วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"ประยุทธ์" โต้ "แม่น้องเกด" ทหารไม่จำเป็นต้องขอโทษ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ย้ำกองทัพดูแล ปชช.โดยไม่เลือกสี



มติชนออนไลน์
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 12:14:18 น
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1337922874&grpid=&catid=01&subcatid=0100

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 พฤษภาคม ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมารดาน้องเกดจะมายื่นหนังสือให้กองทัพบกขอโทษจากเหตุการณ์การกระชับพื้นที่กลุ่มคนเสื้อแดงว่า ขอโทษเรื่องอะไร ตนเคยขอโทษแสดงความเสียใจไปแล้ว แต่ไม่ใช่จะให้มารับผิดคงคนละเรื่องกัน ตนก็แสดงความเสียใจกับทุกคนที่เสียชีวิต ซึ่งทหารก็มี แล้วใครจะมาขอโทษทหารอยากถามว่า มีหรือไม่ ดังนั้นก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ตนคิดว่าอย่าเอา 2 เรื่องมาปนกัน เรื่องหนึ่ง คือการเยียวยา ซึ่งตนทราบดีว่าทุกคนเดือดร้อน วันที่ออกมารับเงินเยียวยาก็ยังร้องห่มร้องไห้กันเพราะต้องดูแลครอบครัว ขอให้เป็นบทเรียนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว โดยเฉพาะทหารก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะพาดพิงใครก็ตามไม่อยากให้มีใครเกิดขึ้น ดังนั้น ต้องไปคิดทบทวนว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร แล้วทำอย่างไรจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก

"สิ่งที่รัฐบาลเยียวยาไปแล้วเป็นนโยบายของฝ่ายบริหาร หากกฎหมายให้ทำได้ก็ทำไป ผู้ที่ได้ประโยชน์คือผู้ที่บาดเจ็บและเสียชีวิต ก็ไปทบทวนกันเองว่ามันถูกหรือผิด มันได้หรือไม่ได้ แต่ประเด็นสำคัญคืออย่าให้เกิดขึ้นอีก ตั้งแต่ผมอยู่ในกองทัพมาก็ไม่เคยเห็นใครเขาสั่งให้ไปฆ่าประชาชน หรือใช้คำว่าไปปราบ ไปล้อมปราบ คำพวกนี้เลิกพูดเสียที ขอร้องกัน ถึงเวลากองทัพก็ไปดูแลประชาชนทุกคน ไม่ได้เลือกสี เพราะทุกคนคือประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และเป็นญาติพี่น้องของทหารทั้งสิ้น แต่ทหารจำเป็นต้องมีระเบียบวินัย เมื่อต้องทำหน้าที่เขาก็ต้องทำให้ดีที่สุด นั่นคือความเป็นทหาร ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เกิดความรุนแรง ให้เกิดความแตกแยกต้องไปแก้กันที่กระบวนการอื่น สิ่งที่ผมพูดไปหลายครั้งแล้วว่าการเยียวยาการดูแลผู้ได้รับผลกระทบต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะคนเหล่านี้เป็นคนยากจนทั้งสิ้น แต่ไม่ใช่ว่ากองทัพโดยผมจะต้องออกมาขอโทษ เพราะผมแสดงความเสียใจสำหรับผู้เสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น นอกนั้นก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ภรรยาของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เคยยื่นหนังสือเพื่อทวงถามความคืบหน้าของคดีนั้น ขณะนี้ส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอยู่ ตอนนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ตอบมาแล้วว่าเขากำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ตนไม่สามารถจะไปก้าวล่วงได้ ต้องรู้จักเคารพในกติกาบ้าง ทหารเคารพกติกาตลอด ดังนั้น ทุกคนต้องมองด้วยใจเป็นธรรมว่าบทบาทของกองทัพอยู่ตรงไหน ทหารคือข้าราชการส่วนหนึ่งซึ่งต้องปฏิบัติตามระเบียบวินัย ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เมื่อใดที่เกิดปัญหาขึ้นก็มาว่ากัน มาแก้ไขกัน ดังนั้นอย่าเอาทุกเรื่องมาปนกันมันก็ยุ่งไปหมดแล้วก็แก้ไม่ได้สักเรื่อง ขอให้เคารพในกฎหมายและกติกา ที่ผ่านมาจะเห็นว่ากองทัพไม่เคยมีสิ่งที่เป็นความขัดแย้งออกมาเลย เพราะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ เป็นกฎหมาย เป็นวินัย ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกันในการทำหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือกระทรวงใด ก็ยังทำงานกันทุกกระทรวงเหมือนเดิม ดังนั้นทหารเป็นของประชาชนอย่าแบ่งทหารออกไปให้เกิดความแตกแยกกับคนอื่นกับประชาชน เมื่อใดก็ตามที่ทหารกับประชาชนแยกกันแล้ว ตนบอกไว้เลยว่าประเทศชาติอยู่ไม่ได้ ดังนั้นใครทำก็จำไว้ด้วย
.............................................................................................



***ประเด็นคำพูด***จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

1.... ตั้งแต่ผมอยู่ในกองทัพมาก็ไม่เคยเห็นใครเขาสั่งให้ไปฆ่าประชาชน หรือใช้คำว่าไปปราบ ไปล้อมปราบ คำพวกนี้เลิกพูดเสียที.......

ถามกลับ -  แล้วที่เป็นข่าวออกไปทั่วโลกนั้น ภาพทหารที่ออกมาไล่ยิงประชาชนนอนตายเกลื่อนถนน ท่านผู้ตอบหูหนวกตาบอดถูกต้อง

2.....ดังนั้นทหารเป็นของประชาชนอย่าแบ่งทหารออกไปให้เกิดความแตกแยกกับคนอื่นกับประชาชน เมื่อใดก็ตามที่ทหารกับประชาชนแยกกันแล้ว ตนบอกไว้เลยว่าประเทศชาติอยู่ไม่ได้ ดังนั้นใครทำก็จำไว้ด้วย

ถามกลับ - ทหารล่ะคิดแบ่งแยกออกจากประชาชนและแบ่งแยกประชาชน หรือเปล่า ..ถ้าตอบว่าไม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็น 1 ในขุนพลที่ร่วม ปฏิวัติยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549 แบบนี้ก็แสดงถึงความเรื่องข้างหรือเปล่า หรือจะบอกว่าที่ทำไปนั้น ทำตามหน้าที่ ทำตามคำสั่ง ผู้บังคับบัญชา   **เพราะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ เป็นกฎหมาย เป็นวินัย ** ใช่ไหมครับ ถ้าใช่ กองทัพไทยน่าจะย้อนกลับไป ใช้ ช้าง ม้า วัว ควาย เป็นพาหนะ เหมือนในอดีต น่าจะดีกว่านะครับ

3........กลับไปที่ ข้อ 1.... ตั้งแต่ผมอยู่ในกองทัพมาก็ไม่เคยเห็นใครเขาสั่งให้ไปฆ่าประชาชน หรือใช้คำว่าไปปราบ ไปล้อมปราบ คำพวกนี้เลิกพูดเสียที

ถามกลับ - การที่มีนายทหารที่เคยเป็นโฆษก ศอฉ. เคยแถลงข่าว และให้การกับ ดีเอสไอ ไว้ว่า ทหารทำตามคำสั่งนั้น ศอฉ. นั้น ก็เป็นการให้การเท็จใช่ไหมครับ ..และถ้าบอกว่า ตั้งแต่ผมอยู่ในกองทัพมาก็ไม่เคยเห็นใครเขาสั่งให้ไปฆ่าประชาชน  ... ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ทหารทำลงไป ตั้งแต่ เหตุการณ์ เมษายน 2552 และ เมษายน-พฤษภาคม 2553   ก็แสดงว่า รับสารภาพแล้วใช่ไหมครับ ว่า ทหารออกคำสั่งเองให้ล้อมปราบล้อมฆ่าประชาชน  ....ที่กล่าวมา มีทั้งภาพและวีดีโอ ที่ศื่อทั่วโลกนำเสนอ


4........กลับไปที่ ข้อ 2.... เมื่อใดก็ตามที่ทหารกับประชาชนแยกกันแล้ว ตนบอกไว้เลยว่าประเทศชาติอยู่ไม่ได้ ดังนั้นใครทำก็จำไว้ด้วย

ถามกลับ - เมื่อใดก็ตามที่ทหารกับประชาชนแยกกันแล้ว ... ผมก็อยากรู้นักว่าใครกันแน่ที่จะอยู่ไม่ได้ ประเทศชาติอยู่ได้แน่เพียงแต่จะอยู่ในรูปแบบใด ประชาชนคงอยู่คู่ประเทศชาติเสมอ ..แต่ทหารถ้าไม่มีกองทัพที่ ผบ.ทบ. คิดแบบนี้ ประชาชนก็สามารถสร้างกองทัพและสรรหา ผบ.ทบ. ทหารคนใหม่ได้ ใครที่เป็นพวก ผบ.ทบ. คนนี้ทุกเหล่าทัพ ถ้าคิดว่า ประชาชนไม่ยอมรับไม่เข้า อยากอยู่อย่างสบายใจ แสดงความรับผิดชอบอบ่างจริงใจ อย่าอ้างหน้าที่และความรับผิดชอบเลยครับ ...ลาออกไปเลยครับ   ..ผมอยากรู้ว่า ถ้าไม่มีพวกท่านแล้ว หากมีใครคนใหม่ๆที่เข้ามา จะทำหน้าที่ได้ไหม ถ้าออกมาบอกว่า ยังทำหน้าที่ไม่จบ ก็แสดงว่า สำคัญตัวเองมากไปหรือเปล่า หรือ มีเหตุผลอื่นๆ




ไม่มีความคิดเห็น: