วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แพ้ เพราะ พลาด หรือ ล้มเหลว

 
หลังจากพรรคเพื่อไทยที่เป็นรัฐบาลแพ้การเลือกตั้งซ่อมที่ดอนเมือง
(ข้อมูลจากข่าวสด >> ชี้ปัจจัยแพ้-ชนะซ่อมดอนเมือง )  ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยอย่างมา และยังสะเทือนความรู้สึกของมวลชนคนเสื้อแดงที่เป็นฐานเสียงส่วนมากของพรรคเพื่อไทย ไม่เพียงแค่คนเสื้อแดงในเขตดอนเมืองเองและคนเสื้อแดงที่อยู่ตามจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศ อีกทั้งกระแสการโจมตีรัฐบาลกำลังเกิดขึ้นอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องการลดราคาจำนำข้าวจากเดิม เกวียนละ 15000 บาท ลงมาเหลือ 12000 บาท ตามข้อมูลที่ฝ่ายค้านกระหนำอย่างมันส์ปาก ผสมกับขบวนการโค่นล้มรัฐบาลที่ออกมาเรียกแขกอย่างต่อเนื่องด้วยการเปลี่ยนชุดเปลื่อนชื่อม็อบเป็นกิจกรรมยามว่าง นั่นบ่งบอกว่าฝ่ายอำนาจนอกระบบเริ่มปฏิบัติได้ผล
 
   
 
 
หลายมุมมองจากสาเหตุการแพ้เรื่องตั้งซ่อมที่ดอนเมือง
 
ทั้งนักวิชาการ และวิชาเกิน ก็พูดกันไปสารพัดตามที่ได้รู้ได้เห็น หรือบางพวกก็กำลังได้ทีขี่แพะไล่ แต่ปัญหาส่วนหนึ่งคือคนเสื้อแดงที่มีความคิดแตกกลุ่มออกไป ไม่เว้นแม้แต่ นปช.ส่วนกลาง แกนนำที่เคยร่วมรบก็ยังต่อกันไม่ค่อยติด ถ้าไม่ติด พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร สักคนที่เป็นความหวัง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น   รู้ทั้งรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเขาจะทำลายฐานเสียงทั้งในสภาและนอกสภาทุกวิถีทาง เพราะเวลาปราศรัยผ่านเวที นปช. หรือ แถลงข่าว ก็พูดอยู่ตลอดว่ามีขบวนการจ้องโค่นล้มรัฐบาล ช่วงเวลาที่ คุณเก่ง การุณ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ทำให้ ส.ส.เขตดอนเมืองว่างลงแต่กลับมีแต่ข่าว กลุ่มนั้นขั้วนี้แย่งกันจะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งแทน มัวแต่ถกเถียงกัน จนทำให้ลืมว่าหน้าที่การลงพื้นที่ไปให้กำลังใจพี่น้องประชาชนนั้น แม้ ส.ส.ในพื้นที่ไม่มี แต่หน้าที่ของรัฐบาล ก็ต้องทำต่อเนื่อง มีชาวบ้านเขาพูดว่า บางเขตที่ไม่ได้อย่างไปโทษอะไร แต่การลงพื้นเข้าถึงชุมชนของนักการเมืองเพื่อไทยยังน้อยเกินไป ชาวบ้านเขาว่านักการเมืองบางคนอิงแต่กระแสเสื้อแดงมากเกิน จะลงพื้นที่แต่ละทีก็ต้องรอ คนในตระกูลชินวัตรหรือคนใกล้ชิด มาเดินเคียงข้าง แม้แต่คนเสื้อแดงบางคนยังพูดเลยว่า ถ้าไม่เห็นแก่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร  จะไม่ลงคะแนนให้เลย ....... 
 
และในขณะที่คนเสื้อแดงเปิดแนวรบด้านการข่าวให้ มีหลายกลุ่ม  ทั้งที่เป็นสื่อวิทยุชุมชน และในโลกออนไลน์ ก็ไม่รู้ว่าขั้วไหนคนไหนในรัฐบาลที่รู้จักสนิท คนหมู่มากมันย่อมมีปํญหาเรื่องยุทธวิธีแนวคิด จนมีข่าวความขัดแย้งกันเอง ถึงขั้นแยกตัวเป็นกลุ่มอิสระ แต่คนในรัฐบาล หรือ แกนนำหลัก ก็ไม่หาทางแก้ไขไปพูดประสานรอยร้าวให้หมดไป อีกทั้งบางกลุ่มที่เป็นสถานีวิทยุในขั้วของนักการเมือง ที่อ้างแต่ว่าใกล้ชิดสนิทคนไกล นักจัดรายการที่เคยเป็นนักสู้แบบลืมตายก็ออกมาจัดรายการแบบถูกกำหนดพูดเชียร์ๆๆ รัฐบาลแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่ท้วงติงนำเสนอปัญหาในสิ่งที่ประชาชนกังขาเอาแต่แก้ต่างไปวันๆ.......

 
 จับประเด็นที่เป็นเรื่องที่คนสงสัยและพูดกันมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม กวป. ที่รวมตัวกันออกมาเคลื่อนไหว ขับไล่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีการแสดงท่าทีใดของ นปช.ส่วนกลาง แม้แต่คนในพรรคเพื่อไทย ก็อ้ำอึ้ง   ล่า เวที ภปช. ก็ยังไม่มีระดับหัวใหญ่ๆ มีแต่หัวเล็กๆ จะโผล่แสดงน้ำใจสักนิดก็ไม่มี ตาขาวเกินเหตุ  มวลชนก็ใจจดใจจ่อรอไปเถอะว่าจะมีใครแวะมาดูแลบ้าง มันง่ายจะตายไป เมื่อคุณเป็น ส.ส.เพื่อไทยที่เป็นรัฐบาลที่ได้รับการเลือกมาโดยประชาชน คุณกลัวอะไรนักหนา กับข้ออ้างที่ว่า อยากมาอยากช่วย แต่ขยับไม่ได้ โดนเขาตรวจสอบและจ้องเล่นงาน มันฟังดูแล้วตลกมากๆ  ก่อนเป็นหาเสียงเดินสายยกมือไหว้ ก้มแทบกราบเท้า พอได้เป็นแล้ว หลังแข็งก้มไม่ลงซะงั้น  จะกลัวทำไม่เมื่อคนมีหน้าที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย เมื่อเขามีเรื่องออกมาเรียกร้อง หน้าที่ ส.ส.ของรัฐบาล คุณต้องออกมารับรู้รับฟังตามหน้าที่ ใครมันจะตรวจสอบก็ช่างมันสิครับ ผมไม่รู้ว่ามีข้อห้ามด้วยหรือ ที่ประชาชนออกมาก็เพื่อปกป้องพวกคุณ

และต้องทบทวนว่าสภาพที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แพ้ เพราะ พลาด หรือ ล้มเหลว เพราะอะไร


...................................................................................................

ชักแม่น้ำทั้งห้ามาเยอะแล้วก็เลยหาวิธีสรุปอีกแบบครับ
“....ประเด็นสุดท้ายที่ผมอยากจะฝากไว้ที่นี่ ช่วยไปเติมหน่อย เติมประเด็นสุดท้ายไปว่า ที่ต้องถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนหรือหลายคนนี้ เป็นเพราะว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเหล่านี้ ไม่มีสำนึกในการรักษาความยุติธรรม อย่าไปใช้คำหยาบด่าเขา ใช้คำสุภาพพูดกับเขา บอกว่าศาลรัฐธรรมนูญนี้ ไม่เข้าใจเรื่องประชาธิปไตย ไม่มีสำนึกประชาธิปไตย เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะมีที่มาจากพวกเผด็จการยึดอำนาจอยู่แล้ว แต่พวกนี้เคยเป็นศาลเป็นฝ่ายตุลาการมา อย่างน้อยควรจะมีสำนึกในการรักษาความยุติธรรม นอกจากไม่รักษาความยุติธรรมแล้ว ยังทำลายความยุติธรรมด้วยมือของตนเองอีกด้วย” จาตุรนต์ ฉายแสง 27 เมษายน 2556 จังหวัดอุดรธานี

 
 

ไม่มีความคิดเห็น: