วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

โบ้ยชุดดำ คอป.อู้อี้ผลสอบรั่ว


                                                                         




"ธิดา-นปช."เมิน ฉะไม่น่าเชื่อถือ ศาลเปิดไต่สวน เหยื่อ10เมย.53 ลูกจ้างในเขาดิน


นปช.ไม่สนรายงาน "คอป." สรุปเหตุการณ์สลายม็อบ 98 ศพ "ธิดา" ชี้ไม่เชื่อมั่น ไร้หลักคิด ไม่มีข้อมูลหลักฐาน ด้าน กก.คอป.พัลวันรายงานรั่ว โบ้ยชุดดำ คืน 10 เม.ย.53 ปะปนกับผู้ชุมนุม มีอาวุธสงคราม โวยเอามาจากไหน ยันฉบับจริงอยู่ในขั้นปรับถ้อยคำ ให้รอฟังแถลงวันที่ 17 ก.ย. ส่วน "ถวิล" ให้การต่ออีกวัน ยังอ้างอีกมีชุดดำ ดีเอสไอประกาศใครรู้ให้แจ้งเบาะแสชายชุดดำด้วย แต่ตรวจสอบจากภาพที่ทหารและรัฐบาล "มาร์ค" ส่งให้ กลับไม่มีพยานหลักฐานยืนยัน ซ้ำยังไม่พบว่าใช้อาวุธสงครามยิงใครตาย ย้ำทำตามหลักฐาน ต้องแยกให้ชัด ไม่ใช่ชุดดำฆ่าทั้งหมด 98 ศพ ศาลไต่สวนยิง "มานะ" ลูกจ้างเขาดิน พยานระบุเห็นเจ้าหน้าที่หมอบ วิ่งหลบ แล้วยิงปืน อ้างถูกคนเสื้อแดงไล่ยิง



ตร.เบิกความคดีหนุ่มเขาดิน

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ศาลอาญา ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพ คดีหมายเลขดำที่ อช.8/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ชันสูตรการเสียชีวิตของนายมานะ อาจราญ ลูกจ้างแผนกบำรุงรักษา สวนสัตว์ดุสิต เพื่อทำคำสั่งแสดงว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด และถึงเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 โดยนายมานะถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 บริเวณสวนสัตว์ดุสิต ถนนพระราม 5 แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กทม. ระหว่างเหตุการณ์รัฐบาลขอคืนพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิป ไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ถนนราชดำเนิน

โดยพนักงานอัยการนำพยานไต่สวนรวม 3 ปาก ปากแรก ร.ต.ต.ณรงค์ คำโพนรัตน์ ตำรวจ สน.สามเสน เบิกความว่า ขณะเกิดเหตุยศส.ต.อ. ปฏิบัติหน้าที่ สน.สามเสน โดยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 ได้รับคำสั่งผู้บังคับบัญชาให้ไปยังจุดรวมพลกองร้อยที่ 1 ปราบจลาจล ที่สวนสัตว์ดุสิต ตั้งแต่เวลา 08.00 น. หลังจากนั้นได้รับคำสั่งให้ไปประจำจุดวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม



เห็นจนท.วิ่งหลบ-ยิงปืน

ร.ต.ต.ณรงค์เบิกความว่า แต่ปรากฏว่าทหารที่รักษาการณ์อยู่ที่วัดเบญจมบพิตรฯ ไม่ยินยอมให้เข้าไป พยานจึงกลับมาที่สวนสัตว์ดุสิต พบว่าเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ภายในสวนสัตว์ดุสิตเพียง 7 นาย จากทั้งหมด 120 นาย โดยตำรวจจะไม่มีอาวุธปืน มีเพียงกระบองเท่านั้น ส่วนพยานทำหน้าที่เฝ้าวิทยุสื่อสารอยู่ที่ลานจอดรถชั้น 1 สวนสัตว์ดุสิต กระทั่งเวลา 23.30 น. ขณะนอนหลับพักผ่อนก็มีกำลังทหารวิ่งเข้ามาหลบหาที่กำบังภายในบริเวณลานจอดรถ พยานจึงหมอบลงกับพื้นและได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จากนั้นทหารยิงปืนขึ้นฟ้ามุมเฉียง 45 องศา เสียงปืนดังอยู่นาน 30 นาทีจึงสงบลง

ส่วน พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี บช.น. เบิกความเป็นพยานปากที่ 2 ระบุว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นรอง ผกก.ป. สน.ดุสิต เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 เวลา 23.30 น. ขณะกำลังตรวจท้องที่ย่านราชวัตรได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารว่ามีเหตุยิงกันที่รัฐสภา จึงรีบไปที่เกิดเหตุพบทหาร 30 นายนอนอยู่ในสภาพหมอบบนพื้นที่ถนนอู่ทองใน เล็งอาวุธปืนเอ็ม 16 ไปยังรัฐสภา พยานจึงสอบถามผู้บังคับบัญชาของทหาร ทราบว่ามีบุคคลยิงปืนจากทางรัฐสภามายังฝ่ายทหาร ซึ่งทหารเรียกให้บุคคลที่อยู่ภายในรัฐสภาออกมา แต่ไม่มีบุคคลใดออกมา



จนท.อ้างถูกเสื้อแดงไล่ยิง

พ.ต.ท.สำเริงเบิกความต่อว่า พยานจึงอาสาจะไปเรียกบุคคลเหล่านั้น แต่พบว่าขณะนั้นมีตำรวจประจำรัฐสภา 2 นาย ที่รู้จักกับพยานดี เมื่อตำรวจทั้ง 2 นายออกมาทหารสั่งให้ยกมือขึ้นกุมศีรษะ แล้วเมื่อทหารจะเข้าไปตรวจสอบภายในรัฐสภา ตำรวจประจำอาคารรัฐสภาขอให้ทหารปลดอาวุธก่อน โดยมีทหาร 6 นายเข้าไปตรวจสอบนาน 15 นาที แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ จากนั้นจึงได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารว่าพบศพภายในสวนสัตว์ดุสิต พยานและทหารได้ตรวจสอบเหตุการณ์พร้อมกัน จนทราบว่าผู้ตายคือนายมานะ แต่ไม่ทราบว่าถูกยิงด้วยสาเหตุใด

ขณะที่นายนภดล ทิพย์ธัญญา พนักงานบำรุงรักษาสัตว์ สวนสัตว์ดุสิต เบิกความว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 ได้รับคำสั่งให้ดูแลความปลอดภัยบริเวณกรงเสือ ติดกับถนนราชวิถี เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีคนปีนเข้ามาภายในสวนสัตว์ จนถึงเวลา 23.30 น.ได้ยินเสียงปืนหลายนัด แต่จะยิงมาจากทิศทางใดไม่ทราบ หลังจากนั้นได้รับการติดต่อทางวิทยุสื่อสาร ว่า นายมานะโดนยิงบริเวณกรงเก้งหม้อ ที่เป็นบ่อพักเต่ายักษ์ ขณะเดียวกันมีบุคคลแต่งกายคล้ายทหาร 2 นาย วิ่งมาขอความช่วยเหลือบอกว่าถูกคนเสื้อแดงไล่ยิงมา พยานกับเพื่อนที่เข้าเวรด้วยกันจึงให้ไปหลบในกรงแพนด้าแดง โดยพยานกับเพื่อนจะเป็นผู้ดูต้นทางให้ แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลใดตามทหารทั้ง 2 นายมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังไต่สวนพยานเสร็จสิ้นแล้วในวันนี้ศาลนัดไต่สวนพยานครั้งต่อไปวันที่ 17 ก.ย. เวลา 09.00 น.



คอป.ปัดรายงานมี"ชุดดำ"

วันเดียวกัน นางจุฑารัตน์ เอื้ออำนวย หนึ่งในกรรมการคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานฉบับหนึ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อปีพ.ศ.2553 มีผู้เสียชีวิต 98 ศพ และบาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน โดยอ้างว่าเป็นข้อสรุปของ คอป.หลุดออกมา และเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า มีชายชุดดำอยู่จริง ซึ่งสวนทางกับการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่าไม่ทราบว่ารายงานดังกล่าวมีที่มาจากไหน เพราะขณะนี้รายงานสรุปของ คอป.ยังอยู่ในขั้นปรับแต่งถ้อยคำในขั้นสุดท้าย และหลังจากมีกระแสข่าวออกมา คอป.ก็ยังไม่ได้พูดคุยกันเลย

กรรมการ คอป.กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่บอกว่ารายงานของ คอป.ระบุว่ามีชายชุดดำจริงๆ นั้น สงสัยว่าทำไมคนปล่อยข่าวจึงรู้ดี ขนาดตนยังไม่รู้เลย เพราะ คอป.แบ่งงานเป็นหลายด้าน ตนรับผิดชอบในส่วนของรากเหง้าปัญหา ขอให้ฟังข้อสรุปทั้งหมดในวันที่ 17 ก.ย.นี้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ไม่หวั่นต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่จะตามมา เพราะ คอป.ไม่ได้ทำงานตามกระแส หรือทำให้ถูกใจใคร แต่เกิดเสียงต่อต้าน คอป.ก็ต้องมีข้อเท็จจริงที่ทำให้สังคมยอมรับได้

ส่วนนายคณิต ณ นคร ประธานคอป. กล่าวสั้นๆ ว่า ให้ทุกฝ่ายรอฟังรายงานสรุปของคอป.ในวันที่ 17 ก.ย. ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดรายงานในขณะนี้แน่นอน เพราะต้องการให้ได้รับฟังร่วมกัน ขอว่าอย่าเพิ่งใจร้อนในสิ่งที่ คอป.ได้ดำเนินการตลอดมา



เปิดรายงาน-ฉบับอ้างคอป.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายงานสลายม็อบที่อ้างว่าเป็นของคอป.นั้น มีความยาวทั้งหมด 515 หน้า มีเนื้อหาสรุปว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีส่วนต่อความรุนแรงในกรณีสลายการชุมนุม โดยระบุว่ากลุ่มติดอาวุธชายชุดดำได้รับความร่วมมือจากกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ขณะที่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ใช้ทหารปฏิบัติหน้าที่ด้วยกระสุนจริง มีการใช้พลซุ่มยิง หรือสไนเปอร์ และยังระบุว่า ผู้เสียชีวิต 6 ศพในวัดปทุมวนาราม เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่

"ทั้ง 2 ฝ่ายต่างเชื่อว่าตนเองเป็นเหยื่อจากอีกฝ่ายหนึ่ง ปฏิบัติการของชายชุดดำ เป็นสาเหตุหลักที่สร้างและยกระดับความรุนแรง เพื่อยุยงให้เกิดการโต้ตอบด้วยอาวุธจากเจ้าหน้าที่ เนื่องจากกลุ่มชายชุดดำต้องการก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตจำนวนมาก" ข้อความตอนหนึ่งจากรายงานในหน้า 184 และระบุต่อว่า หลังจากชายชุดดำสังหาร พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เกิดความวุ่นวาย และการใช้อาวุธอย่างไม่มีการควบคุมโดยเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ยิงกระสุนจริงจำนวนมากไปยังทิศทางของผู้ชุมชุม และมีผู้ชุมนุมเสียชีวิตจากกระสุนปืน แต่รายงานดังกล่าวมิได้ชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด



"ชุดดำ"มารถตู้-มีม็อบคุ้มกัน

รายงานในหน้าที่ 163-164 ระบุด้วยว่า ชายชุดดำโดยสารด้วยรถตู้มาบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเวลา 19.00 ของวันที่ 10 เม.ย.2553 เมื่อชายชุดดำพร้อมอาวุธลงมาจากรถ หน่วยรปภ.ของกลุ่มนปช.ก็รีบกันให้ชายชุดดำเหล่านี้เดินไปยังบริเวณที่เจ้าหน้าที่ประจันหน้ากับผู้ชุมนุม โดยตลอดทางการ์ดเหล่านี้ห้ามไม่ให้ใครบันทึกภาพ และมีผู้ชุมนุมบางคนร้องตะโกนว่า "มีคนมาช่วยเราแล้ว มีคนมาช่วยเราแล้ว" นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่าชายชุดดำอย่างน้อย 1 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง

สำหรับการเสียชีวิตของเสธ.แดงนั้น รายงานดังกล่าวระบุว่า กระสุนความเร็วสูงที่สังหารเสธ.แดง ถูกยิงมาจากอาคารสีลมพลาซ่า ที่อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่มาตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.แล้ว



ชี้เจ้าหน้าที่ยิง6ศพวัดปทุมฯ

นอกจากนี้ ในรายงานยังอ้างถึงกรณี 6 ศพวัดปทุมวนาราม ด้วยว่า หลังแกนนำนปช.ยุติการชุมนุมเมื่อ 19 พ.ค.2553 ผู้ชุมนุม 4,000 คน หลบหนีเข้าไปในวัดปทุมฯ ซึ่งเป็นเขตอภัยทาน เมื่อถึงเวลาประมาณ 18.00 น. มีเจ้าหน้าที่ 7 นายเข้าประจำที่บนรางรถไฟฟ้าชั้นที่ 1 ใกล้สถานีสยาม อีก 5 นายประจำที่หน้าวัดปทุมฯ ทั้งหมดมีอาวุธปืนเอ็ม 16 และกระสุนจริง

รายงานระบุต่อว่า เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้เล็งและยิงอาวุธปืนเข้าไปในวัดปทุมฯ โดยมีปลอกกระสุน .223 ของปืนเอ็ม 16 หล่นอยู่บริเวณรางรถไฟฟ้าด้วย พร้อมทั้งสรุปว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ศพในวัดปทุมฯ จึงน่าจะเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่นายหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ ระบุว่ายิงเข้าไปในวัด เพราะคิดว่ามีชายชุดดำแอบซุ่มอยู่ และยังพบปืนเอ็ม 16 ในบริเวณวัดปทุมฯ ด้วย



"เหลิม"ลุ้นศาลสั่งคดียิงแท็กซี่

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเรื่องเดียวกันว่า คอป.ไม่ใช่พนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนบอกแล้วว่าไม่มีชายชุดดำ พนักงานสอบสวนมีอำนาจตามกฎหมาย แต่คอป.ไม่มีอำนาจทางกฎหมาย ไปชี้ถูกชี้ผิดไม่ได้ เมื่อถามถึงกรณีที่ดีเอสไอเตรียมเรียกสอบรัฐมนตรีทุกคนสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในคดีสลายม็อบ 98 ศพ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตามหลักการสอบสวน เมื่อคำให้การของแต่ละฝ่ายพาดพิงถึงใครก็ต้องเรียกไปสอบสวน แต่ไม่ใช่สรุปว่าใครผิดใครถูก และถ้าวันที่ 17 ก.ย. ที่ศาลนัดฟังคำสั่งไต่สวนคดีนายพัน คำกอง โชเฟอร์แท็กซี่ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณถนนราชปรารภ หากศาลชี้ว่าตายโดยการกระทำของเจ้าพนักงาน นั่นถือเป็นบรรทัดฐานที่รวดเร็ว และภูมิใจที่เข้ามาทำงาน 1 ปีแล้วทำความจริงให้ปรากฏ ส่วนใครผิดถูก ไม่ทราบ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องเชิญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. มาให้ถ้อยคำด้วยหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องสำนวน แต่อย่าลืมว่าศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ตั้งโดยนายอภิสิทธิ์ แล้วตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นผอ.ศอฉ. ดังนั้น ในรายละเอียดต่างๆ การเคลื่อนย้ายกำลังต่างๆ ย่อมเคลื่อนย้ายตามคำสั่งศอฉ. ไม่ได้เคลื่อนย้ายในนามเหล่าทัพ เพราะฉะนั้นเหล่าทัพไม่เกี่ยว ปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 และมาตรา 70



แต่ห่วงจะมีรุนแรงตามมา

ต่อข้อถามว่าหากความยุติธรรมเกิดขึ้น แล้วจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่คลาย และก็ห่วงว่าจะทวีความรุนแรงในระยะต้น เพราะถ้ามีความยุติธรรมเกิดขึ้น ฝ่ายหนึ่งก็พึงพอใจตนและรัฐบาล แต่อีกฝ่ายก็ต้องคิดว่าร.ต.อ.เฉลิมตั้งธง วางธง แต่ไม่ทำแน่ เพราะชีวิตของตนจะเล่นการเมืองในรอบนี้แล้วไม่เอาแล้ว ไม่คิดทำชั่ว ไม่คิดแกล้งใคร เดินมาถึงวันนี้ได้เพราะทำดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่ารอบนี้ไม่เอาแล้ว คืออยู่ 4 ปี หรือ 8 ปี รองนายกฯ กล่าวว่า แล้วแต่สถานการณ์ เมื่อถามว่าหรือหากมีปรับครม.ก็ไม่เอาแล้ว ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ปรับออกแล้วจะอยู่ได้อย่างไร เพราะใจคิดว่าหากอยู่รัฐบาลครบเทอมก็อายุ 68 ปี

ต่อข้อถามย้ำว่าหมายความว่าหลังรัฐบาลชุดนี้จะวางมือแล้วอย่างนั้นหรือ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่วางมือ เพราะจะวางได้อย่างไร ก็ต้องช่วยพรรคปราศรัย เพราะไม่มีตนคงไม่มีใครมาฟัง



"ธิดา"ตีปี๊บงาน 6 ปีรัฐประหาร

ส่วนที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นางธิดา โตจิราการ ประธานนปช. แถลงว่า จะจัดงานครบรอบ 6 ปีรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลา 12.00- 01.00 น. ในการปราศรัยบนเวทีจะมีแกนนำนปช.ทยอยขึ้นปราศรัยทั้งหมด เนื้อหาหลักจะเน้นผลพวงจากการทำรัฐประหาร พร้อมทั้งเปิดให้ลงชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และลงชื่อให้แก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย

"ขณะนี้การรัฐประหารเปลี่ยนรูปแบบจากการใช้รถถังมาเป็นการรัฐประหารด้วยกฎหมาย หากมีการทำรัฐประหารคนเสื้อแดงจะเป็นกองหน้าต่อต้านรัฐประหาร การแก้รัฐธรรมนูญก็เป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากรัฐธรรมนูญทุกวันนี้ล้าหลัง และขอยืนว่าเรายินดีที่นักวิชาการเสื้อสีอื่นจะมาเข้าร่วมการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ขณะเดียวกันเรียกร้องให้คนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมกันให้มาก เพื่อแสดงพลังให้เห็นว่าเราต่อต้านการรัฐประหาร" นางธิดากล่าว

ประธานนปช.กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการประสานและติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) จะจัดสานเสวนาเรื่องความปรองดองนั้น เราสนับ สนุนพ.ร.บ.ปรองดองฉบับนปช. ที่ไม่นิรโทษกรรมคนสั่งฆ่าประชาชน รวมถึงแกนนำเสื้อแดงด้วย แต่ต้องทำความจริงให้ปรากฏเพื่อการปรอง ดอง แต่อนาคตหากรัฐสภาจะโหวตออกมาเป็นอย่างไรเราก็ยอมรับ



ไม่เชื่อมั่นรายงาน"คอป."

นางธิดากล่าวต่อว่า ขณะนี้คดี 98 ศพก็จะคลี่คลายแล้ว หลังจากนี้ขอให้ทำความจริงให้ปรากฏ และฝากไปยังคอป.ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน และเตรียมแถลงรายงานสรุปในวันที่ 17 ก.ย.นี้ว่า มองรายงานที่สรุปออกมาด้วยความไม่เชื่อมั่น เพราะคอป.มีวัตถุประสงค์แต่ต้นแล้วว่าจะไม่ชี้ถูกชี้ผิด ทำให้ความจริงไม่ปรากฏ แต่ใช้ต้นทุนทางความรู้และความคิดของกรรมการแต่ละคนมาสรุปเอาเองโดยไม่มีข้อมูลหลักฐาน และทำการวิจัยน้อยเกินไปหรือไม่

ประธานนปช.กล่าวอีกว่า อีกทั้งนายสมชาย หอมลออ หนึ่งในกรรมการคอป. ยังระบุชัดว่าได้ไปขอข้อมูลบางส่วนมาจากศูนย์ข้อมูลประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมกรณีเม.ย.-พ.ค.2553 (ศปช.) มารวมกับรายงานของคอป.ด้วย จึงเห็นว่าคอป.ไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีหลักคิด โดยเฉพาะการที่คอป.สรุปว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นต้นเหตุของปัญหาความขัดแย้งทั้งหมด เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าคอป.คิดผิดตั้งแต่แรก เราไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะคิดหรือว่าหากไม่มีพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วจะไม่มีคนเสื้อแดงเกิดขึ้น ส่วนรายละเอียดต่างๆ รอคอป.รายงานออกมาก่อนแล้วจะชี้แจงอีกครั้ง



                                               "ถวิล"ให้การต่อ-ยังอ้าง"ชุดดำ"


ส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เวลา 08.30 น. นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และอดีตเลขานุการศอฉ. เข้าให้ปากคำเป็นวันที่ 2 ในคดีสลายม็อบ 98 ศพ โดยให้ถ้อยคำเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติในเหตุการณ์ และคำสั่งของศอฉ. บรรยากาศการสอบสวนเป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่เคร่งเครียด เพราะส่วนใหญ่ให้ข้อมูลไปในการสอบสวนวันแรกหมดแล้ว รวมเวลาการสอบปากคำนาน 8 ชั่วโมง

นายถวิลให้สัมภาษณ์ภายหลังให้การว่า ให้ปากคำเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเด็นของชายชุดดำ ยืนยันว่ามีอยู่จริง และไม่ใช่เฉพาะผู้ที่แต่งชุดดำอำพรางใบหน้า แต่พอถอดชุดดำออกก็ใส่เสื้อชุดอื่น ชุดดำในความหมายของศอฉ. คือกลุ่มคนติดอาวุธที่ใช้กำลังและอาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ กรณีชายชุดดำที่เห็นได้ชัด คือเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ที่บริเวณโรงเรียนสตรีวิทยา และแยกคอกวัว หลังจากนั้นยังพบว่ามีการใช้อาวุธกระทำต่อเจ้าหน้าที่ และเป้าหมายอื่นๆ ดังนั้น ชายชุดดำจึงไม่ได้หมายความว่าแต่งกายชุดดำใช้หมวกอำพรางใบหน้า เพราะฉะนั้นจะเป็นชายชุดดำหรือไม่ ก็ไม่สำคัญ สำคัญที่เป็นคนที่ใช้ความรุนแรงและใช้อาวุธต่อสู้เจ้าหน้าที่



ยันมีจริง-แต่ไม่รู้เท่าไหร่

ผู้สื่อข่าวถามว่า พนักงานสอบสวนสอบถามในประเด็นชายชุดดำ และนำภาพชายชุดดำมาให้สื่อมวลชนเผยแพร่ช่วยแจ้งเบาะแส นายถวิล กล่าวว่า พนักงานสอบสวนมีหน้าที่สอบสวนหาตัวบุคคลที่เป็นชายชุดดำออกมาให้ได้ และก็ให้การยืนยันว่ามีชายชุดดำ และซักถามว่าชายชุดดำปรากฏตัวที่ไหน ทำอะไรบ้าง ในส่วนศอฉ.มีข้อมูลชายชุดดำ แต่จำไม่ได้ว่ามีจำนวนเท่าใด นอกจากนี้ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ชายชุดดำคือผู้ที่นำอาวุธสงครามเข้ามาใช้ก่อเหตุรุนแรง หลายคดีก็ได้แยกฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้ว จึงเชื่อว่าดีเอสไอจะนำข้อมูลชายชุดดำที่ปรากฏในสำนวนคดีอื่น มาประกอบการพิจารณาคดีนี้ด้วย

"เมื่อพูดถึงคนชุดดำ ก็หมายถึงคนที่ใช้อาวุธ หลังจากนั้นจับกุมคนบางกลุ่มได้ และส่งฟ้องศาล บางรายมีผลการตัดสิน รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี เช่น กรณีที่มีคนไปจุดไฟ วางเพลิง ที่ตัดสินลงโทษไปแล้ว ส่วนคนที่ใช้อาวุธและยังจับไม่ได้ ก็ต้องตามตัวจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้" นายถวิล กล่าว

ต่อข้อถามว่ามีความเป็นได้หรือไม่ที่จะสอบพยานปากอื่น เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงเรื่องชายชุดดำ นายถวิล กล่าวว่า มั่นใจว่าความจริงของเหตุการณ์ ไม่ว่าจะผ่านไป 10 วัน 10 ปี หรือ 100 ปี ก็ยังเป็นข้อเท็จจริงชุดเดียวกัน อยากทำข้อเท็จจริงให้ปรากฏ เพราะเชื่อว่าความจริงจะทำให้ทุกอย่างยุติได้



ดีเอสไอโชว์ 2 ชายชุดดำ

ด้านพ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า จำเป็นต้องเรียกนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เข้าสอบปากคำในฐานะกรรมการศอฉ. แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาตามขั้นตอน ว่าจะกำหนดเรียกเข้าปากคำวันใด ส่วนตัวไม่ต้องการให้เข้าใจผิดว่าจะเอนเอียงเข้าข้างผู้บังคับบัญชา โดยหลังจากนี้จะเรียกบุคคลที่ถูกพาดพิงทุกคนเข้าให้การ รวมถึงครม.สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แต่จะรอมติที่ประชุมพนักงานสอบสวน ว่าจะเรียกเข้าสอกปากคำทั้งหมด หรือให้ชี้แจงเป็นเอกสาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการสัมภาษณ์ พ.ต.อ.ประเวศน์ ยังนำภาพบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นชายชุดดำ ที่ใช้อาวุธสงครามในเหตุการณ์แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 จำนวน 2 คน มาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน เพื่อให้ผู้ที่พบเห็นแจ้งเบาะแสมาที่ดีเอสไอ หรือหากบุคคลในภาพต้องการแสดงความบริสุทธิ์ ก็สามารถเข้ามามอบตัวกับพนักงานสอบสวน



แต่ไม่พบหลักฐานใช้อาวุธ

รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวต่อถึงการสอบปากคำนายถวิลว่า สำหรับประเด็นเรื่องเอกสารมติการประชุมศอฉ.นั้น นายถวิลบอกว่าการทำงานของศอฉ.คล้ายกับศูนย์ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) สมัยรัฐบาลนี้ มีจำนวนคนเกี่ยวข้องกับจำนวนมาก ดังนั้น เอกสารต่างๆ จึงมีระบบจัดเก็บไม่ค่อยเรียบร้อย เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ ทั้งนี้ในศอฉ. จะมีเจ้าหน้าที่ของศอฉ.เป็นผู้จัดเก็บเอกสาร แต่นายถวิลไม่ได้เก็บเอกสาร อีกทั้งตอนนี้ศอฉ.สลายไปแล้ว จึงต้องไปตรวจสอบว่าหน่วยงานใดเก็บ หรือเกี่ยวข้องกับเอกสารใดบ้าง ทางพนักงานสอบสวนจะทำหนัง สือสอบถาม หรือขอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเอกสารในการประชุมศอฉ.ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวถึงเรื่องชายชุดดำว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา เรียกพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย มาสอบถามถึงการดำเนินคดีก่อการร้ายกับชายชุดดำ ตามภาพที่ทหารและรัฐบาลชุดก่อนส่งข้อมูลมาให้พนักงานสอบสวน เช่น รูปภาพ ชายชุดดำที่ระบุว่าเป็นกลุ่มนักรบพระเจ้าตาก หรือการ์ดนปช. ที่อยู่กับ พล.ต.ขัตติยะ รวมทั้งชายชุดดำที่มีข่าวว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้พร้อมอาวุธและหลบหนี ทั้งหมดนี้ดีเอสไอตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว พบว่าประการที่ 1 ไม่ปรากฏว่าเป็นผู้ต้องหาในสำนวนคดีใช้อาวุธปืนสงครามทำร้ายผู้อื่น เพราะไม่มีพยานหลักฐาน



ในคลิป 10 เม.ย.ก็ไม่รู้เป็นใคร

ห้วหน้าพนักงานสอบสวนคดี 98 ศพ กล่าวต่อว่า ประการที่ 2 ชายชุดดำที่ปรากฏในภาพของฝ่ายสืบสวนบก.น.1 ที่นำมามอบให้ดีเอสไอระบุว่าควบคุมตัวได้ พร้อมยึดอาวุธเอ็ม 79 ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่พบว่ามีออกหมายจับตามภาพสเกตช์ไว้ ต่อมาทหารส่งรูปเดียวกันให้ดีเอสไอ โดยระบุว่าเป็นชุดดำที่ถือปืนอาก้า แต่ตรวจสอบก็ยังไม่พบว่าบุคคลทั้ง 2 ปรากฏในสำนวน ดังนั้น จำเป็นต้องตรวจสอบที่มาของภาพว่าใครเป็นคนถ่าย ทางตำรวจระบุว่ามีตำรวจสายสืบชื่อ ด.ต.วิชิต อยู่ในที่เกิดเหตุและอ้างว่าควบคุมตัวได้ แต่นปช.ปล่อยตัวไป ขณะนี้ดีเอสไอกำลังออกหมายเรียกตำรวจรายดังกล่าวมาให้ปากคำ ถึงที่มาของภาพ หากใครเห็นบุคคลในภาพดังกล่าว แล้วทราบว่าเป็นใครชื่ออะไร ช่วยแจ้งพนักงานสอบสวนด้วย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า ประการที่ 3 ภาพที่ปรากฏชายชุดดำ สวมเสื้อสีดำ สวมหมวกในคลิปยิงปืนในวันที่ 10 เม.ย. แยกคอกวัว ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นผู้ใด หรือมีความเชื่อมใยงอย่างไรกับกลุ่มผุ้ชุมนุมในคดีก่อการร้าย ส่วนกรณีของนายมานพ ชาญช่างทอง ซาเล้งเก็บของเก่า ก็ไม่ปรากฏว่านายมานพถูกแจ้งข้อหาว่าใช้อาวุธปืนสงครามไปทำเจ้าหน้าที่ หรือประชาชนคนใดถึงแก่ความตาย แต่มีข้อกล่าวหาในคดีก่อการร้าย ตอนนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมภาพชายชุดดำที่ปรากฏในเว็บไชต์ ยูทูบ ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพื่อแยกออกมาให้ชัดเจน



ย้ำทำคดีไปตามหลักฐาน

"ดีเอสไอทำความคู่กันไป ไม่ได้แยกทำเรื่องใดก่อนหลัง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์เดียวกัน ระหว่างกลุ่มคน 2 กลุ่มคือเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุม ส่วนชุดดำจะเข้ามาแทรกตอนไหน ก็ต้องว่ากันไป พนักงานสอบสวนก็ต้องถามทั้ง 2 ฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งบอกว่าไม่เห็นชุดดำ อีกฝ่ายบอกว่าเห็น ก็ต้องถามต่อว่าเห็นแล้วมีหลักฐานหรือไม่ การทำสำนวนจะกล่าวอ้างลอยๆ คงไม่ได้ ต้องดูที่พยานหลักฐาน ไม่ใช่ความรู้สึก" พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า

รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวกล่าวถึงรายงานที่อ้างว่าเป็นของคอป. ระบุมีกลุ่มชายชุดดำยิงใส่ทหารบริเวณแยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ว่าหากชายชุดดำที่อ้างนั้น หมายถึงภาพที่ปรากฏในคลิปถือปืนยิง และยิงอาวุธปืนตามภาพที่ปรากฏ แต่ในข้อเท็จจริงยังไม่มีการยืนยัน หรือให้การในสำนวนเลยว่ากลุ่มคนในภาพที่ปรากฏยิงใครเสียชีวิต และบุคคลนั้นเป็นใคร อีกทั้งวิถีการยิงไปในทิศทางใด ยิงใส่กลุ่มใด ดังนั้น ในทางสำนวนคดีคงยังสรุปไม่ได้ ว่าเป็นการยิงใส่กลุ่มทหาร แล้วทำให้เกิดการเสียชีวิต เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ต่อไป


ต้องแยกชุดดำกับเจ้าหน้าที่

"ดีเอสไอไม่ได้นิ่งนอนใจ เราตรวจสอบภาพที่ส่งมาให้อย่างละเอียด แต่ภาพที่กล่าวอ้างนั้น หลายภาพไม่ปรากฏอยู่ในสำนวคดีชุดสอบสวนที่ผ่านมาในสมัยรัฐบาลแล้วเช่นกัน ตอนนี้พอพูดถึงชายชุดดำ ข่าวที่ออกไปคือเป็นพวกเข้าไปยิงเจ้าหน้าที่และประชาชนตายหมดเลย ต้องแยกให้ชัดเจน ไม่ใช่ชุดดำฆ่าคนตายหมด ต้องแยกเป็นเรื่องๆ ไป ตอนนี้เรื่องชายชุดดำยังไม่มีหลักฐานเลยว่าไปฆ่าใครตาย เพียงแต่เป็นผู้ต้องหาในคดีก่อการร้าย ที่สำนวนสั่งฟ้องส่งอัยการไปแล้ว มันคนละส่วนกัน ผมทำหน้าที่หาว่าใครทำให้เกิดการเสียชีวิต 98 ศพ และจนถึงวันนี้ก็ไม่ปรากฏหลักฐานเลยว่า ที่กล่าวหา กล่าวอ้างว่าชุดดำที่ปรากฏในคลิป ภาพถ่าย เป็นคนยิงฆ่าทหารหรือฆ่าประชาชน"พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าว

พ.ต.อ.ประเวศน์กล่าวอีกว่า ปลายเดือนก.ย.นี้จะเริ่มตรวจสอบ ว่าต้องสอบใครเพิ่มเติมอีกบ้างในระดับนโยบาย โดยในขณะนี้กำลังรอเอกสารที่ประชุมครม. ที่มีมติให้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คงไม่ใช่ครม.ทั้งหมด ต้องดูว่ามีใครบ้าง รวมทั้งมติการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธ และการควบคุมพื้นที่



"เจ๋ง"ทำหนังสือขอโทษศาล

ที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ นายวิญญัติ ชาติมนตรี และทีมทนายความ เข้าเยี่ยมนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำนปช. และเปิดเผยว่า หารือเรื่องการทำหนังสือขอโทษ และแสดงความสำนึกผิดต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 7 ท่าน โดยการพูดคุยกันพบว่านายยศวริศมีสุขภาพจิต และสุขภาพกายดี สอบถามถึงเรื่องวันเวลาไหนจะยื่นขอประกันตัวต่อศาลได้ เรื่องการยื่นขอประกันตัวนี้ ก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขคำสั่งของศาลที่ให้ปฏิบัติ เพราะศาลยังไม่เชื่อว่านายยศวริศจะสำนึกถึงความผิดที่ทำไป และหลังจากการไปให้การกับศาลที่ผ่านมา นายยศวริศก็ยังไม่ได้ทำหนังสือขอโทษและแสดงความสำนึกผิดถึงตุลาการทั้ง 7 ท่าน และศาลก็ยังไม่เห็นหนังสือ ดังนั้น วันนี้จึงเป็นวันแรกนายยศวริศจะส่งหนังสือขอโทษ และแสดงความสำนึกผิดไปยังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและศาล รวมทั้งเผยแพร่ข้อความขอโทษ และแสดงความสำนึกผิดทางหนังสือพิมพ์ข่าวสดและมติชนทุกวัน

"เมื่อทำหนังขอโทษและแสดงความสำนึกผิดแล้ว คงต้องเว้นช่วงเวลาไปสักระยะ จากนั้นจึงจะยื่นเรื่องขอประกันตัวได้ เพราะต้องให้ศาลเชื่อว่า คุณเจ๋งได้สำนึกผิดในสิ่งที่ทำไปได้แล้ว ขณะนี้ จึงยังไม่ได้ระบุเงื่อนเวลาในการประกันตัว และในขณะนี้มีเหตุการณ์อุทกภัย และคุณเจ๋งทำงานในกระทรวงมหาดไทย ถ้าคุณเจ๋งได้ประกันตัว ออกไปก็จะได้ไปช่วยเหลือประชาชน ให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติได้" ทนายความของเจ๋งกล่าว

ที่มา....วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 7961 ข่าวสดรายวัน

ไม่มีความคิดเห็น: