วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

จดหมายแจ้งต่อไอซีซีถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ข่มขู่พนักงานสอบสวนและผู้วิจารณ์.....เสียงจาก ชาวดิน ออนเน็ต เข้าใจครับว่าทหารทำตามหน้าที่และทำตามคำสั่ง



หลังจากที่ผู้บัญชาการทหารบกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาแจ้งความดำเนินคดีอาญาหมิ่นประมาทต่อผมและล่าม ผมได้ส่งข้อมูลดังกล่าวพร้อมคำแถลงการณ์ขององค์กรฮิวแมนไรท์วอซซ์ไปให้กับสำนักงานอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ (โอทีพี) เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินเปิดการตรวจสอบเบื้องต้นกรณีความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปี 2553 เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555 โดยมีใจความดังนี้
เราได้แนบเอกสารคำแถลงการณ์ขององค์กรฮิวแมนไรท์วอซซ์ ลงวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินของสำนักงานอัยการไอซีซี (โอทีพี) ที่ประกาศต่อจะสาธารณชนว่าจะเริ่มการตรวจสอบเบื้องต้นกรณีการสังหารและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติในประเทศไทยที่เกิดขึ้นในปี 2553
โดยมีประเด็นที่องค์กรฮิวแมนไรท์วอซซ์กล่าวถึงดังนี้:
  • ผู้บัญชาการทหารบกแทรกแซงการสอบสวนเหตุการณ์ความรุนแรงปี 2553 โดยบอกให้กระทรวงยุติธรรมหยุดกล่าวหาทหารว่าสังหารผู้ชุมนุมและห้ามแถลงรายงานความคืบหน้าการสอบสวนต่อสาธารณชน
  • ผู้บัญชาการทหารบกพยายามข่มขู่ผู้วิจารณ์โดยสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารแจ้งความดำเนินคดีภายใต้กฎหมายอาญาหมิ่นประมาทอันล้าหลังต่อนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ซึ่งเป็นหนึ่งในทนายของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (“นปช.”) และล่าม
  • “การทำร้ายโดยทหารเกิดขึ้นต่อหน้าของประชาชนไทยและสื่อมวลชนทั่วโลก แต่ตอนนี้ผู้บัญชาการทหารบกพยายามข่มขู่พนักงานสอบสวนและผู้วิจารณ์ให้ปิดปากเงียบ”
  • “จนถึงปัจจุบันไม่มีทหารหรือเจ้าหน้าที่คนใดต้องรับผิดต่อเหตุการณ์ความรุนแรงปี 2553 เนื่องจากการสอบสวนดำเนินไปอย่างเชื่องช้า”
  • การไม่ยอมรับความจริงของผู้บัญชาการทหารบกที่ว่ามีการใช้พลซุ่มยิงทหารเป็นเรื่องที่ “น่าขบขัน” เพราะรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นลงลายมือชื่อในเอกสารอนุมัติการใช้พลซุ่มยิง
  • “จำนวนพลเรือนผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจำนวนมาก – รวมถึงผู้ชุมนุมมือเปล่า อาสาพยาบาล นักข่าว ช่างภาพและผู้ยืมมุงดูเหตุการณ์เกิดจากการกำหนด ‘เขตใช้กระสุนจริง’ ของรัฐบาลในบริเวณสถานที่ชุมนุมของนปช.ในกรุงเทพฯ”
เราเชื่อว่าข้อมูลนี้จะช่วยสนับสนุนการตัดสินของท่านในการประกาศต่อสาธารณชนว่าจะเริ่มการตรวจสอบเบื้องต้นในกรณีนี้เพิ่มขึ้น
เราขอขอบคุณท่านล่วงหน้าในพิจารณาดังกล่าว

ด้วยความเคารพ
โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม


 

จดหมายเปิดผนึกถึงพลเอกประยุทธ์ จันโอชา



เรียนพลเอกประยุทธ์ จันโอชา
แม้ว่าข่าวที่ท่านสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแจ้งความดำเนินคดีอาญาหมิ่นประมาทต่อผมและล่ามอาจทำให้หลายคนรู้สึกตกตะลึง แต่สำหรับผมแล้วข่าวนี้ไม่ใช้เรื่องน่าแปลกประหลาดเลย เป็นเวลานานที่กลุ่มบุคคลซึ่งหวาดกลัวในระบอบประชาธิปไตยและความจริงในประเทศไทยใช้ระบบตุลาการเป็นเครื่องมือปิดปากและข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตาม บทบาทการทำงานของผมในนามของเหยื่อจากเหตุการณ์ความรุนแรงโดยรัฐที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์มีความสำคัญมากและไม่ทำให้ผมรู้สึกกลัว ท่านและพวกพ้องของท่านในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรเข้าใจผิด — ผมยังคงยืนกรานมุ่งมั่นเพื่อนำผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ปี 2553 มารับผิดทางกฎหมาย
หลังจากอ่านคำสัมภาษณ์ของท่านล่าสุดตามหน้าสื่อมวลชน ผมรู้สึกประหลาดใจที่ท่านบอกว่าต้องการ “ปกป้องชื่อเสียงของทุกคนในกองทัพ” ผมขอพูดว่า ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในกองทัพเป็นชายหนุ่มซึ่งมีเกียรติ มีความซื่อสัตย์ และกล้าหาญ ทหารบางนายต้องเสี่ยงชีวิตตนเองระหว่างการปฏิงานในภาคใต้และที่อื่นๆทุกวัน แน่นอนว่าชื่อเสียงของพวกเขามีคุณค่าและควรที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครอง
อย่างไรก็ตาม คำถามของผมถึงท่านคือ ใครคือผู้รับผิดชอบต่อการทำลายชื่อเสียงของทหารผู้มีเกียรติและรักชาติหลายพันนายในกองทัพไทย? ผมขอบอกท่านว่าชื่อเสียงของชายหนุ่มเหล่านี้แปดเปื้อนอย่างมาก มิใช่เพราะคำพูดของกลุ่มบุคคลที่ต้องการนำตัวผู้บังคับบัญชาของพวกเขามารับผิดทางกฎหมาย แต่เกิดจากการกระทำของผู้บังคับบัญชาของพวกเขาในหลายทศวรรษที่ผ่านมา การเสวยสุขจากระบบการทำผิดแล้วลอยนวล ตลอดระยะเวลาดังกล่ว รวมถึงคำสั่งให้ใช้พลซุ่มยิงและพลแม่นปืนยิงพลเรือน  เนื่องจากผมให้ความเคารพต่อทหารไทยอย่างมาก ดังนั้นผมจึงไม่พอใจที่ท่านพยายามจะใช้ทหารเหล่านี้เป็นเกราะกำบังเพื่อปกป้องระบบการทำผิดแล้วลอยนวลและผู้มีอำนาจ
หากท่านจริงจังในการปกป้องชื่อเสียงของทหาร ท่านไม่ควรจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ในดำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกหาข้ออ้างให้กับพฤติกรรมการกระทำอาชญากรรม แต่ควรสร้างกองทัพไทยให้เป็นสถาบันที่บุคคลซึ่งละเมิดสิทธิมนุษยชนต้องรับผิดทางกฎหมาย  และขั้นตอนแรกที่จะเป็นประโยชน์คือ ปล่อยให้มีการสอบสวนอย่างเหมาะสม โดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างยุติธรรมโดยไม่คำนึงถึงสถานะของผู้กระทำความผิด และพนักงานสอบสวนนั้นจะต้องไม่ถูกขู่เข็ญให้ “ขอโทษ” ท่าน เพราะการทำงานของเขา การสอบสวนที่เปิดเผยและโปร่งใสควรจะรวมถึงการค้นหาสาเหตุการเสียชีวิตของเหล่าทหารที่คอกวัวและที่อื่น แน่นอนว่าท่านคงไม่ปฏิเสธโอกาสที่จะนำความยุติธรรมมาให้กับครอบครัวทหารซึ่งเสียชีวิตในปี 2553 เหมือนเช่นเหยื่อทุกคน ใช่หรือไม่?
โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม

19
ส.ค.

ข้อแนะนำพลเอกประยุทธ์เรื่องการปกป้องชื่อเสียงกองทัพ

หนึ่งวันหลังจากประกาศแผนการแจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาทต่อนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมที่ปรึกษากฎหมายของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ แห่งชาติ (นปช.)ผู้บัญชาการทหารบก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาอธิบายต่อสื่อว่าทำไปตามหน้าที่เพื่อ “ปกป้องชื่อเสียงของทุกคนในกองทัพ”
นายอัมสเตอร์ดัมต้องการย้ำเตือนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาว่าชื่อเสียงอันย่ำแย่ซึ่งกองทัพไทยได้รับในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเกิดจากการที่ผู้นำกองทัพโปรดปรานการทำรัฐประหารและการทำลายประชาธิปไตย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำของกลุ่มบุคคลที่ต้องการปกป้องสิทธิมนุษยชน
หากพลเอกประยุทธ์ต้องการที่จะปรับปรุงชื่อเสียงกองทัพ จริงๆ ซึ่งตรงข้ามกับการปกป้องการทำผิดแล้วลอยนวลของตนเอง พลเอกประยุทธ์ควรหยุดข่มขู่เจ้าหน้าที่สอบสวนและร่วมมือกับนายอัมสเตอร์ดัมเรียกร้องให้มีการสอบสวนกรณีการปราบปรามปี 2553 อย่างเต็มที่และสมบูรณ์ และเมื่อพิจารณาจากหลักฐานจำนวนมากที่ยืนยันการกระทำอาชญากรรมต่อมนุษยชาติซึ่งก่อโดยกองทัพของพลเอกประยุทธ์ การโจมตีผู้ส่งสารจะนำมาซึ่งความฉ่าวโฉ่อันมากขึ้นเท่านั้น

18
ส.ค.

แถลงการณ์นายอัมสเตอร์ดัมกรณีกองทัพไทยเข้าแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท

ในวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555 หนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยมติชนรายงานว่าผู้บัญชาการทหารบก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามอบหมายให้ พ.ท.สายัณห์ ขุนขจีฟ้องร้องดำเนินคดีหมิ่นประมาททางอาญาต่อนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษากฎหมายของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ แห่งชาติ (นปช.)
การแจ้งความเกิดจากคำปราศรัยของนายอัมสเตอร์ดัมในกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 วันครบรอบที่กองทัพปราบปรามการชุมุนมอย่างทารุณซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของประชาชน 98 ราย ในระหว่างการปราศรัย ซึ่งสามารถเข้าไปดูวิดีโอแบบเต็มได้ที่นี่ นายอัมสเตอร์ดัมประณามประวัติการสังหารหมู่พลเรือนของกองทัพไทยและวิจารณ์รัฐบาลสหรัฐว่าขายอาวุธและฝึกกองทัพไทยเพื่อสังหารพลเรือนอยู่เป็นประจำ คำปราศรัยของนายอัมสเตอร์ดัมถูกแปลเป็นภาษาไทย ดังนั้นจึงมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อล่ามด้วยเช่นกัน พลเอกประยุทธ์กล่าวหาว่าข้อความดังกล่าวทำลายชื่อเสียงของกองทัพไทย
ข่าวเรื่องการแจ้งความทางอาญาต่อนายอัมสเตอร์ดัมและล่ามเกิดขึ้นในปลายสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กองทัพไทยและอดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ได้ออกมาข่มขู่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งมีหน้าที่สอบสวนการปราบปรามการชุมนุมปี 2553 อย่างเปิดเผย รวมถึงตอบโต้สื่อที่ถามเรื่องการใช้พลซุ่มยิงสังหารประชาชนในปี 2553 อย่างรุนแรง เป็นเรื่องชัดเจนที่นายอภิสิทธิ์และพลเอกประยุทธ์รู้สึกจนตรอกมากขึ้นเรื่อยๆ ในความพยายามที่จะปกป้องระบบการทำผิดแล้วลอยนวลซึ่งบ่งบอกถึงถึงความมีประสิทธิภาพของการทำงานของนายอัมสเตอร์ดัมและทีมงาน
นายอัมสเตอร์ดัมยังคงยืนยันตามคำปราศรัยของเขาและมุ่งมั่นทำงานเพื่อนำตัวผู้นำระดับสูง (รวมถึงพลเอกประยุทธ์และอดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) มาลงโทษในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่ก่อขึ้นในระหว่างการปรามปรามการชุมนุมของคนเสื้อแดงในเดือนเมษายนและพฤษภาคมปี 2553 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แน่นอนในครั้งนี้คือ คนที่สังหารพลเรือนเพื่อปกป้องอำนาจและอภิสิทธิ์ของตนจะไม่สามารถรอดพ้นจากการรับผิดในการกระทำของพวกเขาอย่างแน่นอน

8
ส.ค.

สหภาพรัฐสภาสากลรับพิจารณากรณีการถอดถอนนายจตุพรออกจากการเป็นสส.

คณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสมาชิกรัฐสภา
สหภาพรัฐสภาสากล
เรียน คณะกรรมาธิการ
เมื่อพิจารณาว่าผู้ให้ข้อมูลยืนยันว่าข้อหาทางอาญาของนายจตุพรที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของเขาในการชุมนุมของคนเสื้อแดงปี 2553 เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก ข้อหาการเข้าร่วมในการชุมนุมที่ผิดกฎหมายมาจากใช้อำนาจฉุกเฉินที่มิชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลที่แล้ว และการแจ้งข้อหาก่อการร้ายที่นายจตุพรและแกนนำเสื้อแเดงคนอื่นเกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง (ผู้ให้ข้อมูลระบุว่าในขณะที่รัฐบาลกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงก่อความรุนแรงหลายครั้ง แต่ไม่มีหลักฐานว่าแกนนำของพวกเขามีบทบาทในการวางแผนโจมตีทำร้าย หรือแม้แต่ล่วงรู้แผนการเหล่านั้น)
เมื่อพิจารณาว่าจะมีการพิจารณาคดีดังกล่าวในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 และผู้ให้ข้อมูลกลัวว่าศาลจะสั่งคุมขังนายจตุพรอีกครั้ง และข้อเท็จที่คณะกรรมาธิการควรรู้คือประเทศไทยเป็นภาคีกับ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ไอซีซีพีอาร์) และดังนั้นจึงมีพันธะที่จะปกป้องสิทธิดังกล่าว
1. มีความกังวลอย่างมากว่านายจตุพรถูกถอดถอนจากการเป็นสส.ด้วยมูลเหตุที่ปรากฎว่าฝ่าฝืนพันธะในการปกป้องสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของประเทศไทยโดยตรง
2. เมื่อพิจารณาว่ารัฐธรรมนูญไทยบัญญัติว่าการตัดสิทธิ์ทางการเมืองของบุคคลที่ “ถูกคุมขังโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย” ในวันเลือกตั้ง เป็นการขัดขวางไม่ให้บุคคลซึ่งถูกกล่าวหาทางอาญาจากการใช้สิทธิ์เลือกตั้งซึ่งขัดแย้งกับบทบัญญัติในไอซีซีพีอาร์ มาตรา 25 ซึ่งรับรองสิทธิในการ “เข้าร่วมกับกิจกรรมทางสาธารณะ” และ “ลงคะแนนเสียงหรือลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่จัดขึ้นอย่างแท้จริงตามกำหนดเวลา” โดยปราศจาก “ข้อจำกัดอันไม่สมเหตุสมผล”
3. พิจารณาได้ว่าในกรณีนี้ว่าการปฏิเสธไม่ให้มีการปล่อยตัวชั่วคราวของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเรือนจำเพื่อใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งคือ “ข้อจำกัดอันไม่สมเหตุสมผล” โดยเฉพาะในบทบัญญัติไอซีซีพีอาร์ที่รับรองให้สัณนิษฐานบุคคลซึ่งถูกกล่าวหาทางอาญาว่าเป็นผู้บริสุทธ์ (มาตรา 14) และ “ต้องแยกการปฏิบัติให้เหมาะสมต่อสถานะของบุคคลที่ยังไม่ถูกพิพากษาลงโทษ” (มาตรา 10(2)(a)) การถอดถอนนายจตุพรยังขัดกับจิตวิญญาณของมาตรา 102(4) ของรัฐธรรมนูญไทยซึ่งบัญญัติว่าบุคคลซึ่งต้องโทษทางอาญาไม่รวมถึงบุคคลที่ถูกกล่าวหาทางอาญาเท่านั้นที่จะเสียสิทธิ์ในการลงสมัครรับเลือกตั้งในวันสมัครลงแข่งขันเลือกตั้ง
4. นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นธรรมในการถอดถอนนายจตุพรออกจากเป็นสมาชิกพรรการเมืองในครั้งหนึ่งทั้งที่ไม่มีการระบุว่าเขากระทำความผิดใดและปรากฎอย่างชัดเจนว่าคำปราศรัยของเขาเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพทางการแสดงออกซึ่งยืนยันโดยการยกร้องในเวลาต่อมา และยังมีความกังวลว่าศาลอาจสามารถตัดสินเรื่องกรณีสมาชิกภาพในพรรคการเมืองของเขา แต่เมื่อกรณีนี้เป็นกรณีส่วนตัวอย่างชัดเจนเด็ดขาดระหว่างนายจตุพรและพรรคของเขา และไม่มีความขัดแย้งระหว่างพวกเขาในข้อพิพาทดังกล่าว
5. เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากกรณีที่กล่าวไปข้างต้น เจ้าหน้าที่รัฐไทยซึ่งมีศักยภาพจะทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อจะพิจารณาการถอดถอนนายจตุพรอีกครั้งและประกันว่าบทบัญญัติทางกฎหมายในปัจจุบันจะสอดคล้องกับมาตราฐานสิทธิมนุษยชนสากลอย่าแท้จริง และเราหวังว่าจะค้นหาความเห็นของเจ้าหน้าที่ให้กรณีดังกล่าว
6. มีความกังวลเกี่ยวกับมาตารฐานทางกฎหมายและข้อเท็จจริงที่ใช้อ้างอิงในข้อหาที่กำลังรอการพิจารณาคดีของนายจตุพรแเละความเป็นไปได้ที่ศาลอาจสั่งคุมขังเขาอีกครั้ง และเราหวังว่าจะได้รับสำเนาเอกสารชีแจงข้อกล่าวหาและได้รับการแจ้งถึงผลของการพิจารณาคดีในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 และการพิจารณาคดีครั้งต่อไป เมื่อพิจารณาวถึงความกังวลในกรณีนี้ อาจะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ที่จะมองหาความเป็นไปได้ที่ส่งผู้สังเกตการณ์ร่วมรับฟังการพิจารณาคดี และร้องขอให้สำนักงานเลนุการพิจาณาเรื่องนี้
7. ร้องขอให้สำนักงานเลนุการถ่ายทอดคำตัดสินนี้ไปยังเจ้าหน้าซึ่งมีความสามารถและผู้ให้ข้อมูล
8. ตัดสินว่าจะมีการตรวจสอบกรณีดังกล่าวในการประชุมครั้งต่อไป ในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภาสากลครั้งที่ 127 (ตุลาคม ปี 2555)

7ส.ค.

คำร้องเพิ่มเติมเพื่อร้องขอให้สำนักงานอัยการเริ่มการตรวจสอบเบื้องต้นกรณีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปี พ.ศ. 2553

คำร้องเพิ่มเติมเพื่อร้องขอให้สำนักงานอัยการเริ่มการตรวจสอบเบื้องต้นกรณีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่เกิดขึ้นในปร…


ที่มา http://robertamsterdam.com/thai/

.................................................................



เสียงจาก ชาวดิน  ออนเน็ต

ข่าวทีวีช่วงหลังนี้ เห็น ท่านพลเอกประยุทธ์ จันโอชา ออกมาพูดบ่อยเหลือเกินเรื่องทหารที่เข้าสลายการชุมนุมว่า ทหารทำตามหน้าที่ แน่นอนครับ ชาวบ้านเขาก็เชื่อว่าทหารไทยเคร่งคัดระเบียบวินัยและเชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา และประชาชนคนให้ความเป็นธรรมกับทหารกล้าของไทยเสมอด้วยความเคารพครับ...  และข่าวยังนำเสนอเรื่องที่ ท่าน ร.ต.อ.ดร.เฉลิม  อยู่บำรุง แถลงว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทหารที่ทำตามคำสั่งและจะกันไว้เป็นพยาน......  ทุกอย่างที่ผ่านมาทั้งคำพูดของทหารใหญ่น้อยล้วนเป็นเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีทั้งสิ้นครับ ตอนนี้เหลือแค่พูดออกมาให้ชัดครับว่าใครคือคนสั่งการให้ทหารกระทำ เพราะคนทั้งประเทศเขารอคำตอบและเห็นคนที่ออกคำสั่งให้มีการเข่นฆ่าประชาชน ถูกดำเนินคดีตามกฏหมายครับ

คุณมาร์คและคุณเทพเทือก ก็พูดถึงผู้ก่อการร้ายชายชุดดำบ่อยมาก ในสถานการณ์ช่วงนั้นชุดดำมีเหลายกลุ่มนะครับแค่ใส่เสื้อยืดสีดำ เสื้อคลุมสีดำ หรือคลุมใส่โม่งดำ ความชัดเจนมันเห็นและรู้กันมานานแล้วว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร ...หรือบางครั้งท่านพลเอกประยุทธ์ ก็บ่นว่าทีทหารที่ถูกกระทำทำไมไม่มีใครพูดถึงบ้าง
ชุดพรางโม่งดำ


..อย่าน้อยใจสิครับ มีคนพูดถึงทั่วบ้านทั่วเมืองแต่ท่านพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ยินเองครับ โดยเฉพาะทหารที่ปกป้องแผ่นดินและประชาชนอย่าง เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ที่ถูกกระทำต่อหน้าประชนและนักข่าวทั้งไทยและต่างชาติ คนทั้งโลกยังตะลึงเลยว่า ทำได้อย่างไร ใครสั่งให้กระทำ

ท่านพลเอกประยุทธ์ ครับ ท่านอย่าลืมปกป้องศักดิ์ศรีและทวงความยุติธรรมให้กับนายทหารกล้าท่านนี้นะครับ เอาตัวคนสั่งฆ่าและคนลั่นไกมาลงโทษให้ได้ครับ เพราะนี่คือทหารในกองทัพของท่านและลักษณะที่โดนลอบยิงก็เหมือนกับที่คนเสื้อแดงหลานคนโดนซุ่มยิงจาก   สไนเปอร์ ตามที่ชาวบ้านเขาเรียกกันและไม่ได้โดนยิงด้วยกระสุนซ้อมรบหรือกระสุนยางแน่นอนครับ นี่คือนายทหารที่เป็นถึงผู้ทรงคุณวุฒฺของกองทัพบกเลยนะครับ ..ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดที่ชายแดนหรือสามจังหวัดชายแดนใต้ คงไม่แปลก  แต่นี่เกิดขึ้นใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย ท่านก็อาจจะบอกว่าไม่มีใครอยากให้เกิด แน่นอนครับประชาชนที่มาชุมนุมก็ไม่มีใครอยากให้เกิด ถ้าทหารอยู่ในกรมกองหรือตามชายแดนรับรองว่าเหตุการณ์ประชาชนถูกยิงตาย 98 ศพ บาดเจ็บอีก 2000 กว่าคน คงจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน........

เข้าใจเสมอครับว่าทหารต้องทำตามหน้าที่และทำตามคำสั่ง


ยรรยง  ลูกชาวดิน
29 ส.ค.2555





ไม่มีความคิดเห็น: