วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"คอลัมน์ชาวดินออนเน็ต" รำลึก ณ ราชประสงค์




***คอลัมน์ ชาวดินออนเน็ต***   



*** ณ ราชประสงค์ ***

ณ  ราชประสงค์           ยังคงมีกลิ่นดินปืน

แว่วเสียงสะอื้น             เสียงปืนยังก้องในหู

ผู้คนมากมาย              หลบหนีตายต่างวิ่งกันกรู

เหตุการณ์ฆ่าหมู่            ติดหูติดตาฝั่งใจ


หยดเลือดรินไหล           หญิงชายล้มตายหลายคน

บาดเจ็บมากล้น              โอดร้องทุรนทุราย

บ้างพลัดพี่น้อง              เพื่อนพ้องบางคนสูญหาย

มันช่างโหดร้าย             คนไทยถูกฆ่าทารุณ


ศพแล้ว  ศพเล่า             พวกเขาทำผิดอะไร

ต้องการประชาธิปไตย       แต่สิ่งที่ได้คือห่ากระสุน

ยัดข้อกล่าวหา              แล้วไล่ล่ายิงร่างแหลกพรุน

ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ        แต่มารสถุนมันไร้เมตตา


ณ  ราชประสงค์             ยังคงสร้างกันต่อไป

สร้างตึกสูงใหม่             สูงล้ำด้วยค่าราคา

แต่คนที่ตาย                   มอดไหม้ไม่ฟื้นคืนมา

เลือดและน้ำตา                ถูทาทั่วราชประสงค์

..........
                      ยรรยง   ลูกชาวดิน
                  5 มิ.ย.53
                    

ในช่วงนั้นผมเองยังอยู่ไม่เป็นที่หลังเหตุเหตุ 19 พ.ค.53 แต่ก็ยังพอมีเวลาเขียนไว้บ้าง แต่ก็ไม่มีเวลาเอาไปให้นักร้องเสื้อแดงคนไหนร้อง เพราะมันยุ่งยากเหลือเกินในช่วงนั้นที่จะเดินทางไปหาใคร ..และไม่อยากเป็นปัญหาหรือถูกกล่าวหาว่านำปัญหามาให้คนที่เขาอยู่ดีแล้ว  ก็เก็บเอาไว้ โดยทีแรกว่าจะเอาลงที่ เว็บที่เคยเขียนเหล่านี้

แต่จำรหัสเข้าไม่ได้ก็เลยไม่ได้นำไปลง จนมีเพื่อนชวนมาทำเว็บบล็อกอีก ก็รอให้เพื่อนๆทำเลยเข้ามาร่วมกับเพื่อนอีกที่นี่ ..... และนี่ก็ใกล้วันครบรอบ 2 ปี เหตุการณ์ราชประสงค์แล้ว ถือเอาผลงานที่เขียนชิ้นนี้ รำลึกถึงคนที่ตายจากไป  ด้วยเหตุผลที่เขาเหล่านั้นไม่สมควรที่จะต้องตายเลย


แต่ก็มีคนสั่งการ บงการ และดำเนินการ ทำให้คนไทยหลายคนต้องตายไป โดยผู้เกี่ยวข้องยังลอยนวล



.....................................

วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

(เพิ่มเติม) ตัดสินคดี sms ‘อากง’ ผิดคดีหมิ่น+พ.ร.บ.คอมพ์ จำคุก 20 ปี


(แฟ้มภาพ: วันสืบพยานสุดท้าย 30 ก.ย.54)

ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญา รัชดา วันนี้ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่นายนายอำพล (สงวนนามกุล) อายุ 61 ปี หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “อากง” ซึ่งถูกฟ้องว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยข้อกล่าวหาว่าส่งเอสเอ็มเอสที่มีข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปยัง โทรศัพท์ของเลขานุการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี

ศาลพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดจริงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพระราชบัญญัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาตรา 14 อนุ 2 และ 3 ลงโทษจำคุก 20 ปี

ทั้งนี้ ศาลใช้วิธีอ่านคำพิพากษาผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอรเรนซ์ เนื่องไม่สามารถนำตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาได้เพราะน้ำท่วมเรือนจำ หลังฟังคำพิาพากษา ภรรยา ลูกและหลานๆ ของนายอำพลพากันร่ำไห้ ขณะที่มีประชาชนผู้สนใจคดีดังกล่าวร่วมฟังคำพิพากษาราว 30 คน
สำหรับรายละเอียดการพิพากษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้พิพากษา ชนาธิป เหมือนพะวงศ์ ขึ้นบังลังค์เวลา 10.25 น. ที่ห้องเวรชี้ ชั้นล่างของศาลอาญาศาลพิพากษาว่า ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่โจทก์ได้จาก DTAC และ TRUE นั้นเป็นหลักฐานที่ผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องจัดเก็บโดยระบบคอมพิวเตอร์ตาม ที่กฎหมายกำหนด หากผู้ให้บริการจัดเก็บไม่ถูกต้องลูกค้าย่อมไม่เชื่อถือ อาจเสียประโยชน์ทางธุรกิจได้ ดังนั้นจึงถือว่าหลักฐานข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ที่ได้รับถือเป็นเอกสารที่ น่าเชื่อถือ

สำหรับประเด็นสำคัญในคดีที่จำเลยตั้งประเด็นว่า หมายเลขอีมี่ หรือรหัสประจำเครื่องโทรศัพท์อาจถูกปลอมแปลงได้นั้น จำเลยไม่สามารถหาตัวผู้เชี่ยวชาญมายืนยันได้ ส่วนประเด็นที่ว่า เอกสารในสำนวนฟ้องที่หมายเลขอีมี่หลักที่ 15 ไม่ตรงกับหมายเลขอีมี่ในเครื่องโทรศัพท์ คือในเอกสารบางจุดแสดงว่าเป็นเลข 0 บางจุดแสดงว่าเป็นเลข 2000 ขณะที่ในเครื่องโทรศัพท์จริงๆ เป็นเลข 6  ศาลวิเคราะห์ว่า หมายเลขอีมี่ 14 หลักแรกเท่านั้นที่มีความสำคัญ ตามที่พ.ต.อ.ศิริพงษ์ ติมุลา จากกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เบิกความและได้พิสูจน์ด้วยการใช้เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบเลขอีมี่แสดงให้เห็น ในศาลแล้วว่า เมื่อพิมพ์รหัส 14 หลักแรกตามด้วยรหัสสุดท้ายหมายเลข 6 จะปรากฏข้อมูลว่าเป็นเครื่องโทรศัพท์ยี่ห้อโมโตโรล่า ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับโทรศัพท์ของกลาง แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเลข 0-5 และ 7-9 ทั้งที่ควรปรากฏว่าเป็นเครื่องรุ่นอื่น แต่จากการทดสอบในเว็บดังกล่าวกลับไม่ปรากฏว่าเป็นรุ่นใดเลย จึงยิ่งชี้ให้เห็นชัดว่าหมายเลข 14 หลักแรกเท่านั้นที่ใช้ในการระบุตัว ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง

นอกจากนี้ เนื่องจากหมายเลขอีมี่ในคดีนี้ตรงกับหมายเลขอีมี่ของโทรศัพท์ยี่ห้อ โมโตโรล่าที่นายอำพลใช้ และรับว่าใช้อยู่ผู้เดียว จึงยากที่จะมีผู้อื่นนำไปใช้ได้ และพบว่ามีการใช้โทรศัพท์เครื่องนี้กับซิมการ์ด 2 เลขหมาย ซึ่งจากหลักฐานชี้ชัดว่า ซิมการ์ดทั้งสองหมายเลขถูกใช้ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน แต่ไม่เคยถูกใช้งานในเวลาที่ซ้ำกัน จึงเชื่อได้ว่าผู้กระทำความผิดได้นำซิมการ์ดมาสลับใช้อย่างที่เจ้าหน้าที่ ตำรวจตั้งสมมติฐานไว้ นอกจากนี้ข้อมูลการจราจรยังระบุว่าข้อความถูกส่งโดยเสาสัญญาณจากย่านที่ จำเลยพักอาศัยอยู่ด้วย
   
การที่จำเลยอ้างว่า โทรศัพท์มือถือของจำเลยเสียจึงนำไปซ่อมที่ร้านในห้างอิมพีเรียลสำโรง ศาลเห็นว่าจำเลยให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน กล่าวคือ จำเลยแจ้งในชั้นจับกุมว่าโทรศัพท์มือถือเคยเสียและนำไปซ่อมเมื่อเดือน พฤษภาคม 2553 แต่แจ้งในศาลว่านำไปซ่อมเมื่อเดือนเมษายน 2553 อีกทั้งยังจำร้านที่นำโทรศัพท์ไปซ่อมไม่ได้ ทั้งที่การนำไปซ่อมต้องไปที่ร้านถึง 2 ครั้งคือตอนนำไปซ่อม และไปรับคืน จึงถือว่าข้อมูลส่วนนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ


ศาลเห็นว่า ข้ออ้างของจำเลยที่กล่าวอ้างว่า ส่งSMS ไม่เป็น และไม่รู้จักเบอร์โทรศัพท์ของนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข เลขานุาการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ นั้น มีแต่จำเลยเท่านั้นที่รู้เห็น เป็นการง่ายที่จะกล่าวอ้าง

แม้โจทก์จะไม่สามารถนำสืบพยานให้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าจำเลยเป็นผู้ที่ ส่งข้อความตามฟ้องจากโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องดังกล่าว ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนายสมเกียรติ แต่ก็เพราะเป็นการยากที่โจทก์จะสามารถนำสืบได้ด้วยประจักษ์พยาน เนื่องจากจำเลยซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดดังกล่าวย่อมจะต้องปกปิดการกระทำของ ตนมิให้บุคคลอื่นได้ล่วงรู้ จึงจำเป็นต้องอาศัยเหตุผลประจักษ์พยานแวดล้อมที่โจทก์นำสืบเพื่อชี้วัดให้ เห็นเจตนาที่อยู่ภายในศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นเวลา 10.43 น. รวมระยะเวลา 18 นาที พิพากษาให้จำเลยมีความผิดในการส่งข้อความสั้นตามฟ้อง

 โดยข้อความดังกล่าวมีลักษณะดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้าย และเป็นการใส่ความหมิ่นประมาททำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่และสมเด็จพระบรม ราชินีนาถ ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นอกจากนี้การส่งเอสเอ็มเอสจะต้องส่งผ่านระบบคอมพิวเตอร์ก่อนประมวลผลไปถึง โทรศัพท์เคลื่อนที่ปลายทาง ซึ่งข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง ประกอบข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไปว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงเปี่ยมไปด้วยพระ เมตตา ทรงห่วงใยประชาชนทุกหมู่เหล่า ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อปวงชนชาวไทย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการนำเข้าสู่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

จำเลยจึงมีความผิดตาม มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2551 มาตรา 14 (2) และ (3) การกระทำของจำเลยมีหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรม แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นโทษหนักสุด ให้จำคุกกระทงละ 5 ปี ความผิด 4 กระทง รวมโทษจำคุกทั้งหมด 20 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ซึ่งนั่งอยู่กับนายอำพลที่เรือนจำในห้องฟังคำพิพากษาได้กล่าว ผ่านระบบคอนเฟอร์เรนซ์ถามว่าคำพิพากษาว่าอย่างไร เพราะตลอดการฟังคำพิพากษาได้ยินเสียงไม่ชัด เจ้าหน้าที่ศาลจึงแจ้งอย่างสั้นๆ ไปว่า “ลุงติดคุก 20 ปี"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ภายหลังฟังคำตัดสิน ครอบครัวนายอำพล ซึ่งประกอบด้วยภรรยา บุตรสาว 3 คน หลานสาว 4 คน อายุตั้งแต่ 4-11 ปี ได้เดินทางไปเยี่ยมนายอำพลที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และได้สอบถามเจ้าหน้าที่เรือนจำได้ความว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่มีอำนาจควบคุมผู้ต้องขังที่โทษสูงกว่า 15 ปี ดังนั้นจึงต้องมีการส่งตัวผู้ต้องขังไปยังเรือนจำคลองเปรม ซึ่งเป็นที่คุมขังนักโทษเด็ดขาด ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าเยี่ยม ยกเว้นญาติและทนายความ และมีความเป็นไปได้ว่าจะย้ายภายในวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.นี้



0000000

 

รายละเอียดคดี
ที่มา: ilaw.or.th

ชื่อคดี : คดี "ลุง sms"
โจทก์ : พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 สำนักงานอัยการสูงสุด

จำเลย :
อำพล (สงวนนามสกุล)

ข้อหา: 
มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(2), (3)

หมายเลขคดี :
คดีหมายเลขดำที่ อ. 311/2554

ข้อมูลพื้นฐาน :

จำเลย ถูกกล่าวหาว่าใช้โทรศัพท์มือถือ หมายเลข 081-349-3615 ส่งข้อความอันอาจเป็นการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ และหมิ่นประมาทใส่ความให้ร้ายสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทั้งหมด 4 ครั้งไปยังโทรศัพท์มือถือหมายเลขโทรศัพท์ 081-425-5599 ของนายสมเกียรติ  ครองวัฒนสุข  ขณะดำรงตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553
3 สิงหาคม 2553 จำเลย วัย 61 ปี ถูกจับกุมในข้อหากระทำความผิดตามมาตรา 14 (2), (3) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา และคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข (คปค.) ฉบับที่ 41 โดยข้อความดังกล่าวมีลักษณะหยาบคาย เข้าข่ายจาบจ้วง ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
จำเลยให้การปฏิเสธ ตั้งแต่ชั้นจับกุม โดยกล่าวว่าไม่รู้จักวิธีการส่ง SMS และหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ส่งนั้นก็ไม่ใช่ของตน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าผู้ส่งข้อความหักซิมการ์ดทิ้งไปแล้ว จึงสืบเบาะแสจากหมายเลขประจำเครื่อง (IMEI)
จำเลยเคยประกอบ อาชีพขับรถส่งของ ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรแล้วเนื่องจากอายุมากและพูดไม่ถนัดหลังการ ผ่าตัดมะเร็งใต้ลิ้นตั้งแต่ปี 2550 ทุกวันนี้อาศัยอยู่กับภรรยาในห้องเช่าราคาเดือนละ 1,200 บาท ย่านสำโรง จังหวัดสมุทรปราการ และอยู่ได้ด้วยเงินที่ได้รับจากลูกๆ อีกเล็กน้อย แต่ละวันมีหน้าที่ต้องเลี้ยงหลาน 3-4 คน
หลังถูกจับกุมเมื่อ วันที่ 3 ส.ค.53 เขาถูกคุมตัวในเรือนจำนวน 63 วัน และได้ประกันตัวเมื่อวันที่ 4 ต.ค.53 หลังจากนั้น ในวันที่ 18 ม.ค. 54 อัยการมีคำสั่งฟ้องคดี จำเลยจึงต้องถูกควบคุมตัวอีกครั้ง ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวโดยให้เหตุผลว่า ข้อเท็จจริงตามข้อหาการกระทำความผิดตามฟ้องกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนและ ความมั่นคงของประเทศอย่างร้ายแรง คดีอยู่ในชั้นพิจารณา หากผลการพิจารณาสืบพยานมีหลักฐานมั่นคงจำเลยอาจหลบหนี ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
นายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข ผู้กล่าวหาในคดีนี้ ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี แจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมความผิดทางเทคโนโลยี หลังจากได้รับ SMS จากเบอร์โทรศัพท์หมายเลข 0813493615 ที่ส่งมายังเครื่องของตนในวันที่ 9, 11, 12, 22 พ.ค. 2553 รวมจำนวน 4 ข้อความ
นายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข เป็นเลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 54 มติคณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่าย การเมือง
หลังการแจ้งข้อกล่าวหา กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยียื่นขอคำสั่งศาล ให้ออกหมายจับศาลอาญา รัชดา ที่ 1659 /2553 ลงวันที่ 29 ก.ค.53 ข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตาม ป.อาญา มาตรา 112 มีโทษจำคุก 3-15 ปี
3 สิงหาคม 2553 เวลา 7.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ 15 นาย นำโดย พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.ท.สุทธิเวท บุญยรัตกลิน สว.กก.1 บก.ป. พร้อมด้วยสื่อมวลชน เข้าจับกุม นายอำพล ตั้งนพกุล ที่บ้านเลขที่ 52 หมู่ที่ 1 ต.คลองสวน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยจับกุมได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ระหว่างซอยวัดด่านสำโรง 17/1 และซอยวัดด่านสำโรง 19 หมู่ที่ 4 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโมโตโรล่า 2 เครื่อง และยี่ห้อเทเลวิซ อีก 1 เครื่อง ซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า
จำเลยปฏิเสธข้อหา ตั้งแต่ชั้นจับกุม โดยกล่าวว่าไม่รู้จักวิธีการส่งข้อความสั้นบนโทรศัพท์มือถือ ไม่เคยส่งเอสเอ็มเอสเลย เพราะส่งไม่เป็น มีโทรศัพท์ไว้สำหรับโทรออกอย่างเดียว และเขากล่าวด้วยว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ส่ง SMS นั้นไม่ใช่เบอร์ของเขา และโทรศัพท์เครื่องที่จำเลยใช้งานอยู่นั้นเคยเป็นของลูกเขย ซึ่งให้เขาเอามาใช้อีกทีหนึ่ง
พล.ต.ท.ไถง กล่าวผ่านหนังสือพิมพ์มติชนว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ส่งข้อความตามที่ถูกกล่าวหา แต่ยอมรับว่า โทรศัพท์ทั้งหมดเป็นของตนจริง แต่ได้เลิกใช้ไปนานแล้ว ทั้งนี้ผู้ต้องหาไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง จึงไม่เชื่อว่าจะทราบเบอร์โทรศัพท์มือถือของบุคคลสำคัญของประเทศและส่ง ข้อความที่ไม่เหมาะสมได้ จึงเชื่อว่าจะมีผู้สนับสนุนหรืออยู่เบื้องหลัง และยังเชื่อว่าจำเลยเป็นฮาร์ดคอร์กลุ่มคนเสื้อแดง จ.สมุทรปราการ ที่ กอ.รมน. ขึ้นบัญชีดำไว้ด้วย
จำเลยถูกจับกุมโดยไม่ได้รับการประกันตัวเป็นเวลา 63 วัน จากนั้นในวันที่ 29 ก.ย.53 ทนายความยื่นประกันตัวครั้งที่สอง โดยใช้ที่ดินของญาติเป็นหลักทรัพย์ และเมื่อวันที่ 4 ต.ค.53 ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า หลักประกันน่าเชื่อถือได้ว่าจำเลยจะไม่หลบหนี
18 ม.ค. 54 อัยการมีคำสั่งฟ้องนายอำพลเป็นจำเลยในคดีที่มีการส่งข้อความหมิ่นเบื้องสูง ไปยังนายกรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญ มีความผิดตามมาตรา 14 (2),(3) ตามพ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวตเตอร์ฯ และมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา
หลังมีคำสั่งฟ้อง ทนายความยื่นขอประกันตัวอีกครั้งโดยใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ คำร้องของทนายความส่วนหนึ่งระบุว่า ผู้ร้องไม่มีพฤติการณ์ในการหลบหนีใดๆ เลย เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเพียงชายสูงอายุธรรมดาอาศัยอยู่กับภรรยา ลูกสะใภ้ และหลาน 3 คนในห้องเช่าในจังหวัดสมุทรปราการ ผู้ร้องไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ เพราะอายุมากแล้ว ผู้ร้องยังชีพด้วยเงินที่บุตรของผู้ร้องส่งให้เดือนละประมาณ 3,000 บาท และใช้สิทธิการรักษาตามหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นอกจากนี้ผู้ร้องยังเป็นโรคมะเร็งช่องปากซึ่งต้องไปพบแพทย์เฉพาะทางที่ โรงพยาบาลราชวิถีอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 ก่อนถูกจับกุมหากผู้ร้องมีหน้าที่รับส่งหลานๆไปยังโรงเรียน หากออกไปทำธุระนอกบ้านผู้ร้องก็ต้องกลับมาอาศัยที่บ้านเสมอ และในขณะจับกุมผู้ร้องซึ่งมีอายุ 60 ปี ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 15 นายพร้อมกับสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง ผู้ร้องและบุคคลในครอบครัวผู้ร้องยังมีอาการตระหนกตกใจ และผู้ร้องก็ไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือขัดขืนการจับกุมใดๆ ทั้งนี้เมื่อผู้ร้องได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวนผู้ร้องก็มา รายงานตัวต่อศาลอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพนักงานอัยการนัดหมายมาฟ้องคดีผู้ร้องก็รีบเตรียมเอกสารและหาหลัก ประกันโดยเร็วให้ทันนัดหมายของพนักงานอัยการเพื่อไม่ให้เนิ่นช้าออกไป ด้วยเหตุที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้ร้องไม่เคยมี พฤติการณ์ใดๆและไม่มีความสามารถซึ่งจะทำให้ศาลอาญาเกรงว่าผู้ร้องจะหลบหนี ได้
คำร้องของทนายความยังอ้างว่า การควบคุมตัวผู้ร้องระหว่างการพิจารณาจะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพในชีวิตและ ร่างกายโดยตรงของผู้ร้องและไม่เป็นประโยชน์ใดๆต่อการพิจารณาคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ร้องมีปัญหาทางสุขภาพ มีโรคร้ายประจำตัว และผู้ร้องซึ่งยังไม่ได้ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดจึงมีสิทธิใน การได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 39 วรรคสอง วรรคสาม มาตรา 40(7)
ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาต ให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยให้เหตุผลว่า พิเคราะห์ความหนักเบาของข้อหา ตลอดจนพฤติการณ์แห่งคดีเป็นการกระทำต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินีและองค์รัชทายาท นับเป็นเรื่องร้ายแรงและกระทบความรู้สึกของปวงชนชาวไทย หากให้จำเลยปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จึงยกคำร้อง


จำเลยถูกควบคุมตัวจนปัจจุบัน ระหว่างช่วงเวลาที่ถูกจับกุม ทนายความยื่นเรื่องขอประกันตัวอีกหลายครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาต
6 ตุลาคม 2554 หลังการสืบพยานทุกปากเสร็จเรียบร้อย ทนายความยื่นขอประกันตัวอีกครั้ง ด้วยหลักทรัพย์เป็นที่ดินของญาติจำเลย ที่ศาลอาญารัชดา แต่ศาลไม่ให้ประกันเนื่องจาก ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
ระหว่างการพิจารณาคดี ศาลได้นัดหมายให้ทำการสืบพยานโจทก์ และสืบพยานจำเลย ดังนี้
  23 กันยายน 2554 (สืบพยานโจทก์ ศาลอาญา ห้อง 801)
27 กันยายน 2554 (สืบพยานโจทก์ ศาลอาญา ห้อง 801)
28 กันยายน 2554 (สืบพยานโจทก์ ศาลอาญา ห้อง 801)
30 กันยายน 2554 (สืบพยานจำเลย ศาลอาญา ห้อง 801)


หมายเหตุ ประชาไทมีการเพิ่มเติม-แก้ไขเนื้อหา เมื่อเวลา 15.10 น. 23 พ.ย.54

ความตายของอากง หนักแน่นป่านขุนเขา ยิ่งใหญ่กว่าผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์

แสดงความคิดเห็นโดย ลูกชาวนาไทย  ไทยฟรีนิวส์ ผ่านทวิตเตอร์

ตั๊กบงกช ดาวโป๊ดับอนาถ

ThaiFreeNews ‏ @ThaiFarmer_Son
การดำรงอยู่ของอากง เบายิ่งกว่าขนนก แต่ความตายของอากง หนักแน่นป่านขุนเขา
ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์ทั้งหลาย เพราะเขาอยู่ในหัวใจคน

ผมคิดว่าอาจมีดาราคนใด อิจฉาตั๊กบงกช ดาวโป๊ อยากให้ดับ ก็เลยยุให้ด่าอากง เพื่อเสื้อแดงจะได้เกลียด และสุดท้ายเสื้อแดงก็จะบอยคอตงานแสดงของตั๊ก

ตั๊กบงกช ดาวโป๊ ก็จะดับอนาถ เหมือนดาราเสื้อเหลือทั้งหลายก่อนหน้านี้ เสื้อแดงนั้นของจริง เกลียดดาราคนไหน บอยคอตแล้วดับทุกราย

กรณีอากง คงไม่ถึงกับล่มจักรวรรดิ์ แต่มันสั่นคลอนจักรวรรดิ์ได้ จักรวรรดิ์โรมัน ไม่ได้ล่มสลายในวันเดียว แต่มันสะสมความเสื่อมมาจากภายใน

แม้มีความเสื่อม จักรวรรดิ์โรมัน ก็ยังดูน่าเกรงขาม แต่ในที่สุด เมื่อเกิดวิกฤติอนารยชน เข้าโจมตี (ก็จลาจลนั่นแหละ) สุดท้ายจักรวรรดิ์ก็ล่มสลาย


19 กย. 2549 ก้าวแรก ของหนทางล่มสลายเหตุการณ์วันนี้มีผลมาจากเมื่อวาน

พวกเขาแค่ต้องการ กำจัดทักษิณ แค่ทำรัฐประหาร มันก็น่าจะจบ แต่นั่นคือ ก้าวๆ แรกของหนทางล่มสลาย จาก 19 กย. 49 มาถึงวันนี้มีเรื่องมากมาย

ไม่มีรัฐประหารกำจัดทักษฺิณ ก็ไม่มีกรณีดา ตอปิโด สุชาติ นาคบางไทร สมยศ และในที่สุด ก็อากง ไม่นึกว่าอากงจะตาย แต่ความตายของอากง สั่นสะเทือน

เรื่องที่คุมไม่ได้ ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น เป็นความต่อเนื่อง ที่ไม่รู้ว่าจุดจบมันจะอยู่ที่ใด ยิ่งพยายามปกป้องความเสียหาย มั่นยิ่งเสียหายมากขึ้น

ความตายของอากง จึงเหมือนค้อนขนาดมหึมา ทุบเข้าไปใจกลางจักรวรรดิ์ที่เสื่อมโทรม ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ มันสืบเนื่องกันไปเรือยๆ ไม่จบสิ้น

ทฤษฎี Chaos Theory เมื่อผีเสื้อกระพือปีก คือสาเหตุที่ทำให้เกิดพายุทอร์นาโดในอเมริกา ในอีกหนึ่งเดืนต่อมา ความตายของอากง เหมือนโยนกินลงในสระ

เราไม่รู้ว่า คลื่นที่เกิดจากหินที่ทุ่มลงไป เมื่อเวลาผ่านไป มันจะไปกระทบอะไร เกิดโดมิโน ตามมาเรือยๆ สรรพสิ่งทั้งหลายสืบเนื่องกันไป ไม่จบสิ้น

เหตุการณ์วันนี้ เป็นผลของเมื่อวานนี้ และก่อนหน้านั้นไม่มีจบสิ้น และมันจะส่งผลผ่านกาลเวลาไปเรื่อยๆ เช่นกัน กรณีอากง จึงสั่นสะเทือน ผ่านกาลเวลา

พวกเขาแค่ต้องการ กำจัดทักษิณ แค่ทำรัฐประหาร มันก็น่าจะจบ
แต่นั่นคือ ก้าวๆ แรกของหนทางล่มสลาย จาก 19 กย. 49 มาถึงวันนี้มีเรื่องมากมาย

ไม่มีรัฐประหารกำจัดทักษฺิณ ก็ไม่มีกรณีดา ตอปิโด สุชาติ นาคบางไทร
สมยศ และในที่สุด ก็อากง ไม่นึกว่าอากงจะตาย แต่ความตายของอากง สั่นสะเทือน

เรื่องที่คุมไม่ได้ ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น เป็นความต่อเนื่อง
ที่ไม่รู้ว่าจุดจบมันจะอยู่ที่ใด ยิ่งพยายามปกป้องความเสียหาย มั่นยิ่งเสียหายมากขึ้น

ความตายของอากง จึงเหมือนค้อนขนาดมหึมา ทุบเข้าไปใจกลางจักรวรรดิ์ที่เสื่อมโทรม
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ มันสืบเนื่องกันไปเรือยๆ ไม่จบสิ้น

ทฤษฎี Chaos Theory เมื่อผีเสื้อกระพือปีก คือสาเหตุที่ทำให้เกิดพายุทอร์นาโดในอเมริกา
ในอีกหนึ่งเดืนต่อมา ความตายของอากง เหมือนโยนกินลงในสระ

เราไม่รู้ว่า คลื่นที่เกิดจากหินที่ทุ่มลงไป เมื่อเวลาผ่านไป
มันจะไปกระทบอะไร เกิดโดมิโน ตามมาเรือยๆ สรรพสิ่งทั้งหลายสืบเนื่องกันไป ไม่จบสิ้น

เหตุการณ์วันนี้ เป็นผลของเมื่อวานนี้ และก่อนหน้านั้นไม่มีจบสิ้น
และมันจะส่งผลผ่านกาลเวลาไปเรื่อยๆ เช่นกัน กรณีอากง จึงสั่นสะเทือน ผ่านกาลเวลา


ขอขอบคุณ คุณ TFN จากไทยฟรีนิวส์ ที่นำเสนอบอกเล่าข้อมูลข่าวสารผ่าน http://www.tfn5.info/board/index.php?topic=37907.0




"ปรากฏการณ์อากง”“วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล” ตั้งคำถามเรื่อง “112


วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ได้ตั้งคำถามกับสังคมไทยรวมไปถึงเรียกร้องให้หันมาทบทวนกับประเด็นของกฏหมาย 112 กับสิทธิมนุษยชนกันอย่างจริงจัง

โดยมีคดี “อากง” เป็นกรณีศึกษาวิงวอนให้ทุกฝ่ายหันมาดูข้อมูล และ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ได้โพสต์ไว้ในหน้าเฟชบุ้คของตนดังนี้ 

Wannasingh Prasertkul (วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล)

ในฐานะประชาชนคนไทยที่มีความเคารพต่อสถาบันกษัตริย์และในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่ง อยากวิงวอนให้ทุกคนหันมาดูข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้อย่างจริงจังครับ นี่เป็นคดีสำคัญมากๆที่จะกำหนดทิศทางในเรื่องของสิทธิมนุษยชนในประเทศเราต่อไป โดยส่วนตัวอยากให้พิจารณาในประเด็นต่อไปนี้


1.  112  มีไว้เพื่อรักษาสถาบันกษัตริย์จริงหรือไม่ หากเรามองแบบแบ่งแยกเนื้อหาของมาตรา กับการบังคับใช้จริงที่ผ่านมา



2.  ความไม่โปร่งใสของกระบวนการอยู่ที่จุดไหน? ที่ศาล? หรือว่าเนื้อหาของตัวกฏหมายตั้งแต่แรก แล้วต้องแก้ไขอย่างไรและหากใครก็สามารถฟ้องหมิ่นได้ อะไรจะสามารถหยุดการใช้มาตรานี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองได้ (ในกรณีนี้เป็น สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา แต่กรณีอื่นๆนั้นไม่ใช่หน่วยงานก็ทำได้ และทำมาแล้ว)

แบ่งแยกให้ชัดเจน หมิ่น กับ วิพากษ์บทบาทสถาบันกษัตริย์ในเชิงวิชาการ
SMS 4 ข้อความติดคุก 20 ปี ยุติธรรมไหมห้ามไม่ให้คิด ได้ผลจริงหรือ

3. ส่ง SMS 4 ข้อความ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม โดน20ปีนั้น ยุติธรรมไหม แล้วในกระบวนการตัดสินที่ดูแค่เลข EMEI นั้นหากผมเอาโทรศัพท์คนที่ผมไม่ชอบมาส่งข้อความในเชิงหมิ่นออกไป ก็สามารถกลั่นแกล้งกันได้โดยง่ายดาย



4. มาตรากฏหมายเพื่อปกป้องการล่วงละเมิดสถาบันกษัตริย์นั้นต้องมีอยู่ แต่จะทำอย่างไร ที่จะแปรรูปกระบวนการให้ชัดเจนกว่านี้ และมีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนระหว่างการ “หมิ่น” และการ “วิพากษ์บทบาทของสถาบันที่มีต่อสังคมในเชิงวิชาการ”



5. หากลองมองถึงกลุ่มคนที่มีความคิดที่แตกต่างออกไปต่อสถาบันกษัตริย์จริงๆ
และลองพิจารณาประวัติศาสตร์ถึงกลุ่มต่างๆในทุกประเทศที่มีความคิดขัดแย้งกับบรรทัดฐานที่เป็นที่ยอมรับของสังคม และสำรวจดูว่า การ”ห้าม”ไม่ให้คิดให้พูดในแบบที่เค้าคิดนั้น ได้ผลจริงหรือไม่ สุดท้ายแล้วกฎหมายและ “การลงโทษ” เป็นเครื่องมือที่ได้ผลที่สุดจริงๆหรือเปล่าสำหรับการปกป้องสถาบันกษัตริย์ หรือว่ามันจะยิ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ทำให้กลุ่มที่ต่อต้าน ขยายตัวออกมากขึ้นเรื่อยๆ



6. “เสรีภาพส่วนตัวนั้นย่อมทำได้ ตราบใดที่ไม่สร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่น” เราได้ยินคำนี้กันมาบ่อยมาก แต่อาจจะต้องมาทบทวนกันอย่างจริงจังอีกครั้งว่า “การสร้างความเดือดร้อน” นั้นคืออะไร การออกความเห็นที่ทำให้คุณไม่พอใจนั้น ถือว่าเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้คุณหรือไม่



7. “แตกต่างไม่แตกแยก” เราพูดกันทุกวัน อาจจะถึงเวลาที่เราต้องทำกันจริงๆแล้ว แม้ว่าการปรับทัศนะคติส่วนตัว ระบบความเชื่อทุกอย่างที่มีมา มันจะยากแค่ไหนก็ตาม และหากต่างฝ่ายต่างรอให้อีกฝ่ายเริ่มก่อน สุดท้ายก็ไม่มีทางที่สันติจริงๆจะเกิดขึ้นได้สักที

 



''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''


นายวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล เป็นบุตรชายคนเล็กของ ครอบครัวอดีตแกนนำนักศึกษาเรียกร้องประชาธิปไตย 14ตุลาคม ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล กับ นักเขียนรางวัลซีไรต์ คุณจิระนันท์ พิตรปรีชา มีพี่ชาย 1 คนชื่อ แทนไท ประเสริฐกุล


'''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''


อ่านรายละเอียดคดีได้ที่ http://prachatai.com/journal/2011/11/37991




ขอขอบคุณข้อมูลข่าวสารจาก   คุณ TFN   จากเว็บไทยฟรีนิวส์   http://www.tfn5.info/board/index.php?topic=37907.0

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ปฏิทิน 98 ศพ




วงค์ ตาวัน :: วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.  ข่าวสดออนไลน์


ใกล้จะครบรอบ 2 ปี วัน 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งแน่นอนว่า จะมีการนัดชุมนุมใหญ่เพื่อรำลึกถึงประชาชนที่ชุมนุมทางการเมืองเพื่อเรียกร้องยุบสภา แต่ถูกผู้มีอำนาจในศอฉ.สั่งเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธจริงปราบปราม จนตายหมู่เกือบร้อยศพ

ตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ปราบประชาชนที่ประท้วงทางการเมือง

ตายมากกว่ายุคจอมพลถนอม 14 ตุลาคม 2516 ตายมากกว่า 6 ตุลาคม 2519 ตายมากกว่ายุครัฐบาลทหารรสช. เมื่อพฤษภาคม 2535

หลังเหตุการณ์นองเลือดปี 2553 มีตัวเลขคนตายมากถึง 91 ศพ

จากนั้นมีผู้เสียชีวิตต่อเนื่อง จนตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ 98 ศพ!

เป็นสถิติความตายที่สูงสุด ยิ่งกว่ายุครัฐบาลทหารเสียอีก

จึงกล่าวได้ว่า ความพยายามขยายคำว่าเผาบ้านเผาเมือง

เพื่อมากลบเกลื่อนคำสั่งใช้ความรุนแรงจนตายไป 98 ศพนั้น

จึงเป็นความพยายามที่ไร้ผลอย่างสิ้นเชิง

การเผาบ้านเผาเมืองเกิดในเย็นวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากใช้อาวุธปราบไปแล้วอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่าเดือน

และด้วยเพราะการสาดกระสุนดำเนินไปกว่า 1 เดือนนั่นเอง

ดังนั้นในวาระครบ 2 ปี ของเหตุการณ์ดังกล่าว จึงมีปฏิทินการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตต่อเนื่องหลายวัน!

วันที่ 13 พฤษภาคม นี้ มีการชุมนุมรำลึกถึงพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ที่ถูกลอบยิงด้วยสไนเปอร์ จัดที่บริเวณลานหน้าสวนลุมพินี จุดเกิดเหตุ เริ่มตั้งแต่ 9 โมงเช้า ไปจนถึงค่ำ ถึงช่วงนาทีที่มีการลั่นกระสุน

วันที่ 15 พฤษภาคม จัดรำลึกถึงน้องเฌอ นายสมาพันธุ์ ศรีเทพ หนุ่มน้อยนักกิจกรรมทางสังคมวัย 17 ปี

ชีวิตที่ทุ่มเททำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ไม่น่าจบลงอย่างรวดเร็วเกินไป

จบลงเพราะโดนสไนเปอร์ซุ่มยิง นอนตายที่ทางเท้าในซอยรางน้ำ

ภาพเหยื่ออำนาจรัฐ นุ่งกางเกงขาสั้น นอนกระตุกเลือดไหลเป็นทาง เป็นภาพข่าวที่แพร่ไปทั่ว คงจำกันได้ดี!

จะมีงานรำลึกที่จุดสังหารเด็กหนุ่มที่ไม่มีทางจะเป็นผู้ก่อการร้ายไปได้เลย ตั้งแต่ 4 โมงเย็นของวันที่ 15 พฤษภาคม เป็นต้นไป

จากนั้นวันที่ 19 พฤษภาคม ร่วมรำลึกถึงน้องเกดและ 6 ศพวัดปทุมฯ ตั้งแต่ 10 โมงเช้า

แล้วบ่าย 2 มีชุมนุมที่แยกราชประสงค์ จุดสุดท้ายที่ศอฉ.สั่งเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธหนักเข้ายึด

ไปฟังผู้คนเขามาทบทวนความจริงที่ว่า

การฆ่ากับการเผา อะไรคือเรื่องที่ต้องพูดถึงมากกว่า!




..........................................................................

แต่ที่แน่ๆ เรื่องใครสั่งฆ่าประชาชน ต้องมีการพูดแน่นอน 

พร้อมกับคำตอบปนประชดประชันจากมวลชน คงจะตอบพร้อมๆกันว่า

" หมาสั่งฆ่า"








ประมวลบทกวีที่เขียนขึ้นจากกรณี "อากง" เสียชีวิต



จากมติชนออนไลน์ วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 15:00:00 น.



เฟซบุ๊กกลุ่ม "กวีราษฎร์" (http://www.facebook.com/KwiRasdr ) รวบรวมบทกวีที่เขียนขึ้นหลังนายอำพล (ขอสงวนนามสกุล) หรือ "อากง" ผู้ต้องขังคดี 112 ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา มติชนออนไลน์ขออนุญาตนำบทกวีบางส่วนดังกล่าว มานำเสนอต่อไปนี้
ในที่สุด... 
อิสรภาพก็เดินทางมาถึงช้ากว่าความตาย
ยุติธรรมรอได้
หลีกทางให้บ้านเมืองสงบ
เขาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์
ในวันแห่งรักและพักรบ
สงครามยังไม่จบ
คนตายกี่ศพช่างแม่มัน!!!

เพียงคำ ประดับความ

8 พฤษภาคม 2555


ถึงคราที่คนไทย
ทำกับไทยเหมือนใช่คน
ป่วยมากทั้งยากจน
กลับจองจำระกำกาย

ผักชีมาโรยหน้า
พร่ำสัญญาไม่เว้นวาย
ปรองเขาเราดองตาย
คาคุกขังพันธนา

ปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ
ปิดได้หรือก็แต่ตา
ความจริงเป็นสัจจา
อันอุจาดไม่จืดจาง

สองมือที่อุดหู
ตวาดขู่ไม่เว้นวาง
ไหนเลยกลบเสียงคราง
สะอื้นแค้นทั้งแผ่นดิน

เกษียร เตชะพีระ


"ประชาชนแปรอักษร"

ประชาชนกำลังแปรอักษร
ขบวนแถวแม้ไม่เป็นระเบียบ
แต่พุ่งตรงดุจคำแถลงการณ์
ประชาชนมีอะไรจะบอก...

พวกเขามากันยังที่โล่ง
ไม่มีอาวุธเช่นเคย
ไม่มีที่กำบังเช่นเคย...

สิ่งที่แต่ละคนพกพามาได้
ก็เพียงวิญญาณของตนดวงหนึ่ง
ที่มุ่งมั่นสื่อสารความเป็นธรรม

ประชาชนยามชัดเจนดูดื้อรั้น
ประชาชนยามดื้อรั้นดูน่ากลัว

ในอิริยาบถต่างๆ ประชาชน
กำลังแปรอักษร
เมื่อคุณมองลงมาจากบนที่สูง
ก็คงอ่านออกอย่างง่ายดาย.

ลัดดา สงกระสินธุ์


ในที่สุดก็ได้ประกันตัว
หลักทรัพย์คือลมหายใจราคาถูก
ความเมตตายังมีอยู่จริง

คำพิพากษาสุดท้ายจะมาถึงในไม่ช้า
ไม่มีอะไรหนักอึ้งไปกว่านี้
ก็แค่เรียกวิญญาณกลับมาจองจำ
จนกว่าจะสิ้นโทษ

ช่างดีอะไรอย่างนี้
คนรักได้กลับมาพบกัน

เกรงอะไรกับเวลาที่เหลือ
พวกเขาได้ความทุกข์เศร้าของเราไป
เราได้ความเป็นมนุษย์กลับคืนมา
ลมหายใจส่งต่อแล้วในผู้คน

โทษทัณฑ์ที่เหลือ
ดวงวิญญาณที่เขาจะได้จองจำ
เป็นวิญญาณด้านชาของพวกเขาเองทั้งนั้น
ผู้ไม่ปรารถนาจะเป็นมนุษย์

รางชางฯ


วันนี้ไม่มีสายฝน
เช่นเดียวกับที่ไม่มีแสงแดด
สรรพสิ่งเหือดแห้งไปจากโลก

วันนี้ไม่มีความดีงาม
เช่นเดียวกับที่ไม่มีความทุกข์เศร้า
กระทั่งความหวังก็เหือดแห้งไปจากโลก

วันนี้ไม่มีคลื่นในทะเล
เช่นเดียวกับที่ไม่มีดอกไม้แย้มบานบนภูเขา
ความงามใดๆ ถ้าจะมีอยู่ก็ได้เหือดแห้งไปจากโลก

วันนี้ไม่มีความเกลียดชัง
เช่นเดียวกับที่ไม่มีความรัก
ความเอื้ออาทรใดใดก็ล้วนเหือดไปจากโลก

วันนี้ไม่มีพรุ่งนี้
เมื่อวานนี้ก็ไม่มีอยู่
ประวัติศาสตร์เหือดแห้งไปจากโลก

แผ่นดินแตกแห้งเย็นชา
ฟ้าจะรู้ไหมว่า
ฝนจะไม่ตกลงมาและน้ำตาจะพรูขึ้นจากผืนดิน

วิวัฒน์ เลิศฯ



...........................................................................................................




เมื่อศรัทธาสิ้น   แผ่นดินก็ร้าวแยก

รักเคยแจก เริ่มลดหมดความหมาย

เพชรขาดพลอย รายล้อมก็เดียวดาย

ไร้หาดทราย  ทะเล ฤา จะสวยงาม

ตั้งคำถาม   ร้องขอพอได้ไหม

หยุดใจร้าย  รังแกให้บอบช้ำ

เห็นด้อยกว่า  กลั่นแกล้งไม่ดูดำ

สร้างเวรกรรม  ทำร้ายชน...คน ใจมาร


  ยรรยง  ลูกชาวดิน
      11 พ.ค.55




เคาะสนิมแสดงตัวตนก่อนที่จะ ร่วมกิจกรรมกับเว็บนี้ กับคอลัมน์ชาวดินออนเน็ต โดย ยรรยง ลูกชาวดิน และผองเพื่อน




***อนิจา วาสนา ไพร่***

เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา
สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี
ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน
ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี
อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง
คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน


โดย ยรรยง ลูกชาวดิน

7 / มีนาคม / 2553
........

เคาะสนิมแสดงตัวตนก่อนที่จะ ร่วมกิจกรรมกับเว็บนี้
กับ ยรรยง ลูกชาวดิน

จดหมายถึงตั๊ก จากพี่โด่ง อรรถชัย อนันตเมฆ "เรื่องตั๊กคงไม่รู้"

 

 

 

เรื่อง..... ตั๊กคงไม่รู้


ตั๊ก คงไม่เข้าใจเรื่องอากง มันไม่ใช่อย่างที่ตั๊กแสดงความคิดออกมา

ตั๊ก รู้ไหว่าอากงไม่ใช่คนเสื้อแดง .... ??????

ตั๊กรู้ไหม ว่าอากงรักในหลวงเหมือนตั๊ก .....???????
( ที่บ้านอากงมีหลักฐานมากมาย ที่พี่เห็นในภาพอาจมากกว่าที่บ้านตั๊กซะด้วยซ้ำ )

ตั๊กรู้ไหมว่า อีมี่ โทรศัพท์ มือถือ ที่ใช้เป็นหลักฐานมัดอากงนั้น มันปลอมได้ ( มาบุญครองทำซ้ำขายมากมาย )

ตั๊กรู้ไหมว่า อากงส่งเอสเอ็มเอสหมืิ่นดังกล่าวไปยังเลขาอภิสิทธิ์

ตั๊กคิดไหมว่า หากใครสักคนต้องการส่งข้อความหมิ่นเพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่สถาบัน เขาจะส่งไปยังเลขา" ส่วนตัว " นายกเพื่ออะไร

ตั๊ก.... แล้วตั๊กคิดว่า เบอร์โทรศัพท์ ของเลขา" ส่วนตัว " ของนายกนี่มันหามาส่งกันง่าย ๆ หรือ แม้แต่ในศาลก็ยังไม่ได่พิสูจน์ว่าอากง รู้เบอร์นายสมเกียรติ " เลขาส่วนตัว " นายกนั่นได้อย่างไร

ตั๊กรู้ไหมว่า กระบวนการพิจารณาของศาลไทย เป็นระบบกล่าวหา ที่จำเลยต้องพิสูจน์เองว่า " ไม่ได้ทำ " ไม่ใช่อัยการต้องพิสูจน์ ว่า " จำเลยทำ " ดังนั้น บางเรื่องที่ยังมีข้สงสัย หากอากงพิสูจน์ไม่ได้ว่าไม่ได้ทำ ศาลก็อาจใช้ดุลย์พินิจ ตัดสินให้ติดคุกได้

ตั๊กรู้ไหม ว่า จากระบบกฏหมายดังกล่าว หากตั๊กตกที่นั่งเดียวกับอากง ตั๊กก็คงลำบาก

ตั๊กรู้ไหมว่า หากศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุด ตามกฏหมายยังถือว่า อากงปริสุทธิ์ และ อากงติดคุกอยู่ในฐานะคนบริสุทธิ์ จนตาย ( ยังมีคนที่ติดอยู่ในคุกในสภาพนี้อีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนไม่มีวาสนา )

ตั๊กรู้ไหม ว่า การรับสารภาพของอากง เป็นสิ่งที่ทนายแนะนำ เพราะ จะทำให้ติดคุกน้อยกว่าการยืนหยัดต่อสู้ความจริง

ตั๊กเข้าใจเรื่องการประกันตัวไหม รู้เรื่อง เขาให้กำนันเปาะวัฒนา อัศวเหม ประกันตัว ไหม

กระบวนการยุติธรรมไทยปัจจุบัน ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐมาก เปิดช่องให้ ผู้มีอำนาจ ผู้มีวาสนา ผู้ถือกฏหมาย เจ้าหน้าที่รัฐ มากมาย ด้วยคำว่า ดุลยพินิจ

ซึ่งบ่อยครั้ง ดุลยพินิจ ทางราชการ กับ ดุลยพินิจ ของประชาชนไม่ตรงกัน

ในกรณีของอากง ศาลใช้ดุลยพินิจ ว่า กลัวอากงหลบหนี จึงไม่ให้ประกัน ในขณะเวลาเดียวกัน สนธิ ลิ้มทองกุล ศาลให้ประกัน ทั้งที่อัตราโทษ 85 ปี มากกว่า อากง ถึง 70 ปี ( อากงโทษจำคุก 15 ปี )

เราคงไม่ตำหนิดุลยพินิจของศาล .... ( เพราะห้ามวิจารย์ )
แต่ถามจริง ๆ ในดุลยพินิตของตั๊ก ใครมันจะเอยากหนีมากกว่ากัน ระหว่างคนที่มีโทษจำคุก85 ปี กับ 15 ปี

และถ้าหาก เหตุการณ์นี้ ตกมาที่ตั๊กและญาติมิตรในอนาคต ตั๊กจะทำอย่างไร

แท้จริง ประเด็นของอากง มันเกี่ยวข้องกับคำถามที่ว่า " อากงผิดจริงหรืไม่ " ไม่ใช่ เรื่อง " หมืิ่นสถาบัน " อย่างที่ตั๊กเข้าใจ

ตั๊กรู้ไหมว่าการเมืองมันเป็นเรื่องสกปรก

ตั๊กเคยรู้หรือไม่ ว่าตลอดเวลามีคน ใช้สถาบันเป็นเครื่องมือ ทางการเมือง ในการใส่ร้ายฝ่ายตรงกันข้าม

ตั๊กเคยได้ยิน เรื่อง ที่คนตะโกนในโรงหนัง ว่า " ปรีดีย์ ฆ่าในหลวง " ไหม ( ไปหาอ่านได้ตามเว๊ปไซด์ต่างๆ พิมพ์ในกุเกิลก็น่าจะมี )

ตั๊กคิดว่าพวกที่ใช้สถาบันเป็นเครืองมือ กับ อากง ใครเป็นภัยต่อในหลวงมากกว่า กัน ถ้ารักในหลวง ตั๊กควรทำอย่างไร

สุดท้าย อยากให้ตั๊กรู้ว่า คนที่ออกมาต่อสู้้เรื่องอากง ไมได้มีแต่คนเสื้อแดง แต่มีนักวิชาการ อาจารย์ มากมาย ที่ไม่ใช่คนเสื้อแดง ตั๊กรู้ไหมว่าพวกเขาไม่ได้มาต่อสู้พียงเพื่ออากง แต่เขามาต่อสูเพื่อ ตั๊ก และ ครอบครัวด้วย

แท้จริงพวกเขามาต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของคนไทย ต่อสู้เพื่อมนุษย์ทุกคนที่อาจไม่ได้รับความเป็นธรรมจากากระบบกฏหมายไทยที่ยังมีข้อบกพร่อง จนอาจเป็นเครื่องมือของใครต่อใครที่มีอำนาจ ซึ่งในที่สุด เมื่อสังคมมีกระบวนการยุติธร รมที่เป็นธรรม ทุกคนก็จะได้รับประโยชน์ แม้แต่ ตั๊ก ครอบครัวของตั๊ก ลูกของตั๊กในอนาคต สามีตั๊ก คนที่ตั๊กรัก แม้แต่คนเสื้อทุกสี ก็จะได้รับประโยชน์ จากการต่อสู้ของพวกเขาในครั้งนี้

อยากให้ตั๊กได้รู้ว่า ตั๊กคือคนหนึ่งที่พวกเขาออกมาต่อสู้เพื่อ ....

พี่รู้จักตั๊ก เชื่อว่าแทจริงแล้ว ตั๊กมีจิตใจที่ดี ตรงไปตรงมา และ เป็นคนรากหญ้า เชื่อว่าที่ตั๊กโพสถ์ออกมาแบบนั้น ก็เพราะ ตั๊กไม่รู้ ดังนั้น ตั๊กต้องขจัดความไม่รู้ ความไม่เข้าใจ โดยด่วน

ตั๊กไม่ใช่คนโง่ แต่ที่ตักไม่รู้ พี่วิเคราะห์ว่าเพราะตั๊ก " ไม่ฟัง "
และ การไม่ฟังอาจเกิดจาก " อคติ "

เราเป็นดารา มีชีวิตมีอาชีพวันนี้ได้ แท้จริงก็เพราะประชาชน
เรา เป็นคนของประชาชน ต้องรักประชาชน ประชาชนทุกคน มีบุญคุณกับตั๊ก " ไม่เว้นแม้แต่อากง "   

 พี่เชื่อว่า ในช่วงชีวิตอากง อากงและครอบครัว ต้องเคยสนับสนุนตั๊กบ้าง ไม่มาก ก็ น้อย

น้าทอม ดันดี เคยพูดว่า " ข้าวชามน้ำจอก ที่ชาวบ้านให้เรากิน เราอย่าลืมบุญคณ "  


 แค่ขจัดอคติทีมีกับประชาชน รับฟังพวกเขาบ้าง แค่นี้ก็ดีมากแล้ว

หวังว่าตั๊กคงได้อ่านที่พี่เขียน และทบทวนสิ่งที่ตัวเองคิดให้ดี เชื่อพี่ รักประชาชน กตัญญูต่อประชาชน รับใช้ประชาชน อยู่ข้างประชาชน แล้วจะเจริญอย่างมีเสรีภาพ

 
 
ครับ
 
พี่โด่ง
 
 
 
 












 

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

ทหารเหลวล้างสมองหมู่บ้านเสื้อแดงเป็นสีขาวล่ม

เป้าหมายทหาร5หมู่บ้านเสื้อแดงยุคบุกเบิก




พอทหารมาถึงก็ทำเนียนใส่เสื้อแดงแล้วแขวนป้ายเปลี่ยนเป็นหมู่บ้านสีขาว



นายทหารชี้แจงโครงการหมู่บ้านสีขาว
"ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 เรามีความชำนิชำนาญในการทำงานมวลชน ในกระบวนการของวิทยากรกระบวนการเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เพื่อให้ชุมชนมาศึกษาอดีต พิจารณาปัจจุบัน  และมองหาอนาคต ในการแก้ปัญหาของชุมชนเอง วิทยากรกระบวนการมีหน้าที่ในการจัดการ จัดระเบียบความคิดให้ ตามที่พ่อแม่ พี่น้อง ประชาชน ในแต่ละชุมชน ในแต่ละหมู่บ้าน พร้อมกันนั้นก็อาจจะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เกิดเป็นเครือข่ายกัน ในการแก้ปัญหาร่วมกัน" พ.ต.สุภัทร ชูติภัทร หน.ฝ่ายกิจการพลเรือน กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี กอ.รมน.ภาค2











มาอบรมต้านยาเสพติดยังไงไม่ทราบ เครื่องมือสื่อสารเพียบ
ปฏิบัติการจิตวิทยา ปจว.ทหารรักเด็ก แต่ดูสีหน้านี่ไม่ได้ทั้งคู่..

ตอนชาวบ้านเผลอก็ไปแอบซุ่มป่าละเมาะรายงานข่าวนาย

แกนนำหมู่บ้านเสื้อแดงไปให้ความรู้ทหาร ฟังเสร็จเปลี่ยนมาใส่เสื้อแดง


ผู้สื่อข่าวว้อยซ์ทีวีไปทำข่าว ทหารบอกมาตามนายสั่งครับ
"นายสั่งมาให้ประจำการ หมู่บ้านเสื้อแดง จนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2555 ครับ"


สุดท้ายอ้ายเสือ..ถอย!


ให้ถอยก่อนเหรอครับ ครับนายครับ


Thai E-News
ที่มาภาพข่าว : facebook อานนท์ แสนน่าน แกนนำหมู่บ้านเสื้อแดง










 

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

นปช.แสดงจุดยืนหนุนงานรดน้ำกระดูกน้องเกด เตือนปูปรองดองอำมาตย์เปรมต้องยุติธรรมกับประชาชน




ความเหมือนที่แตกต่าง-(ภาพบนจากfacebook Yingluck Shinawatra)นายกฯยิ่งลักษณ์พารองนายกฯเข้าพบพลเอกเปรมที่บ้า่นสี่เสาอวยพรสงกรานต์ (ภาพกลาง)นายอภิสิทธิ์ พาครม.ทั้งคณะเข้าขอบคุณพลเอกเปรมหลังจัดตั้งรัฐบาลเมื่อปลายปี2551 (ภาพล่าง)ส.ส.น้องเดียร์ ลูกสาวเสธ.แดง ร่วมงานรดน้ำกระดูกน้องเกดที่แยกราชประสงค์(ภาพ:เจเจสาทร)



มื่อเวลา 15.20 น. วันนี้ (26 เม.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย สวนเสื้อสีชมพู ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก รวมด้วยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกเดินทางจากอาคารรัฐสภา โดยรถตู้ป้ายแดง ทะเบียน 3438 ไปยังบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ สี่เสา เทเวศร์ เพื่อรดน้ำขอพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์และวันขึ้นปีใหม่ไทย ตามที่ได้นัดหมายไว้ โดยเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะเข้าพบผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เพื่อขอพรในเทศกาลสำคัญ
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยงยุทธได้เตรียมกระเช้าผลไม้และพวงมาลัยดอกไม้และขนมหวานไปเป็นของขวัญให้กับ พล.อ.เปรมในครั้งนี้ด้วย
       
       ทั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เหตุที่ไม่ได้สวมเสื้อสีชมพูเหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายยงยุทธ เนื่องจากไม่มี (ภาพข่าว:ASTVผู้จัดการ)


      รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3 รายงานว่าคณะนายกรัฐมนตรีออกจากบ้านสี่เสาในเวลา 16.00 โดยนายยงยุทธให้สัมภาษณ์ว่า พลเอกเปรมได้กล่าวอวยพรคณะ และให้ทำงานเพื่อประเทศชาติ และได้หารือเป็นการส่วนตัวกับนายกฯ โดยฝากให้สนับสนุนโครงการที่พลเอกเปรมดูแลอยู่ เช่น โครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ และโครงการอื่นๆของพลเอกเปรม

     สถานีโทรทัศน์TPBSรายงานว่า งานนี้ไม่ได้อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวภายในบ้านสี่เสา และได้สัมภาษณ์พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีผู้ใกล้ชิดพลเอกเปรมว่า การเข้าขอพรผู้ใหญ่เป็นประเพณีอันดีของไทย    

               

   

   

   

   

     

         

โอ๊คโพสต์ลงเฟซบุ๊คศรัทธาในวีรกรรมความกล้าหาญน้องเกด


ขอระลึกถึงน้องเกดเนื่องในวันคล้ายวันเกิดปีที่27นะครับ น้องเกดยอมเสียสละชีวิตเพื่อเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องที่บาดเจ็บจากการชุมนุมและเข้าไปพักรักษาตัวในวัดปทุม ถึงแม้ผมจะไม่เคยมีโอกาสได้เจอน้องเกดมาก่อนแต่ก็มีความศรัทธาเมื่อได้ทราบในวีรกรรมความกล้าหาญของน้อง ขอให้น้องเกดไปสู่สุขคติครับ (ที่มาfacebook:Oak Panthongtae Shinawatra)

42 ·  · 



 แม่น้องเกดบอกไม่ได้จัดงานประชันปูรดน้ำเปรมเพราะตรงวันเกิดน้องเกด   

ภาพจัดงานรดน้ำกระดูกน้องเกดที่แยกราชประสงค์ท่ามกลางสื่อมวลชนมุง (ภาพ:เจเจสาทร)



กรุงเทพธุรกิจออนไลน์รายงานว่า คนเสื้อแดงเดินทางร่วม "รำลึกน้องเกด" ที่แยกราชประสงค์ อย่างต่อเนื่อง แม่น้องเกดเผยไม่เกี่ยว "ยิ่งลักษณ์" พบ "พล.อ.เปรม"

บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณแยกราชประสงค์ฝั่งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์เริ่มคึกคัก บรรดาคนเสื้อแดงรวมถึงนักวิชาการต่างเดินทางถึงบริเวณที่ชุมนุม เพื่อเตรียมขึ้นเวทีปราศรัยในเวลา 17.00 น.



โดยนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาน้องเกด เปิดเผยว่า การชุมนุมในครั้งนี้เพื่อรำลึกถึงน้องเกดที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมืองในปี 2553 รวมถึงเป็นวันคล้ายวันเกิดของน้องเกดอีกด้วย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่นายกรัฐมนตรีและรองนายกฯเดินทางเข้ารดน้ำ พล.อ.เปรม แต่อย่างใด แต่ต้องถามกลับไปถึง 'พล.อ.เปรม' ว่าทำไมถึงตอบรับรัฐบาลให้เข้าพบในวันนี้

ขณะเดียวกันมีกลุ่มคนเสื้อแดงต่างทยอยเดินทางมายังบริเวณที่ชุมนุมอย่างต่อเนื่องโดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 50 นาย ดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด



แม่น้องเกดเผยกระซิบบอกทักษิณไม่เอานิรโทษกรรม


นางพะเยาว์กล่าวบนเวทีช่วง19.00น.ว่า มีคนมาบอกให้ลืมๆกันไป ก็เพราะลูกคุณไม่ได้ตายเหมือนลูกฉัน ส่วนพวกส.ส.พูดว่าหากไม่ลืมไม่ก้าวผ่านไปประเทศจะเดินหน้าไม่ได้ เป็นการพูดเห็นแก่ตัว เพราะตอนคนเสื้อแดงต่อสู้ก็ไม่เคยออกมาต่อสู้ด้วยเลย "ประชาชนเพิ่งผ่านความเจ็บปวดสุญเสียมา ก็มาพูดต้องปรองดองๆ ก็ได้แต่มีข้อแม้อย่ายกความผิดให้คนที่ต้องถูกดำเนินคดี และได้บอกกับคุณทักษิณตอนสงกรานต์ที่กัมพูชาว่า คุณทักษิณ ดิฉันไม่เอานิรโทษกรรม พูดบอกไปแบบนี้โดยไม่ต้องฟังคำตอบ" หากนิรโทษกรรมก็ให้เฉพาะประชาชนผู้ร่วมชุมนุม แต่ไม่รวมพวกคนสั่งฆ่า และสั่งฆ่าประชาชน ดิฉันยังรอให้โซ่ตรวนคล้องคอสุเทพกับอภิสิทธิ์ก่อน

ส่วนการจัดงานรดน้ำกระดูกน้องเกดก็ไม่ได้เพื่อประชันกับการที่นายกฯยิ่งลักษณ์ไปรดน้ำพลเอกเปรม "งานนี้รดอัฐิน้องเกด แต่ที่นักข่าวถามว่าจัดรดกระดูกเปรมนั้น ก็ไม่นานหรอกคงได้รด ไม่ได้ตั้งใจจัดงานชนกัน แต่วิญญาณคงแรงเลยบังเอิญมาลงวันเดียวกัน"

ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามว่าคนเสื้อแดงแตกแยกกันนั้นไม่จริง เพราะเราไม่เคยทอดทิ้งกัน โดยเฉพาะคนที่ติดคุกอยู่ ตอนนี้มีข่าวดีจะได้ประกันตัวออกมาหลายคน



คำแถลงการณ์ นปช.: นปช. ปฏิเสธข่าวจาก Bangkok Post

อาจารย์ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.แดงทั้งแผ่นดิน ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์นปช.แดงทั้งแผ่นดินปฏิเสธข่าวหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้

26 เมษายน 2555

Bangkok Post: Tida warns against Prem meet 

นปช. ขอชี้แจงข่าวจาก Bangkok Post ที่ระบุว่า นปช. ตำหนิรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรองนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปรดน้ำ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในวันนี้ และการที่ นปช. เป็นเจ้าภาพจัดงานวันเกิด น.ส.กมนเกด อัคฮาด (น้องเกด) นั้น โดย นปช. ขอชี้แจงว่า
1. นปช. ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆต่อเรื่องที่รัฐบาลตัดสินใจทำ แต่ นปช. ยอมรับว่า มีคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งที่ไม่พอใจกับเรื่องนี้ ซึ่ง นปช. ฝากเตือนรัฐบาลว่า การรดน้ำ พล.อ.เปรม เป็นสิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้ แต่ นปช. ขอให้รัฐบาลบริหารความขัดแย้งให้ลงตัว ระหว่างความยุติธรรมที่ ปชช. ได้รับกับการปรองดองกับชนชั้นนำเครือข่ายอำมาตย์
2. นปช.ไม่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานวันเกิด น.ส.กมนเกด อัคฮาด (น้องเกด) แต่อย่างใด แต่ นปช. รู้สึกเห็นใจ และสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้



“ธิดา” เตือนรัฐบาลคิดให้รอบคอบ พบ “พล.อ.เปรม”


สำนักข่าวอสม.รายงานว่า “ธิดา” ระบุ “ยิ่งลักษณ์” นำรองนายกรัฐมนตรีพบ “พล.อ.เปรม” เป็นความพยายามที่จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นรัฐบาลมีเสถียรภาพ แต่เตือนคิดให้รอบคอบ ไม่ให้เกิดเป็นปัญหารอบใหม่ ขณะที่ ไม่แปลกใจ “พล.อ.เปรม” ยอมพุดคุย ชี้เป็นผู้มีประสบการณ์ อาจตัดสินใจแบบที่คนคาดไม่ถึง ย้ำปรองดองจะเกิดได้ต้องช่วยคนเสื้อแดงที่ยังอยู่ในคุก

นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำรองนายกรัฐมนตรีเข้ารดน้ำดำหัว พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ว่า เป็นความพยายามของนายกรัฐมนตรีที่จะทำให้บรรยากาศบ้านเมืองราบรื่น เกิดความปรองดอง ให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลมีเสถียรภาพ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลที่จะดำเนินการ

 “แม้ นปช. หรือคนเสื้อแดงจะเป็นผู้ชื่นชมสนับสนุนรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย แต่คงไม่สามารถไปกำหนด หรือชี้นำแนวทางให้กับรัฐบาลได้ แต่การไปเจรจาประสานไมตรี ต้องดูว่าเรื่องไหนมาก่อนหรือหลัง รัฐบาลต้องตระหนักเพื่อไม่ให้การดำเนินการดังกล่าวนำไปสู่การสร้างความขัดแย้งโดยไม่ตั้งใจ” นางธิดา กล่าว

นางธิดา ยังกล่าวด้วยว่า ถ้าจะช่วยให้เกิดการปรองดองมากขึ้น ขอให้มีการพิจารณาให้ประกันตัวคนเสื้อแดงที่ร่วมชุมนุมทางการเมือง และยังถูกคุมขังในเรือนจำ ซึ่งมีกว่า 40 คน และในช่วงเวลานี้ต้องการให้ย้ายไปคุมขังในเรือนจำที่เหมาะสมกว่านี้ เช่น ที่ห้องคุมขังโรงเรียนตำรวจนครบาล บางเขน และไม่ต้องมีการตีตรวน เพราะมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเป็นเพียงนักโทษการเมืองเท่านั้น

 “ญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอาจไม่เห็นด้วย แต่เราก็ต้องใช้ความอดทน เพราะการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ไม่ใช่ยึดอยู่ที่ตัวบุคคล แต่ต้องการทำให้บ้านเมืองมีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่มีการทำรัฐประหาร รวมทั้งต้องการทำให้ความจริงปรากฏและเกิดความยุติธรรม” นางธิดา กล่าวและว่า แม้คนเสื้อแดงจะเชื่อมั่นในรัฐบาล แต่รัฐบาลเองก็ต้องสร้างความชัดเจนในเรื่องของการสร้างความยุติธรรมภายใต้หลักนิติรัฐและนิติธรรม เพราะหากยังนิ่งเฉย ในอนาคตรัฐบาลก็อาจมีปัญหา

ต่อข้อถามว่า เคยสอบถามเรื่องนี้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือไม่ นางธิดากล่าวว่า ทั้งสองคนอาจเน้นที่ชนชั้นนำ แต่ นปช. ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปในส่วนนั้น เพราะคนเสื้อแดงมาจากหลายระดับ แต่ส่วนใหญ่มาจากคนระดับล่าง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ พล.อ.เปรม ยอมที่จะพูดคุยเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี เพราะเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ต่างๆ มากมาย ดังนั้น พล.เปรม อาจจะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งโดยที่คนทั่วไปอาจคาดไม่ถึง

ส่วนเสียงเรียกร้องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ขอขมา พล.อ.เปรม นางธิดา กล่าวว่า เป็นวิธีคิดของคู่กรณีฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้ง แต่ในข้อเท็จจริง หากจะสร้างความปรองดองต้องให้ผู้ที่ทำรัฐประหาร หรือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะผู้ที่สั่งการให้ใช้อาวุธกับประชาชนออกมาขอโทษมากกว่า


ย้อนรอยเหตุการณ์เสียสละของน้องเกดในวัดปทุมฯ

ย้อนดูเหตุการณ์การสูญเสียนางสาวกมนเกด อัคฮาด อาสาสมัครพยาบาล วัย 25 ปี ขณะปฎิบัติหน้าที่
ในวัดปทุมวนาราม ระหว่างการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 (ที่มา Youtube:
Published on Apr 26, 2012 by  )

แม่น้องเกดนำฝ่ายประชาธิปไตยรดน้ำกระดูกลูกสาว


"ดิฉัน ไม่เอานิรโทษกรรม ค่ะ"เสียงกระซิบข้างหู คุณทักษิณ ชินวัตร จากแม่น้องเกด ณ เสียมราฐ

 (ที่มา:facebook)
 

ขอเรียนเชิญพี่น้องคนเสื้อแดงผู้ร่วมชะตากรรมทุกท่านร่วมงาน วันคล้ายวันเกิดของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด ในวันที่ 26 เมษายน 2555 บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ตั้งแต่เวลา 15.00น. ถึง 24.00น. ภายในงานจะมีการร่วมกันรดน้ำไว้อาลัยเถ้ากระดูกของน้องเกด พร้อมกับร่วมกันเป่าเค้กวันเกิดครบรอบอายุ 27 ปี ของน้องเกด และครอบครัวอัคฮาดทุกคน จะกล่าวไว้อาลัยให้กับน้องเกด และมาร่วมฟังทัศนคติของบรรดาญาติผู้สูญเสียคนในครอบครัวจากการสลายการชุมนุม ร่วมฟังการปราศัยจากเพื่อนพ้องน้องพี่ที่จะมาร่วมกล่าวไว้อาลัย และพบกับวงดนตรี ทับทิมสยาม และวง"ไฟเย็น"

กลุ่มเวทีเสรีราษฎร(นำโดยแม่น้องเกด)เผยว่า ขอเชิญฝ่ายประชาธิปไตยร่วมจัดงานรดน้ำเถ้ากระดูกอาสาพยาบาลกมนเกด อัคฮาด ในโอกาสครบรอบวันเกิดอายุครบ 27 ปี (หากไม่ถูกทหารยิงเสียชีวิตในวัดปทุมฯ) ร่วมรับฟังเสียงสะท้อนจากญาติวีรชนในประเด็น"จะปรองดองอย่างไร ให้เกิดความยุติธรรม"

พบกับการปราศัยโดยแขกรับเชิญพิเศษคับคั่ง อาทิ อ.หวาน/อ.ตุ้ม อ.ยิ้ม(สุธาชัย) ดร.ประแสง มงคลสิริ ดร.สุนัย จุลพงศธร นางพะเยาว์ อัคฮาด ณัทพัช อัคฮาด ฟุ้งฟิ้ง เรดนนท์ สหายเดียร์ หัวกบฏ ฯลฯ
ร่วมอ่านแถลงการณ์จุดยืนของกลุ่มต่อแนวทางการปรองดอง พบกับวงดนตรีน้องใหม่ "วงทับทิมสยาม" และวงดนตรีปฏิวัติวัฒนธรรม "วงไฟเย็น"


 


 


 


ที่มาจาก ไทยอีนิวส์  http://thaienews.blogspot.com/2012/04/blog-post_9902.html