วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

งดเหล้าเข้าพรรษา แต่ยังต้องด่า...ประชาธิเปรต!!!

วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
    

    ปีนี้สติ๊กเกอร์ “งดเหล้าเข้าพรรษา” ที่ทางการเขาทำออกมา เพื่อต่อต้านอบายมุข มีสีสันสดใส คงสะกิดใจผู้คนที่กินเหล้ากันทุกวันเป็นอาจิณได้ระลึกว่า
        วันสำคัญทางศาสนามาถึง ได้เวลาที่คอสุราทั้งหลาย งดเหล้ากันแล้ว
content/picdata/380/data/photo0908.jpg
        ระหว่างที่พระท่านกำลังอยู่ในพรรษา ปวงประชาที่นิยมสุราพากัน “วิรัติ” ตลอดห้วงเวลาแห่งการสร้างกรรมดี แต่อีกฝั่งฟากหนึ่งนั้น ชาวบ้านอย่างเราๆท่านๆ กลับได้ยินเสียงร้องขู่กู่ก้องจากกองกำลังฝ่ายค้าน ซึ่งมี “นายมาร์ค หัวปลอก” เป็นหัวโจก กระหน่ำกลองสัญญาณอึกทึกครึกโครม อันเป็นเครื่องหมายว่า         ได้เวลาที่พวกตัวซึ่งเป็นฝ่ายค้าน จะบุกโจมตีรัฐบาลของนายกฯปูในสภาผู้แทนราษฎร โดยจะยื่น “อภิปรายไม่ไว้วางใจ” นายกฯสตรีคนแรกของประเทศ เพียงคนเดียวโดดๆ รัฐมนตรีคนไหนๆในรัฐบาล         ฝ่ายแค้น...ไม่สนแล้ว!
        ตามข่าวเขาบอกว่า จะยื่นอภิปรายกันต้นเดือนกันยาที่จะถึงไม่กี่วันนี้ ต่อมากลับเปลี่ยนว่า จะรอยื่นหลังการอภิปรายงบประมาณผ่านไปก่อน คล้ายจะใช้สนามอภิปรายงบประมาณ เป็นที่ฝึกซ้อมลับฝีปาก ก่อนจะลงสนามจริง คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯปูคนเดียวโดดๆ
        บรรดาลิ่วล้อของ “นายหัวปลอก” ออกศักดาอ้าซ่ามา ในท่วงทำนองว่า คราวนี้แหละ...
       
จะรุมตีนายกฯปู ให้อยู่หมัดเลย ทีเดียวเชียว!        พอพวกนี้มันออกมาตีปี๊บ ชาวบ้านที่รู้ไม่ทันไอ้พรรคโลซก อาจพากันตกอกตกใจก็เป็นได้ ทำให้ผู้เขียนถูกขอร้องจากพรรคพวก ที่ตั้งวงสนทนาถกปัญหาบ้านเมืองกันประจำ ให้พูดถึงเรื่องนี้ ทาง www.vattavan.com ให้แฟนๆ ได้อ่านกันบ้าง
        ผมเองเคยดู “การอภิปรายไม่ไว้วางใจ” มาแล้วหลายครั้งหลายหน แต่ระยะหลังหมดความสนใจไป เพราะถึงฝ่ายค้านจะมีฝีปากดีอย่างไร ก็ไม่เคยเอาชนะรัฐบาล ที่มีจำนวนมือ ส.ส.ในสภามากกว่า ไม่ได้เลยสักครั้ง
        มีบางครั้งเท่านั้น ที่รัฐบาลชิงถอดใจไปก่อน เพราะสาเหตุมาจากเนื้อในของรัฐบาลที่ “เน่า” เอง
        เหตุการณ์ “เน่าใน” ที่ว่านั้น เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลของนาย ชวน หลีกภัย แห่งพรรคประชาธิเปรต ถูกฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ และประเด็นหลักที่ถูกยกขึ้นมา เพื่อใช้ในการโจมตี คือ
       
กรณีคอรัปชั่นของรัฐบาลประชาธิเปรต ในการออก สปก.ให้เศรษฐีภูเก็ต จนพรรคของ “เถนจำลอง” (ผู้นำคนสำคัญแห่งอาศรม “สันติกระโปก”) ซึ่งตอนนั้นมีตำแหน่งแห่งที่หัวหน้าพรรคพลังธรรม (ปัจจุบัน “พลังหมด” ไปเรียบร้อยแล้ว) และร่วมอยู่ในรัฐบาลของนายหัวด้วย ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า        จะ “โหวตสวน” รัฐบาล!
        แปลความได้ว่า อีตาเถนจำลองแกไม่เอาด้วยแล้ว กับรัฐบาลที่ตัวร่วมหัวจมท้ายอยู่ในคณะเดียวกันด้วย แต่กลับจะโหวต “ไม่ไว้วางใจ” รัฐบาลที่ตัวเองร่วมอยู่ด้วย
        นายหัวชวนคงพิจารณาแล้ว เห็นว่า คงถึงทางตันแล้ว เพราขืนให้มีการโหวต รัฐบาลของตัวจะพ่ายแพ้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างแน่นอน
        ดังนั้น ในฐานะผู้นำรัฐบาล แกจึงตัดสินใจประกาศ “ยุบสภา” ให้เลือกตั้งกันใหม่ แต่ผลปรากฏว่า พรรคโลซกของอีตาชวน...
       
แพ้เรียบร้อยโรงเรียน สปก.ไป!
        ปัญหาเรื่อง สปก. นั้น เป็นความถึงโรงถึงศาล ยืดเยื้อมาอย่างยาวนานถึง 10 ปี เต็ม กว่านายหัวชวนและคนในพรรคดักดาน จะโดนคำพิพากษาของศาลฎีกาประจานซ้ำ เพราะศาลท่านสั่งให้บรรดาเศรษฐี พรรคพวกของพรรคดักดาน ที่ได้รับ สปก.ไปแล้วนั้น
      
  ต้องคืนที่ให้หลวง!        นี่เป็นหลักฐานชัดแจ้ง ที่ย้ำเตือนพี่น้องประชาชน ถึงนโยบายที่ไม่สุจริต คอรัปชั่นด้วยการเอื้อประโยชน์ ให้กับพรรคพวกตัวเอง ของแก๊งการเมืองโลซกอย่าง...         ...ประชาธิเปรต!!
        มื่อวันจันทร์ ที่ 6 สิงหาคม 2555 ผมฟัง ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการ ม.หอการค้าฯ ออกโทรทัศน์ช่อง TNN ช่วงบ่ายแก่ๆ คุณด๊อกเตอร์แกให้ความเห็น เกี่ยวกับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ว่า
        หากฝ่ายค้านมุ่งโจมตีเรื่อง นโยบายจำนำข้าว จะเป็นการยิงกระสุนนัดเดียวที่ได้ผล เพราะจะได้นกหลายตัว เพราะมีข้อบกพร่องจากการบริหารโครงการนี้ ให้โจมตีมากมาย!
        แต่...
        ผมกลับ “เห็นต่าง” จากคุณธนวรรธน์ เพราะเห็นว่า เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาเลย เพราะเป็นโครงการจำนำข้าว ที่รัฐบาลมุ่งช่วยพี่น้องชาวนาอย่างชัดเจน ซึ่งการขาดทุนหรือกำไร ไม่ใช่ประเด็นหลัก อีกทั้งตัวเลขจำนวนเงิน ที่รัฐใช้จ่ายไปในการจำนำข้าวนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับการ “ประกันราคาข้าว” ของพรรคดักดาน ปรากฏ ชัดเจนว่า
       
การประกันราคาข้าว ครั้งนายมาร์ค หัวปลอก กับฝ่ายค้านปัจจุบันเป็นรัฐบาล ซึ่งพรรคประชาธิเปรตเอง ตีปี๊บบอกว่า เป็นนโยบายที่ดีกว่าการจำนำข้าว นั้น
        ปรากฏว่าเมื่อปิดบัญชีกัน ข้อเท็จจริงกลับไม่ใช่อย่างที่มิสเตอร์หัวปลอกกล่าวอ้าง เพราะทางกระทรวงการคลังมีหลักฐานชัดเจนว่า รัฐต้องควักเงินจ่ายไปเป็นค่าเสียหาย ในการประกันราคาข้าวนั้น...
        สูงถึง 1.4 แสนล้านบาท!
        ตัวเลขอย่างนี้หลอกกันไม่ได้ เพราะเงินหลวงที่ควักออกไปนั้น เขามีหลักมีฐานว่า ใครรับ-ใครจ่าย เท่าใด และเพราะข้อเท็จจริงเป็นเพราะอย่างนี้เอง ทางรัฐบาลของนายกฯปู ถึงไม่เกรงกลัว ต่อการโจมตีในประเด็นจำนำข้าวนี้ เพราะหลักฐานทางการเงินปรากฏชัดเจนอยู่แล้วว่า การจำนำนั้น ถึงจะมีความใช้จ่ายเงินจนต้องขาดทุนบ้าง...
       
แต่กระนั้น....ก็ใช้เงินในการจำนำน้อยกว่า การประกันราคาของพรรคดักดานอยู่มาก!        ผมต้องขอเตือนความจำ ของนายธนวรรธน์ว่า ตัวเขาเองเพิ่งให้สัมภาษณ์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กรกฎาคม 2555 ในเรื่องจำนำข้าว ซึ่งทางสื่อนี้ เขาลงรายละเอียด ว่า
       
...นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนะของกลุ่มเกษตรกรต่อนโยบายการรับจำนำข้าว และมันสำปะหลังของรัฐบาลว่า         ในนโยบายรับจำนำข้าว ผู้ตอบส่วนใหญ่ 69.8% ระบุ พอใจ เพราะทำให้มีรายได้มากขึ้น มีเงินออมมากขึ้น เป็นหนี้ลดลง มีกำลังซื้อสินค้า และวัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตรได้มากขึ้น จึงต้องการให้รัฐบาลดำเนินนโยบายนี้ต่อไป โดยระดับราคาจำนำที่ต้องการ คือ เฉลี่ยตันละ 18,361.37 บาท..        การให้สัมภาษณ์ของนายธนวรรธน์ อย่างนี้เองมิใช่หรือ เป็นเหตุให้สื่อค่ายโพกผ้าเหลือง ถึงกับพาดหัวว่า
        นโยบายจำนำข้าว-มัน โดนใจชาวไร่-ชาวนา ผลสำรวจชี้ยกระดับราคาได้จริง!!!
        ดังนั้น การที่นักวิชาการอย่าง นายธนวรรธน์ฯ พูดจากลับไปกลับมาอย่างนี้ ผมว่า...
        มันเสียนะครับ!
        การที่รัฐบาล ต้องเข้ารับจำนำข้าวนั้น ก็เพื่อช่วยเหลือชาวนาและครอบครัว ซึ่งมีจำนวนเกินกว่า 10 ล้านครอบครัว และเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ให้มีรายได้ที่สูงขึ้น อย่างที่ทุกคน (นอกจากพวก...ตะแบง) เข้าใจนั้น เป็นเรื่องถูกต้อง
        เรื่องนี้ใช่แต่ไทยเราเท่านั้นที่มีนโยบายแบบนี้ ชาติที่เป็นคู่แข่งอย่างเวียตนาม จ่ายเงินสดอุดหนุนชาวนาของเขา เกือบ 800 บาท ต่อตัน/ข้าวส่งออกเลยทีเดียว
        นั่นหมายความว่า ชาวนาตระกูลเหงียนส่งออกข้าวได้มากเท่าไร กระเป๋าเงินของรัฐบาลเวียตนาม
        ก็แฟบลงตามไปด้วย!
        ถ้าเวียตนามต้องการส่งข้าวออก ให้ถึง 9 ล้านตัน โดยหวังจะแซงหน้าไทย นั่นหมายความว่า
        รัฐบาลเวียตนามต้องจ่ายเงินอุดหนุน ไปเปล่าๆ 7,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นภาระหนักด้านงบประมาณของรัฐบาลเหงียน ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กๆสำหรับเขา เพราะเศรษฐกิจของเวียตนาม นั้น
       
มีขนาดเพียง 1 ใน 3 ของไทยเราเท่านั้น!        นี่ก็เพิ่งมีข่าวเข้ามาว่า เวียตนามเริ่มชะลอการส่งออกข้าวแล้ว เพื่อรอการกำหนดราคาข้าวไทย และกำลังจะส่งคณะผู้แทนมากำหนดยุทธศาสตร์การค้าข้าว ร่วมกันกับทางไทยเรา
        นี่เป็นเครื่องแสดงว่า เวียตนามเริ่มเห็นสัจธรรม “ส่งข้าวออกมาก แต่ได้เงินน้อย” เพราะขายข้าวออกไป ในราคาที่ไม่เหมาะสม ทั้งยังมีภาระต้องจ่ายเงินให้กับชาวนาของตน ในอัตราคงเส้นคงวาอีกด้วย
        ส่วนอินตระเดียนั้น ที่ว่าจะแซงไทยในการส่งออกอีกประเทศหนึ่งนั้น แทบไม่ต้องพูดถึงกันเลย เพราะการปลูกข้าวของเมืองแขกปีนี้ เสียหายหนักถึง 19% และมีปัญหาความยากจนทับทวี และประการที่สำคัญยิ่ง คือ
       
การขาดแคลนพลังงานขนาดหนัก จนไฟดับไปครึ่งประเทศแล้ว!         ดังนั้น รัฐบาลโรตีจำต้องเก็บข้าวเอาไว้ เพื่อการบริโภคภายในของเขาอย่างแน่นอน เพราะขืนขาดข้าว เหมือนขาดไฟฟ้า ผมรับรองว่า
        รัฐบาลอินเดีย อยู่ไม่ได้แน่!
        จึงเป็นโอกาสที่เปิด สำหรับรัฐบาลไทย ในการส่งออกข้าวอย่างแน่นอน
        คราวนี้เห็นกัน หรือยังล่ะ!? 
        หัวข้อในการอภิปราย “ไม่ไว้วางใจ” ตัวนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวในเรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากการจำนำข้าว ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอะไรเลย
        ยกตัวอย่างเรื่องชายแดนเขมร ที่ผมเห็นมีรวมอยู่ในหัวข้อที่คาดว่า จะใช้เป็นประเด็นโจมตีนายกฯปู นั้น
        ขืนฝ่ายแค้นนำเรื่องนี้ขึ้นมาถกในสภา ฝ่ายที่เสียเปรียบชัดๆ ก็คือ ประชาธิเปรต นั่นเอง เพราะเสือกชักนำสงคราม เข้ามายังบ้านเมืองเราด้วยความโง่เขลาทางการทูต และเป็นตัวการสำคัญ ทั้งยังทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ไม่ใช่แต่เฉพาะเขมรเท่านั้น ที่ความสัมพันธ์เสื่อมโทรมทรุดทรามลง แม้แต่กับประเทศอื่น ก็พลอยอับเฉาไปด้วย จนมีวลีที่ว่า
       
“ทะเลาะกับเขมร เขม่นพม่า ด่าญวน กวนส้นตีนลาว”         กลายเป็นตราบาป ที่ประทับให้พรรคโลซกนี้ตลอดไป หากดันนำเรื่องนี้ มาเป็นหัวข้อในการโจมตีนายกฯปู ซึ่งเธอเอง เป็นผู้นำความสงบชายแดน ให้กลับคืนมา และทำให้ความสัมพันธ์เดินหน้าต่อไป โดยไร้เสียงปืน
       
การค้าขายชายแดนเฉพาะด้านพม่าด้านเดียว มียอดพุ่งสูงกว่า 1 แสนล้านบาท/ปี แล้วครับ        เราจะเห็นได้ว่า
        เรื่องการค้าขายระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ที่รุดหน้าไปไกล สมัย “นายมาร์ค หัวปลอก” นั้น
        คนไทยเรา ไม่มีโอกาสได้เห็นกัน!
        หากฝ่ายแค้นนำประเด็นนี้ ขึ้นมาเล่นกันในสภาฯ ผมว่าสนุกแน่ เพราะจะยิ่งเป็นการสาว “ไส้เน่า” ของตัวเอง ต่อหน้าสาธารณะชนเลยทีเดียวเชียว
        คำวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ที่น่าจะรับฟัง และมีน้ำหนักพอ ที่จะทำให้ประชาธิเปรตต้องคิดหนัก ผมเห็นว่า
        น่าจะเป็นคำพูดของ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ได้กล่าวในงานอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง (พศส.) จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในหัวข้อเรื่อง “เปิดมุมมองเศรษฐกิจไทยในกรอบอาเซียน” โดยระบุว่า
       
... หากมองในแง่การบริหารงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ถือว่าสามารถบริหารประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น แม้ในบางช่วงอาจจะมีปัญหาทางการเมืองอยู่บ้าง แต่เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น และไม่มีปัญหาการบริหารงานไปในทางทุจริต หรือหาผลประโยชน์เกิดขึ้น ก็เชื่อว่าน่าจะบริหารประเทศต่อไปได้...        ไม่รู้ไอ้พวกสมาชิกพรรคดักดาน มันได้ยินกันบ้างหรือเปล่า!?
        การที่นายโฆษิตฯพูดออกมาอย่างนี้ คงจะมีน้ำหนัก และเมื่อผมย้อนไปคิดถึงคราว “นายมาร์ค หัวปลอก” วิ่งราวอำนาจเข้ามาบริหารบ้านเมือง ซึ่งมีการ เตรียมกิน-เตรียมโกง มาล่วงหน้าอย่างชัดเจน นั่นคือ
       
โครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งยัดเยียดสิ่งของที่ประชาชนไม่ต้องการไปให้ ไม่ว่าจะเป็นตู้น้ำ แผงวงจรไฟฟ้าอุบาทว์ ที่ตอนนี้ชาวบ้านเอาไปตากปลาแห้งเรียบร้อยแล้ว
        สิ่งของเหล่านั้น มีราคาสูงกว่าท้องตลาดลิบลิ่ว จัดส่งโดยบริษัทที่มีหลักฐานสนับสนุนพรรคประชาธิเปรต
        ส่อถึงเจตนา ‘ฉ้อฉล’ ชัดเจน!
        การบริหารบ้านเมือง ที่ “ส่อ” ไปในทางทุจริตของพรรคประชาธิเปรต ในยุคที่ผ่านมานั้น
        ส่งผลให้รัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ ของรัฐบาลประชาธิเปรต จำใจต้องยื่นใบลาออกไปทั้งน้ำตา (จระเข้) เพราะทนแรงกดดันจากสื่อและประชาชนไม่ไหว
        ทั้งนี้ สาเหตุมาจาก “ความไม่โปร่งใส” ในการบริหารงานของเขา รวมถึงคณะที่ปรึกษา ที่มีพฤติกรรม “ไดแหวก” แต่ต้องจำนนด้วยหลักฐาน ในการนัดพบกับบริษัทต่างๆ เพื่อเจรจาผลประโยชน์
       
จึงจำเป็นต้องพับเสื่อ เก็บของออกจากกระทรวงไป พร้อมๆกับตัวท่านรัฐมนตวยด้วย!...555        (ท่านผู้อ่าน จะสามารถติดตามรายละเอียด เกี่ยวกับพฤติกรรมของพรรคดักดานนี้ ได้โดยละเอียด เพราะผมเขียนไว้เป็นจำนวนมากกว่า 50 คอลัมน์ ใช้เป็นข้อมูลในการทำรายงานหรือวิทยานิพนธ์ได้เลย
        กรุณาดูที่ “ท้ายบท” ของบทความประจำสัปดาห์ 
        ประชาธิเปรต= พรรค...กเฬวราก!!!?
(
http://vattavan.com/detail.php?cont_id=357)
        เรื่องราวกาลีหลากหลาย ที่เกิดระหว่างที่พรรคประชาธิเปรตเป็นรัฐบาล ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ “นายมาร์ค หัวปลอก” กับพรรคพวกของเขา ต้องพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีกลาย แบบยับเยินยู่ยี่ หาชิ้นดีไม่เจอ ได้ผู้แทนน้อยกว่าครั้งก่อนด้วยซ้ำ และส่งผลให้สตรีหน้าใหม่ ที่หาเสียงไม่ถึง 50 วัน  ชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” สามารถขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรี” ของประเทศไทย ได้อย่างสะดวกโยธินบูรณะเลยทีเดียว
        แต่...
        มิสเตอร์หัวปลอกยังใช้ตราช้าง หนาพอทีจะเป็นหัวหน้าพรรคสังคโลกต่อไป!
        าถึงวันนี้ อีตาหัวปลอกออกมุกนักเลง แสดงทีท่าจะถล่มนายกฯปู คนเดียวโดดๆ แต่อีกฟากหนึ่ง ซีรีย์ที่เกี่ยวกับการหนีทหารของตัวเขา เริ่มเพิ่มความเข้มข้นขึ้นทุกที มีตัวละครใหม่ๆ โผล่ออกมา อย่างนายพันทหารบก สัสดีเจ้าปัญหา ก็โผล่มาปฏิเสธลายเซ็นในใบ ส.ด. ซึ่งเป็นประเด็นใหม่ ทำให้เกิดหลักฐานใหม่ ยืนยันถึงการปลอมเอกสารของ “นายมาร์ค หัวปลอก” อีกทางหนึ่งด้วย
        ผมจึงคิดว่า ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาดี ในการที่พวกไม่ชอบพฤติกรรมของฝ่ายค้าน ร่วมมือร่วมใจช่วยกันฉายภาพของ...
        คนที่...พูดจาโกหกพกลม
        คนที่...หวังจะเป็นใหญ่ ยอมแม้จะไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร
        คนที่...ถูกกล่าวหาว่า...สั่งฆ่าประชาชน
        คนที่...ขาดความกล้าหาญ ที่จะรับใช้ชาติด้วยการเป็นทหาร
       
คนที่...ดีแต่พูด!        คนที่...คนที่...คนที่...คนที่...ฯลฯ
(ใส่กันไม่หวัดไม่ไหว ท่านผู้อ่านใส่เอาเอง บ้างเถอะครับ!!)
        ระหว่างที่รอ “นายมาร์ค หัวปลอก” อยู่ระหว่างกำหนดวันโจมตีนายกฯปูในสภา ระหว่างนี้ “วาทตะวัน” คงไม่อยู่เฉยหรอกครับ เพราะมีภารกิจที่จะต้องวิพากษ์วิจารณ์ ถล่มโจมตีไอ้หัวปลอก ให้หัวถลอก และเอายางหัวมันออกเสียบ้าง
        ท่านผู้อ่านอาจท้วงว่า ระยะนี้อยู่ในห้วงรักษาศีล ถืออุโบสถผมไม่ควรทำอย่างนั้นเลย
        ก็ต้องขอเรียน ว่า
        เห็นทีจะต้องยอมผิดศีลกันคราวนี้ ก็หัวเรื่องบอกชัดแล้วนี่ครับว่า...
       
 งดเหล้าเข้าพรรษา แต่ยังด่า...ประชาธิเปรต!!!



        (คอลัมน์ งดเหล้าเข้าพรรษา แต่ยังต้องด่า...ประชาธิเปรต!!! ออนไลน์ 11 สิงหาคม 2555)



ไม่มีความคิดเห็น: