทศได้ลำดับผู้นำที่เลวที่สุด 5 คน คุณทักษิณก็อยู่ในนั้น



-ปชป.ต้องปรับตัวหรือเปล่า? เพราะการแพ้เลือกตั้งบอกอะไรบางอย่าง


อาจเป็นไปได้ในฐานะที่เป็นพรรคการเมือง เราต้องดูตัวเราเอง จริงอยู่ที่เราแพ้ เรายิ่งรู้สึก มากกว่านั้นเราต้องมาวิเคราะห์ หนทางอนาคตเป็นอย่างไรเราทำอยู่แล้ว ส่วนจะมียุทธศาสตร์อย่างไรนั้น ดิฉันวิเคราะห์คนเดียวคงไม่ได้


-ปฏิญญาหาดใหญ่ช่วยอะไรได้บ้าง?


ก็ถูกวิจารณ์ทั้งบวกและลบ อย่างน้อยก็ทำให้คนตื่นตัว และเราเชื่อว่าทางพรรคโดยอุดมการณ์ต้องทำให้ประชาชนเข้าใจมากที่สุด เมื่อไม่มีสื่อหลัก เราไม่มีตัวช่วย เราจะหนักกว่าอีกฝ่าย จะด้วยเหตุผลอะไรเราไม่ต้องพูด เป็นที่รู้กัน เราต้องหาวิธีการ ปฏิญญาก็เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความเข้มแข็งให้กับสาขาทั้ง 14 สาขาภาคใต้ ส่วนภาคอื่นๆ ก็ทำได้ตามศักยภาพ เราเป็นสถาบันการเมืองที่สาขาพรรคและประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด แต่ตรงนี้ ยังขายไม่ได้ เราต้องมาดูว่าทำไม เพราะเราไม่มีเงินมากพอที่จะตั้งหมู่บ้าน ทั้งนี้ ถ้าเข้าไปหมู่บ้านแดงจริงๆ แล้ว ไม่ใช่ทุกบ้านที่เป็นเสื้อแดง เขาเอาธงแดงไปปัก เมื่อไม่เห็นด้วยอาจจะอยู่ไม่ได้ อาจจะด้วยความจำยอม


-ทำไมนโยบายปชป.ไม่โดนใจชาวบ้านธรรมดาเท่ากับพรรคในระบอบทักษิณ?


หลักใหญ่ๆ เขาประชานิยมสุดโต่งขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ เพราะเขาไม่ได้คาดหวัง แต่เมื่อเราทำอย่างนั้น คนคาดหวังกับพรรคประชาธิปัตย์สูงกว่า ฉะนั้น เขาหลอกคนได้มากกว่า โดยเฉพาะนโยบายค่าแรง 300 บาทต่อวัน อะไรต่อมิอะไรมากมาย ซึ่งล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เขารับผิดชอบหรือไม่ สื่อไม่ว่า ลองเป็นพรรคประชาธิปัตย์ซิ บอกว่าจำนำได้หมื่นห้า เมื่อไม่ได้เราถูกตีตาย เราซี้ซั้วไม่ได้ เรามีจุดยืน อุดมการณ์ชัดเจน นโยบายเราสู้เขาได้แต่เราไม่ได้เอาเงินไปล่อ เราเป็นต้นคิดเรื่องค่าแรงขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ เรารอบคอบ คิดอย่างดี เราจะบอกว่า 300 บาทต่อวัน เราพูดไม่ได้ ลาก่อนน้ำแล้งน้ำท่วมเขากล้าพูด แต่เราพูดไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาเหมือนฮิตเลอร์ที่เข้าไปแทรกแซงศาล สื่อ ทำลายคู่ต่อสู้ อย่างที่บอกไปข้างต้น


พูดถึงนโยบาย ตอนนี้คนร้องใหญ่เลย ข้าวยากหมากแพง นโยบายที่บอกก็ยังทำไม่ได้ ทันทีทั่วประเทศเขาพูดได้ ถ้าเป็นเรา เราถูกตีตาย นโยบายของเราศึกษาอย่างรอบคอบ เป็นเหตุเป็นผลถึงประกาศออกไป ซึ่งไม่น่าสนใจเท่า ขายไม่ออก เกษตรกรชอบแต่เขายังไม่รู้ และเราไม่จำเป็นต้องไปบอกว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร ประชาชนจะเห็นเอง โดยเฉพาะราคาน้ำมัน หรือค่าแรง สุดท้ายไม่มีใครว่า เพราะสังคมเป็นอย่างนี้ไง ไม่มีคุณธรรม


อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกให้รู้ก็คือ ตลอด 10 ปี ที่เขาเป็นรัฐบาล เขาไม่เคนสนใจเรื่องผู้สูงอายุเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยให้แม้แต่บาทเดียว มีแต่พรรคประชาธิปัตย์ที่ให้ ก่อนจะมาให้เพิ่มในภายหลัง เราเป็นคนเริ่มต้น เมื่อเราให้เขาก็มาเกทับ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง นโยบายเราดี แต่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เราไม่กล้าพูด เมื่อกล้าพูดสื่อก็ตีเราตาย


ตอนนี้คนเริ่มเห็นแล้วว่าประกันราคาข้าวดีกว่า เพลี้ยลงหรือน้ำท่วมก็ได้ เงินถึงประชาชนจริงๆ พรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับการศึกษามากที่สุด กยศ.พรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นคนเริ่มต้นสมัยคุณชวน หลีกภัย ไม่รู้ว่าครูหลายๆ คนเข้าใจหรือเปล่า แต่สิ่งที่เราทำไม่หวือหวา ไม่ประชานิยม ที่แปลกก็คือเขาใช้การตลาดมาก 30 บาทรักษาทุกโรคของเขาที่เป็นโลโก้ เราให้รักษาฟรีด้วยซ้ำ เราไม่เคยเรียกร้องบุญคุณ คนก็จำเราไม่ได้ ต่อไปนักการเมืองก็จะไม่สนใจทำเรื่องการศึกษานะ เพราะหลายปีกว่าจะได้ผล แต่เราเห็นว่าจำเป็นต้องยกระดับ เราปฏิรูปการศึกษา แต่สิ่งเหล่านี้อธิบายยาก เห็นด้วยแต่ไม่เชียร์ จับต้องยาก


จะว่าไปแล้วประเทศไทยจะโชคดีก็โชคดี จะโชคร้ายก็โชคร้าย เพราะไม่ปล่อยประเทศพังเหมือนหลายๆ ประเทศ เมื่อใกล้งอม เขาจะใช้บริการพรรคประชาธิปัตย์ทุกครั้ง เมื่อมีวิกฤตพรรคประชาธิปัตย์ก็มารับช่วง ในที่สุดโจทก์กลายเป็นจำเลย หรือตอนที่กู้เงินไอเอ็มเอฟ เรามาแก้ให้ ถ้าเราไม่เข้ามาประเทศก็จะกลายเหมือนประเทศอื่นๆ จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ได้นะ


-มักจะมีวาทกรรมที่ว่าปชป.ก้าวไม่พ้นทักษิณ?


ประเด็นนี้ พรรคเพื่อไทยเองก็ก้าวไม่พ้นคุณทักษิณเหมือนกัน ยังใช้บริการเขาตลอด เขาแสดงตัวตนชัดขึ้นตลอดว่าเขาเป็นนายกฯ แม้กระทั่งตอนชุมนุมเสื้อแดง เขาบอกให้ส.ส.ดูแลคนเสื้อแดง จดชื่อแล้วมาเอาเงินที่ผม เขาก็สนับสนุน ไทยก็เลยเหมือนเขมรที่มีนายกฯ 2 คน คนหนึ่งอยู่ต่างประเทศ อีกคนอยู่ในไทย สิ่งนี้เมื่อคนไม่รู้ เราก็ต้องทน


-คนที่เชื่อทักษิณก็เชื่อยิ่งขึ้น คนที่เชื่อแบบคุณหญิงก็ยิ่งมั่นใจ แล้วจะอยู่กันอย่างนี้หรือ  ?


ไม่เป็นไร คุณทักษิณเองศาลพิพากษาแล้วว่า เขาเป็นปฏิปักษ์กับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สามารถบิดเบือน สามารถพูดอย่างที่ร.ต.อ.เฉลิม หรือคนเสื้อแดงพูดได้ คุณยิ่งลักษณ์มาเป็นนายกฯ 6 เดือนกว่าเขาทำอะไรให้ประชาชนบ้าง ประชาชนน่าจะตื่นตัว เขาไม่ได้ดูเรื่องปากท้องประชาชนเลย เขาสนใจอยู่แต่คุณทักษิณ ว่าจะมาโดยไม่ได้รับโทษอย่างไร ได้เงินคืนอย่างไร มุ่งเน้นอยู่อย่างนี้ หรือต้องแก้รัฐธรรมนูญ ต้องนิรโทษกรรม


เชื่อว่าคนเสื้อแดงเองก็ถูกกระทบ เขาไม่เคยหันมาดู ต้องกระชากราคาน้ำมันต่างๆ นานา เขาหลอกอย่างนี้ เสื้อแดงเขาน่าจะรู้นะ คงไม่ใช่ทางใดทางหนึ่ง เพราะวัฒนธรรมสังคมเปลี่ยนไป โซเชียลมีเดียช่วยกระจายข่าวมากขึ้น แล้วจะมีคนส่วนหนึ่งเข้าใจว่ายังจะสนับสนุนคนที่หลอกลวงเราอีกหรือเปล่า


-มีพรรคทางเลือกอื่นอีกหรือไม่หากไม่เอา "ทักษิณ" เพราะปชป.เองก็ไม่ใช่ทางเลือก?


เราต้องไม่หมดความหวัง เราต้องทำให้ประชาชนมีความรู้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ต้องให้ความรู้ ให้เขาตัดสินใจเอง เมื่อเขารู้ความจริง เขาอาจจะตัดสินใจมาหาเราก็ได้ ดิฉันเชื่ออย่างนั้น ในที่สุดสังคมต้องอยู่บนความจริง จะอยู่แบบหลอกลวงอย่างนี้อีกนานไม่ได้


เราสู้อยู่แล้วตามระบบสภาฯ แต่ทั้งคุณทักษิณ ทั้งคุณยิ่งลักษณ์ ทำให้สภาฯ อ่อนแอ ไม่ให้ความสำคัญกับสภาฯ เขาไม่มาสภาฯ ผ่านพ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านก็ไม่มาสภาฯ ไม่มาตอบด้วย เป็นความตั้งใจของเขา ขณะเดียวกันเขาไปสร้างความเข้มแข็งนอกสภาฯ สร้างกองกำลังทั้งมีอาวุธและไม่มีอาวุธ มีมวลชน เขาไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยแบบปกติ เขาไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร คุณไม่ได้คิดถึงบ้านเมืองหรืออย่างไร และทำแบบนี้เรื่อยมา


เขาต้องมีสำนึก คนของเขาก็ด้วย ต้องมีจริยธรรมมากขึ้น แก้ปัญหาเป็น เมื่ออยู่ในระบอบประชาธิปไตย แต่เขาทำอย่างอื่นมากมาย คิดวาทกรรม คิดการตลาด ขุดของเก่า คุยเรื่องอำมาตย์ ไพร่ พูดเพื่อโจมตีฝ่ายตรงกันข้าม มีกำลังเงินมากกว่า มากกว่านั้น มีคนเคยพูดว่า "เผด็จการทหารตลอดช่วงประวัติศาสตร์ของไทยที่เขาทุจริตคอร์รัปชั่นยังน้อยกว่าทักษิณคนเดียว"


-สุดท้ายมองกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างไร หลังต่อสู้ด้วยกันมา?


บางอย่างก็เห็นตรงกัน บางอย่างก็ไม่ตรง และเป็นมาแต่ไหนแต่ไร แต่ว่าสื่อฝ่ายคุณทักษิณพยายามผลักไปเป็นพวกนั้นพวกนี้ ให้รวมกอง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรคนไม่รู้ เราเองก็ไม่อยากวิจารณ์กลุ่มพันธมิตรว่าแผ่วหรือไม่แผ่ว แต่เชื่อว่าเขามีอุดมการณ์ของเขา เขาดูจังหวะเมื่อไหร่ควรหรือไม่ควร เรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมา ทำอะไรบ้าง แต่ดีใจอย่างหนึ่งที่โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ พูดชัดเจนว่า จะไม่ขอรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการนิรโทษกรรม แม้คุณจะกล่าวเพิ่มโทษอย่างไร คุณอภิสิทธิ์และคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็พูดเหมือนกัน ส่วนการมองว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ สรุปอย่างนั้นไม่ได้ แต่อุดมการณ์นี้เราตรงกัน จะดึงเราไปเพื่อจะได้ประโยชน์กันเขาหรือไม่ ใครก็มองเห็น


อย่างไรก็ตาม คุณหญิงกัลยา ยังกล่าวถึงประเด็นสถานีโทรทัศน์บลูสกายอีกว่า เป็นหนทางหนึ่ง แต่จะไปคาดหวังอะไรไม่ได้ เพราะเพิ่งเริ่ม และที่เชิญเราไปออกรายการคนก็รู้จักเรามากขึ้น อันนี้เป็นการให้ข้อมูล ให้ข้อเท็จจริง เราพูดไปคนสามารถตรวจสอบได้ เพียงแต่คนลืม ไม่ตระหนักว่าสิ่งที่คุณทักษิณ ทำความเสียหายให้บ้านเมืองมีอะไรบ้าง


ถึงอย่างไรแล้วแต่ ดิฉันคิคว่า เรายังไม่สิ้นหวังและสู้ต่อไป ประชาชนต้องสู้กับเรา ไม่ใช้สู้ให้พรรค แต่ก้าวข้ามพรรคไปเป็นเพื่อประเทศชาติ เราต้องมองว่าถ้าเป็นแบบนี้อยู่ประเทศก็จะไปไม่รอด ต้องมาคิดว่าเราจะช่วยกันอย่างไร

ที่มาhttp://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1332176049&grpid=01&cat...
วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 23:59:59 น

ไม่มีความคิดเห็น: