วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มาช่วยกวป.เรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 309 กันดีกว่าไหม

 
 

โดย พ่อจูม่ง จาก

 
"มาตรา 309 บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าว ไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้"

รัฐ ธรรมนูญฉบับปัจจุบัน (ฉบับถาวรที่ 18) พ.ศ.2550 มาตรา 309 อ้างถึงรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ฉบับที่ 17 (พ.ศ.2549) ซึ่งมีบทนิรโทษกรรมอยู่ในมาตรา 37

"มาตรา 37 บรรดาการกระทำทั้งหลาย ซึ่งได้กระทำเนื่องในการยึดและควบคุมอำนาจการปกครองแผ่นดิน เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ของหัวหน้าและคณะ...(คปค.หรือ คมช.) ...ไม่ว่ากระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ให้กระทำ และไม่ว่ากระทำในวันที่กล่าวนั้นหรือก่อนหรือหลังวันที่กล่าวนั้น หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดย สิ้นเชิง"

นี่คือการไฟเขียวไว้ก่อนว่าในอนาคตไปทำอะไรก็ไม่ผิด ถ้าพูดให้สุดขั้ว คือให้ไฟเขียวไว้ก่อนว่าคุณไปยิงใครตายก็ได้ ทำอะไรก็ไม่ผิดไง ทั้งก่อนและหลัง” ไม่รู้ว่าเขียนกฎหมายแบบ มาตรา 309 นี้ได้ไง ไม่ควรเป็นนักกฎหมายเลย


ได้ฟังหนุ่มโคราช พูดถึงมาตรา 309 บนเวทีกวป.แล้ว ทำให้รู้ว่ามันเป็นจุดสำคัญที่สุดที่ปกป้องฝ่ายอำมาตย์เอาไว้ และตอนนี้ได้มีการส่งสัญญานจากเวทีกวป.ให้ยกเลิกมาตรานี้ และจะเคลื่อนขบวนไปทวงถามพรรคเพื่อไทยและสภาต่อไป

จากเนื้อหาในมาตรา 309 จะเห็นว่ามันเป็นยันต์มหาอุด ครอบจักรวาล สำหรับฝ่ายต่อต้านประชาธิไตย
ถ้าพวกเราไม่ช่วยกันรณรงค์ ให้ยกเลิก ก็เท่ากับว่าส่งเสริมระบอบเผด็จการไปโดยปริยายนั่นเอง
ประเด็นการยกเลิกมาตรา 309 นี้ ถ้าพวกเราได้สังเกตดูการเคลื่อนไหวทั้งจากฝ่ายเพื่อไทย นปช. หรือฝ่ายเผด็จการ
ไม่ค่อยจะมีใครอยากเอามาขยายผลมากนัก ทั้งที่เป็นมาตราสูงสุดที่รับประกันว่าฝ่ายเผด็จการทำอะไรก็ไม่ผิด
ถ้าจะวิเคราะก็อาจมองได้ว่ามีการซูเอี๋ย ไม่ให้เพื่อไทยแตะต้อง แลกกับการไม่ถูกเตะตัดขาเขี่ยทิ้ง
แม้แต่นปช.ยุคป้าย่น โดย อ.ธิดา ยังถึงกับเป็นใบ้ หันเหไปเน้นจัด เต้น โคโยตี้ แทน บนเวทีนปช.
ยิ่งนานไป คนดูชักจะเบื่อ เริ่มจับทางได้ มันก็เลยคล้ายกับดูลิเก คณะ ป้าย่น นปช. ไปซะงั้น
อยากจะเรียกเพื่อไทยและนปช. ในขณะนี้ ว่าเป็น "พวกหลงผิด" คิดว่าส้มจะหล่นจากฟ้า ก็น่าจะได้
2 ปีที่ผ่านมา "พวกหลงผิด" จึงตั้งหน้ารอคอย และคลานหาส้มหล่น จนหัวเข่าด้านไปตามๆกัน
ลิเกเรื่อง ICC ที่จัดฉากซะจนซับซ้อน จบแบบคนดูนั่งตาเหลือก เสียค่าตั๋วดูแบบโง่ๆมาถึง 3 ปี
จนมีดในมือของ พระเอกอย่าง โรเบิร์ต อัมเตอร์ดัม เป็นสนิมจนเกือบหมดด้าม ก็ยังไม่ได้ฟันสักฉับ
มาตรา 309 นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่พวกเราควรจะต้องจับตามองด้วยอีกครั้งว่า เพื่อไทยจะเอายังไงกันแน่
มันจะทำให้พวกแดงนักรบไซเบอร์อย่างพวกเรากลายเป็นไอ้งั่งไปอีกครั้ง ที่ถูกพวกเดียวกันหลอก 555
อยากจะรอเพื่อไทยหรือ ป้าย่น นปช. ออกมารำแหกตาก่อน หรือจะร่วมกับกวป. ก็ตัดสินใจให้ดีๆ
เพราะตอนนี้กวป. กลุ่มวิทยุชุมชน ได้วิเคราะห์และตาสว่างขึ้นมาอีกระดับแล้วว่า
"มาตรา309 นี่แหละที่เป็นลิ้นหัวใจของพวกเผด็จการเลย และต้องถูกกำจัดทิ้งเสียโดยไว "
เหล่าเสื้อแดง ที่อ้างว่าเป็นนักรบเลือดเข้มทั้งในโลกจริง โลกออนไลน์ และสารพัดโรค
พวกท่านจงวิเคาะห์และตัดสินใจครับว่า จะสู้จริงหรือแค่ดราม่าสร้างภาพไปเรื่อยๆ ให้เผด็จการมันนั่งหำ เอิ๊กๆ
 
อดีตผู้พิพากษาอาวุโสศาลยุติธรรม ยืนยันว่ามาตรา 309 ในรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มีขึ้นเพื่อคุ้มครองผู้ทำการรัฐประหาร

การพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลในปัจจุบัน ทำให้เกิดข้อถกเถียงขึ้นในสังคมมากมาย โดยเฉพาะข้อถกเถียงเกี่ยวกับผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการแก้ไขมาตรานี้ ซึ่งในประเด็นนี้อดีตผู้พิพากษาอาวุโสศาลยุติธรรมได้ให้สัมภาษณ์กับวอยซ์ ทีวี โดยยืนยันว่ามาตรา 309 ในรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มีขึ้นเพื่อคุ้มครองผู้ทำการรัฐประหาร ซึ่ง การยกเลิกมาตรานี้ อาจทำให้เกิดการรื้อฟื้นการกระทำโดยมิชอบที่ผ่านมา

มาตรา 309 ในรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ระบุว่า บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศ ใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและ การกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้

นายนคร พจนวรพงษ์ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสศาลยุติธรรม ระบุว่าการมีอยู่ของมาตรา 309 ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ถือเป็นครั้งแรกที่มีการบัญญัติกฎหมายนิรโทษกรรม ลงในรัฐธรรมนูญ ฉบับถาวร

ทั้งนี้ นายนคร พจนวรพงษ์ ยังได้วิเคราะห์ว่า ผู้ที่จะเสียประโยชน์จากการยกเลิกมาตรา 309 คือ ผู้ที่ออกกฎหมายดังกล่าว

นอกจากนั้น อดีตผู้พิพากษาอาวุโส ศาลยุติธรรม ยังมองว่า ผู้ที่ออกมาต่อต้านการแก้ไขมาตรา 309 คือผู้ที่ทราบดีถึงความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินคดีต่ออดีตนายกรัฐมนตรี พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร จึงไม่ต้องการให้มีการแก้กฎหมายดังกล่าว
http://news.voicetv.co.th/thailand/58968.html
ยกเลิก ม.309 ใครได้ใครเสีย

 เปิดบันทึก... เจตนารมณ์ มาตรา 309

โดย มติชน วัน ศุกร์ ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2551 07:48 น.
คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) มีมติเตรียมแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 โดยเฉพาะประเด็นมาตรา 237 วรรคสอง เรื่องการยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรค และยังมีมติพ่วงการตัดมาตรา 309 ที่ว่ากันว่าเป็นการนิรโทษกรรมให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และยกเลิกการปฏิบัติงานขององค์กรต่างๆ ที่ตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงในสังคมอย่างกว้างขวาง
เมื่อพิจารณาเฉพาะมาตรา 309 ซึ่งบัญญัติว่า บรรดาการใดๆ ที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศ ใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้

มาตราดัง กล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในช่วงที่มีการร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นการทำลายหลักการสูงสุดของรัฐธรรมนูญลง เพราะการกระทำอันใดก็ตามที่เกิดขึ้นก่อนมีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่เมื่อมีการประกาศรัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกมา ผลคือว่า การกระทำอันนั้น แม้จะไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้อยู่ ก็ไม่มีองค์กรใดสามารถไปตรวจสอบการกระทำดังกล่าวนั้นได้

สำหรับการพิจารณาของ ส.ส.ร.ในมาตรานี้ มี ส.ส.ร.บางคนแปรญัตติว่า ไม่ควรจะมีมาตรานี้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2549 มาตรา 36 ได้บัญญัติไว้แล้วว่า บรรดาประกาศและคำสั่งของ คปค.ที่ได้ประกาศ หรือสั่งไว้ ในระหว่างวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549 จนถึงวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปใด และไม่ว่าจะประกาศ หรือสั่ง ให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ ให้มีผลใช้บังคับต่อไป และให้ถือว่าประกาศหรือคำสั่ง ตลอดจนการปฏิบัติตามประกาศ หรือคำสั่งนั้น ไม่ว่าการปฏิบัติตามประกาศ หรือคำสั่งนั้น จะกระทำก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นประกาศหรือคำสั่ง หรือการปฏิบัติ ที่ชอบด้วยกฎหมาย และชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ดี ในชั้นการแปรญัตติ กรรมาธิการชี้แจงว่า ต้องมีเพื่อรับรองการกระทำที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2549 ทำให้ไม่มีสมาชิกผู้แปรญัตติคนใดติดใจ และการประชุม ส.ส.ร.เพื่อพิจารณามาตราดังกล่าวในวันที่ 28 มิถุนายน 2550 ก็ผ่านโดยไม่มีการอภิปราย

นอกจากนี้ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ เลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เดินสายชี้แจงตามเวทีสาธารณะว่า เจตนารมณ์ของมาตรานี้ พูดถึงสิ่งที่ถูกต้องในปี 2549 ให้ถือว่าถูกต้องต่อไป ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ผิดให้ผิดต่อไป หรือไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ผิดขอให้ถูก ถามว่าเขียนแบบนี้ผิดตรงไหน มีบทบัญญัติตรงไหนบ้างที่นิรโทษกรรม คมช. การนิรโทษกรรมได้หมดสิ้นไปแล้วตามรัฐธรรมนูญปี 49 เพราะรัฐธรรมนูญ 49 ได้นิรโทษกรรม คมช.ไปแล้ว ในทางกฎหมายจึงไม่ต้องนิรโทษกรรม คมช.อีกต่อไป ยืนยันว่า มาตรา 309 มุ่งอุดช่องว่างของกฎหมายในปัญหากฎหมายที่อาจจะเกิดขึ้นเท่านั้น ไม่ได้ผิดหลักการการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน อย่างที่หลายคนได้พูดแต่ประการใด


มาตรา 309 เหมือนตราสังข์...จึงจำเป็นต้องแก้

นิติรัฐกับรัฐธรรมนูญ 2550

รัฐธรรมนูญ 2550 ได้มีบทบัญญัติที่เรียกได้ว่าเป็นบทบัญญัติที่ทำลายหลักนิติรัฐลงคือมาตรา 309 ซึ่งบัญญัติว่า “บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศ ใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้”
การ ที่จะทราบว่ามาตรา 309 ได้รับรองสิ่งใดบ้างจึงต้องย้อนกลับไปดูในรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2549 ว่าได้รับรองสิ่งใดไว้บ้าง ซึ่งปรากฏใน

มาตรา 36 บัญญัติว่า “บรรดาประกาศและคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือคำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ได้ประกาศหรือสั่งในระหว่างวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549 จนถึงวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปใดและไม่ว่าจะประกาศหรือสั่งให้มีผลบังคับในทาง นิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปและให้ถือว่าประกาศหรือคำสั่ง ตลอดจนการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นไม่ว่าการปฏิบัติตามประกาศหรือคำ สั่งนั้นจะกระทำก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เป็นประกาศหรือคำสั่ง หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญ”

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่ามาตรา 309 ได้รับรองให้ 1.) ประกาศ คปค. 2.) คำสั่ง คปค. 3.) การปฏิบัติตามประกาศ หรือตามคำสั่ง คปค. ไม่ว่าก่อนหรือหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2550 ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2550

ผล ที่ตามก็คือ ประกาศ คปค. , คำสั่ง คปค. และการกระทำตามประกาศหรือคำสั่งเหล่านั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญไปทั้งหมด ซึ่งในเมื่อรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ศาลทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง หรือศาลยุติธรรม จึงไม่อาจตรวจสอบ ประกาศ คปค. , คำสั่ง คปค. หรือการกระทำตามคำสั่งหรือประกาศนั้นได้ แม้โดยเนื้อหาของประกาศหรือคำสั่งเหล่านั้นจะไม่ชอบ หรือการกระทำตามประกาศหรือคำสั่งจะไม่ชอบ แต่มาตรา 309 ได้รับรองไว้ก่อนแล้วว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญ สิ่งที่ตามก็คือ แม้จะมีการฟ้องคดีไปที่ศาลว่ามีการกระทำตามประกาศ คปค. ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญรับรองซึ่งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่ศาลก็ไม่อาจจะตรวจสอบได้เลย นอกจากวินิจฉัยเป็นปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นว่าไม่อาจรับคดีนี้ไว้ตรวจสอบ หรือวินิจฉัยว่าการกระทำนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว เพราะมีการรับรองเอาไว้แล้วว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ดังนั้น มาตรา 309 จึงเป็นบทบัญญัติที่มีผลเป็นการตัดอำนาจการตรวจสอบขององค์กรตุลาการ ( judicial review ) อันเป็นหลักการพื้นฐานของนิติรัฐ อันจะตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจอธิปไตยให้เกิดดุลยภาพ นอกจากนี้ ยังเป็นบทบัญญัติที่ปฏิเสธที่จะคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคลจากการใช้อำนาจ อันมิชอบธรรมอีกด้วย ผู้เขียนจึงเห็นว่า แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะมีจุดขายว่ามีการคุ้มครอง ส่งเสริมและการขยายสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างเต็มที่ แต่หากสิทธิเสรีภาพของบุคคลถูกละเมิดจากการกระทำตามประกาศ หรือคำสั่งของ คปค. กลับไม่สามารถที่จะใช้สิทธิทางศาล หรือยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ทางศาลได้เลย เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ได้รับรองไว้แล้วว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น แม้ว่ารัฐธรรมนูญ 2550 จะบัญญัติว่าสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมีอยู่อย่างมากมายเพียงไร ก็คงเป็นเพียงตัวหนังสือที่อยู่ในกระดาษเท่านั้น หาได้มีความหมายอย่างใดไม่ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่ผู้เขียนจะสรุปว่ารัฐธรรมนูญ2550 ไม่สอดคล้องกับหลักนิติรัฐแม้แต่น้อย
ตัวอย่าง กรณีที่ศาลได้นำบทบัญญัติในมาตรา 309 มาเป็นข้อสนับสนุนในการวินิจฉัยคือ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2551 กรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่งคำโต้แย้งของจำเลย (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ 1 กับพวกรวม 47 คน) ที่โต้แย้งกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสีย หายแก่รัฐ(ค.ต.ส.) ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข ฉบับที่ 30 ลงวันที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2549 และกรณีการขยายระยะเวลาดำเนินการของคณะกรรมการตรวจสอบออกไปถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 30 ลงวันที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2549 พ.ศ.2550 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัย โดยมีเหตุผลสนับสนุนตอนหนึ่งว่า “.................... นอกจากนี้มีมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ยังได้บัญญัติ รับรองไว้ในบทเฉพาะกาลอีกชั้นหนึ่งด้วยว่า “บรรดาการใด ๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศ ใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้” เมื่อประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 30 เรื่อง การตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ลงวันที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2549 ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 มาตรา 36 ว่าชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้วการตราพระราชบัญญัติที่เป็นปัญหา ในคดีนี้จึงเป็นเพียงการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าว แม้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะปฏิรูปการปกครอง ฯ ฉบับนี้ได้ประกาศใช้บังคับภายหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ก็ต้องได้รับการรับรองตามบทเฉพาะกาลมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญนี้ว่าเป็นการกระทำที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเช่นกัน……..”

“ดัง นั้น จึงวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 30 เรื่อง การตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ลงวันที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2549 พ.ศ. 2550 ที่ขยายระยะเวลาดำเนินการของ คตส. ออกไปถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2551 มิได้มีบทบัญญัติใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตราใดเลย”

การที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้นำมาตรา 309 มาเป็นเหตุผลในการวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2550 ย่อมเป็นสิ่งที่ยืนยันแล้วว่ามาตรา 309 นั้นมีอิทธิฤทธิ์มากมายเพียงใด และยังเป็นเครื่องยืนยันอีกประการหนึ่งว่าหลักนิติรัฐนั้นยังคงมีอยู่หรือ ไม่ เพราะเพียงแค่อ้างถึงมาตรา 309 เท่านั้น ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเหตุผลใดๆ อีกเลย หากจะกล่าวให้ถึงที่สุดและเข้าใจง่ายๆ ก็คือ “ในเมื่อมาตรา 309 บอกว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ก็ต้องชอบด้วยรัฐธรรมนูญโดยไม่ต้องถามหาเหตุผลใดๆ อีกนั่นเอง”

นอกจากนี้ยังมีผู้กังวลว่าการ ยกเลิกมาตรา 309 จะเป็นผลให้คดีของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ต้องหลุดพ้นไปหมด ย่อมเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง เพราะการยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรานี้ จะทำให้ประกาศ คปค. ,คำสั่ง คปค. และการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งเหล่านั้นของเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกตรวจสอบ ถึงความชอบด้วยรัฐธรรมนูญโดยองค์กรตุลาการได้เท่านั้น ศาลจะวินิจฉัยให้การเหล่านี้ชอบหรือไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่เป็นอีก เรื่องหนึ่ง เพราะสิ่งที่ควรจะคำนึงถึงเป็นประการแรกภายใต้หลักนิติรัฐ คือ การที่จะต้องทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถที่จะถูกตรวจสอบได้อย่างเท่าเทียม กัน โดยไม่มีกฎหมายใดหรือการกระทำใดมีเอกสิทธิ์ที่ไร้เหตุผลมาเป็นเกราะป้องกัน เพื่อให้หลุดพ้นจากการตรวจสอบไปได้อย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้

สรุป ผู้เขียนจึงเห็นว่าไม่ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญกี่มาตราก็ตาม หากมาตรา 309 ยังคงปรากฏอยู่ในกฎหมายสูงสุดของประเทศต่อไป ประเทศไทยก็ยังคงอยู่บนเส้นทางที่เป็นคู่ขนานกับหลักนิติรัฐ โดยไม่มีวันที่จะอยู่บนเส้นทางเดียวกันได้เลย และก็คงจะเป็นถ้อยคำที่สร้างให้ผู้พูดดูดีเพื่อสร้างความ ชอบธรรมให้แก่ตนเองในการทำลายอีกฝ่ายหนึ่งต่อไป

02 /07/ 2552

โดย..คุณชนินทร์ ติชาวัน นบ.,นบ.ท.,น.ม.มหาวิทยาลัยรามคำแหง
โดย จงเจริญ
...................................................................
 
แก้รธนรายมาตราเพื่อไทยควรชัดเจน เลิก ม.309 หรือไม่ ?

กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญบนเส้นทาง 3 แพร่ง เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ล่าสุดผ่านการออกมาแสดงทัศนะของแกนนำพรรคเพื่อ ไทยอย่างร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ว่าควรแก้ไขเป็นรายมาตรา แม้จะยังไม่ใช่ข้อเสนอที่สะเด็ดน้ำ แต่ก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ยังคงเปิดกว้างเสมอ เพราะจะว่าไปแล้ว เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรานั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือนปช.ก็เคยปักธงการ แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรามาแล้วถึง 30 หัวข้อด้วยกัน
การแถลงข่าวของนปช.เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2554 ในระยะแรกของกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.ได้ประกาศเป้าหมายการแก้ไขรัฐธรรมนูญของนปช. เอาไว้ที่ 10 หัวข้อดังนี้
1.ยกเลิกมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญ 2550
2.ยกเลิกมาตรา 36 และ 37 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2549
3.ยกเลิกส.ว.แต่งตั้ง
4.แก้มาตรา 265 และ 266 ของรัฐธรรมนูญ 2550
5.แก้มาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ 2550 เรื่องการทำสนธิสัญญา
6.แก้มาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญ 2550 เรื่องการยุบพรรค

7.เพิ่มเติมเรื่องอำนาจตุลาการต้องเกี่ยวโยงกับอำนาจอธิปไตยของประชาชน
8.การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้โดยตรงโดยประชาชน
9.ถอดถอน ส.ส., นักการเมือง องค์กรอิสระทำได้โดยตรงโดยประชาชน
10.เสนอกฎหมายได้โดยตรงโดยประชาชน

โดยเฉพาะการพุ่งเป้ายกเลิก มาตรา 309 ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ที่กำหนดไว้ว่าบรรดาการใด ๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศ ใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้
เพิ่มน้ำหนักให้มีความชัดเจนมากขึ้น ในประเด็นที่ 2 ว่าด้วยการเสนอยกเลิกมาตรา 36 และ 37 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2549 ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวเนื่องกับการรับรองความถูกต้องคณะปฏิรูปฯ ดังนี้
มาตรา 36 บรรดาประกาศและคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือคำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ได้ประกาศหรือสั่งในระหว่างวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549 จนถึงวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้
ไม่ว่าจะเป็นในรูปใดและไม่ว่าจะประกาศหรือ สั่งให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปและให้ถือว่าประกาศหรือคำสั่ง ตลอดจนการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นไม่ว่าการปฏิบัติตามประกาศ หรือคำสั่งนั้นจะกระทำก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เป็นประกาศ หรือคำสั่งหรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ขณะที่มาตรา 37 ซึ่งมีรายละเอียดว่า บรรดาการกระทำทั้งหลายซึ่งได้กระทำเนื่องในการยึดและควบคุมอำนาจ การปกครองแผ่นดิน เมื่อวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549 ของหัวหน้าและคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมตลอดทั้งการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าว หรือ ของผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหรือคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือของผู้ซึ่งได้รับคำสั่ง จากผู้ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้า หรือคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันได้กระทำไป เพื่อการดังกล่าวข้างต้นนั้น
การกระทำดังกล่าว ไม่ว่าเป็นการกระทำเพื่อให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการรวมทั้งการลงโทษและการกระทำอันเป็นการบริหารราชการอย่าง อื่น ไม่ว่ากระทำในฐานะตัวการผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ให้กระทำ และไม่ว่ากระทำในวันที่กล่าวนั้นหรือก่อน หรือหลังวันที่กล่าวนั้น หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดย สิ้นเชิง
 
 

วันที่ 13 มิ.ย.56 คนเสื้อแดง กลุ่ม กวป. ประกาศนัดชุมนุมรวมพลยกระดับการเคลื่อนไหว


 รูปภาพ : **** คนเสื้อแดง กลุ่ม กวป.ยกระดับการเคลื่อนไหว ****

วันที่ 13 มิ.ย.56  คงจะอีกหนึ่งวันที่การต่อสู้เรียกร้องความถูกต้องของภาคประชาชน ในนาม กลุ่ม กวป. ที่จะยกระดับการต้องสู้และการแสดงออกทางความคิดว่าประชาชน ไม่ใช่วัว ไม่ใช่ควาย ให้ใครต้องมาจูงไปตามตวามต้องการ การออกมาประท้วงขับไล่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีที่มาไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรมตามระบบประชาธิปไตย และยังมีพฤติการที่ไม่ชอบธรรมหลายอย่างทางการแสดงออกทางการเมืองด้วยการใช้อำนาจที่มีอยู่แบบอหังกา ใหญ่คับฟ้า และเมื่อถูกทั้งท้วงทวงถามความถูกต้อง ก็แสดงความคิดเห็นแบบดูถูกเหยียดหยันประชาชนว่าไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ ....กลุ่ม กวป.ที่ออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ หากพูดกันแบบเต็มปากเต็มคำ ก็คนเสื้อแดงนี้แหละ ถ้าจะย้อนที่มาก็คงจะยาวต่อเนื่องมาตั้งแต่เกิดการรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อ 19 ก.ย.49  จนมาถึงการรวมตัวเป็น แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หลังเหตุการสลายการชุมนุมเมื่อ 19 พ.ค.53  ชัยชนะของฝ่ายประชาชน คนเสื้อแดง ที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องความเป็นธรรม ที่มีหลายเรื่องเกิดขึ้นจากการกระทำของฝ่ายอธรรม ที่รวมตัวกัน โดน มีคนชั้นสูง ศักดินา องค์กรอิสระ ทั้งหลาย ที่ให้การสนับสนุน พรรคการเมืองเลือดชั่ว อย่างประชาธิปัตย์

 ....ชัยชนะของประชาชนที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต บาดเจ็บกว่า 2000 คน ตายไปร่วม 100 คน สิ่งที่ได้มาคือการยุบสภาแล้วมีการเลือกตั้งใหม่ สิ่งที่แกนนำและนักการเมืองฝ่ายพรรคเพื่อไทย ได้พูดได้นำเสนอ ได้สัญญาไว้ คนเสื้อแดงก็ตอบสนองสนับสนุน ด้วยการลงคะแนนเสียงให้ จน พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง 

 .....เวลาล่วงเลยผ่านมาประชาชนก็ได้รู้ได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น คงไม่ต้องขยายความ เพราะการแสดงออกในตอนนี้ กลุ่ม กวป.ได้ พูดได้อธิบายขยายความ อย่างชัดเจนแล้ว ที่เวที กวป.หน้าศาลรัฐธรรมนูญ  หากแม้ว่าคนในรัฐบาล ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่คนแดนไกล และคนที่อยู่ใกล้ๆ ให้ความสนใจติดตามการเคลื่อนไหว รับฟังสิ่งที่ ภาคประชาชนในนาม กวป. ได้พูดได้แสดงเจตนารมณ์ออกไปถึงการลุกขึ้นมาต่อสู้ในครั้งนี้ ด้วยเหตุและผล ผสมผสานกับรูปแบบการดำเนินการและหลักการ ต้องยอมรับครับว่าเกินความคาดหมาย เพราะสิ่งที่ กวป.ทำไป ส.ส.ในสภา หลายคนยังไม่เคยคิดเลยนอกจากมานั่งหายใจทิ้งไปวันๆ ในการเข้าประชุมในสภา รอเวลาแค่การเสียบบัตรแสดงตน และยกมือ

..... แต่ข้อครหาที่เอามาเป็นประเด็นด้วยจุดประสงค์อะไรบางอย่างก็ช่าง แต่มีการออกมาโจมตี แกนนำกลุ่ม กวป. ไปต่างๆนาๆ และสุดท้ายก็สรุปออกมาแบบพอจับใจความได้ ว่าไม่ชอบใครบางคนในกลุ่มนี้ อะไรประมาณนี้

 .....พอดีนึกย้อนหลังไปในอดีต ที่มีคนเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ถกเถียงกันเรื่อง พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร เรื่องความผิดต่างๆ แต่คนเสื้อเหลืองหาเหตุมาถกเถียงไม่ได้ ก็สรุปออกมาแบบหน้าด้านๆว่า จะอย่างก็ไม่ชอบตระกูล ชินวัตร เป็นการสรุปแบบใช้เตุผลส่วนตัวคือไม่ชอบขี้หน้า ..ซึ่งตอนนี้ มีคนเสื้อแดงบางคนไปเหยียบน้ำลายไอ้คนเสื้อเหลืองพวกนั้นเข้าหรือเปล่าไม่ทราบได้...หากการนัดชุมนุมในวันที่ 13 มิ.ย. 56  ของกลุ่ม กวป. อาจเป็นการชี้ชะตาฝ่ายรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก็เป็นได้ หากปล่อยให้ กวป. เดินไปโดยลำพัง  ไม่มีคนเสื้อแดงจาก นปช.ส่วนกลาง  นปช.ส่วนภูมิภาค  นปช.ในพรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญในการชุมนุมครั้งนี้ เท่ากับว่า พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนี้ได้ตั้งระเบิดเวลาทำลายตัวเองไว้เรียบร้อยแล้ว   

......อย่าลืมว่าที่พวกคุณมีวันนี้ได้เพราะประชาชนเลือกคุณมา   การไม่ชอบขี้หน้าใครบางคนเป็นการส่วนตัว มันมีทุกที่ทุกองค์กรครับ ในพรรคเพื่อไทย ก็มีนักการเมืองหลายคนที่ประชาชนได้ยินชื่อก็เอียนสุดๆ  แม้แต่แกนนำ นปช. ส่วนกลาง เองก็เถอะ บางคนก็ยัง ไม่เป็นที่ยอมรับ จากแกนนำด้วยกันเอง และยังไม่เป็นที่ยอมรับจากแกนนำกลุ่มเล็กๆบางกลุ่มเลย ขนาดปราศรัยคนฟังยังเลือกที่จะฟัง จนต้ิองมีการจัดคิวสลับช่วงกันปราศรัย ....
...แต่ทุกครั้งที่ผ่านมา คนเหล่านั้นก็ออกมาร่วมชุมนุมเพื่อแสดงจุดยืนและแนวทางการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยร่มอุดมการณ์เดียวกับพวกคุณๆทั้งหลาย...

......วันที่ 13 มิ.ย.56 นี้ ที่หน้ารัฐสภา ผมก็หวังว่าจะเห็นด้วยตัวเองอีกครั้ง ว่า นปช.หรือคนเสื้องแดง ยังเป็นแดงทั้งแผ่นดิน......


..............................................................................

สิ่งที่แสดงความคิดเห็นออกมานี้ มิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นในฐานะ กวป. นะครับ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผม แต่ผมยอมรับว่าหลังจากติดตามความเคลื่อนไหว ของคนเสื้อแดง กลุ่มนี้มา ฟังเนื้อหาด้วยเหตุและผลและรูปแบบการดำเนินการยุทธวิธี ผมเชื่อว่านี่ไม่ใช่ม็อบสร้างกระแส หรือม็อบรับจ้าง  อย่างที่ใครหลายคนกังขา  และตัดบทแบบง่ายๆ ท่านทั้งหลายโปรดจำใส่ใจไว้นะครับว่า ทุกวันนี้คนเราจะทำอะไร ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น แม้แต่เข้าส้วมไปฉี่ไปถ่ายยังต้องเสียเงินเลยครับ สิ่งที่แสดงออกมาก็เป็นเพียงความคิดเห็นของประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น


                                                    ยรรยง  ลูกชาวดิน
                                               Yanyong  Lookshawdin 
                                                       11 มิ.ย.56

 วันที่ 13 มิ.ย.56 คงจะอีกหนึ่งวันที่การต่อสู้เรียกร้องความถูกต้องของภาคประชาชน ในนาม กลุ่ม กวป. ที่จะยกระดับการต้องสู้และการแสดงออกทางความคิดว่าประชาชน ไม่ใช่วัว ไม่ใช่ควาย ให้ใครต้องมาจูงไปตามตวามต้องการ การออกมาประท้วงขับไล่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีที่มาไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรมตามระบบประชาธิปไตย และยังมีพฤติการที่ไม่ชอบธรรมหลายอย่างทางการแสดงออกทางการเมืองด้วยการใช้อำนาจที่มีอยู่แบบอหังกา ใหญ่คับฟ้า และเมื่อถูกทั้งท้วงทวงถามความถูกต้อง ก็แสดงความคิดเห็นแบบดูถูกเหยียดหยันประชาชนว่าไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ ....กลุ่ม กวป.ที่ออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ หากพูดกันแบบเต็มปากเต็มคำ ก็คนเสื้อแดงนี้แหละ ถ้าจะย้อนที่มาก็คงจะยาวต่อเนื่องมาตั้งแต่เกิดการรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อ 19 ก.ย.49 จนมาถึงการรวมตัวเป็น แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หลังเหตุการสลายการชุมนุมเมื่อ 19 พ.ค.53 ชัยชนะของฝ่ายประชาชน คนเสื้อแดง ที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องความเป็นธรรม ที่มีหลายเรื่องเกิดขึ้นจากการ กระทำของฝ่ายอธรรม ที่รวมตัวกัน โดน มีคนชั้นสูง ศักดินา องค์กรอิสระ ทั้งหลาย ที่ให้การสนับสนุน พรรคการเมืองเลือดชั่ว อย่างประชาธิปัตย์

....ชัยชนะของประชาชนที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต บาดเจ็บกว่า 2000 คน ตายไปร่วม 100 คน สิ่งที่ได้มาคือการยุบสภาแล้วมีการเลือกตั้งใหม่ สิ่งที่แกนนำและนักการเมืองฝ่ายพรรคเพื่อไทย ได้พูดได้นำเสนอ ได้สัญญาไว้ คนเสื้อแดงก็ตอบสนองสนับสนุน ด้วยการลงคะแนนเสียงให้ จน พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง

.....เวลาล่วงเลยผ่านมาประชาชนก็ได้รู้ได้เห็นว่าเกิดอะไร ขึ้น คงไม่ต้องขยายความ เพราะการแสดงออกในตอนนี้ กลุ่ม กวป.ได้ พูดได้อธิบายขยายความ อย่างชัดเจนแล้ว ที่เวที กวป.หน้าศาลรัฐธรรมนูญ หากแม้ว่าคนในรัฐบาล ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่คนแดนไกล และคนที่อยู่ใกล้ๆ ให้ความสนใจติดตามการเคลื่อนไหว รับฟังสิ่งที่ ภาคประชาชนในนาม กวป. ได้พูดได้แสดงเจตนารมณ์ออกไปถึงการลุกขึ้นมาต่อสู้ในครั้งนี้ ด้วยเหตุและผล ผสมผสานกับรูปแบบการดำเนินการและหลักการ ต้องยอมรับครับว่าเกินความคาดหมาย เพราะสิ่งที่ กวป.ทำไป ส.ส.ในสภา หลายคนยังไม่เคยคิดเลยนอกจากมานั่งหายใจทิ้งไปวันๆ ในการเข้าประชุมในสภา รอเวลาแค่การเสียบบัตรแสดงตน และยกมือ

..... แต่ข้อครหาที่เอามาเป็นประเด็นด้วยจุดประสงค์อะไรบางอย่างก็ช่าง แต่มีการออกมาโจมตี แกนนำกลุ่ม กวป. ไปต่างๆนาๆ และสุดท้ายก็สรุปออกมาแบบพอจับใจความได้ ว่าไม่ชอบใครบางคนในกลุ่มนี้ อะไรประมาณนี้

.....พอดีนึกย้อนหลังไปในอดีต ที่มีคนเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ถกเถียงกันเรื่อง พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร เรื่องความผิดต่างๆ แต่คนเสื้อเหลืองหาเหตุมาถกเถียงไม่ได้ ก็สรุปออกมาแบบหน้าด้านๆว่า จะอย่างก็ไม่ชอบตระกูล ชินวัตร เป็นการสรุปแบบใช้เตุผลส่วนตัวคือไม่ชอบขี้หน้า ..ซึ่งตอนนี้ มีคนเสื้อแดงบางคนไปเหยียบน้ำลายไอ้คนเสื้อเหลืองพวกนั้นเข้าหรือเปล่าไม่ทราบได้...หากการนัดชุมนุมในวันที่ 13 มิ.ย. 56 ของกลุ่ม กวป. อาจเป็นการชี้ชะตาฝ่ายรัฐบาลและ พรรคเพื่อไทยก็เป็นได้ หากปล่อยให้ กวป. เดินไปโดยลำพัง ไม่มีคนเสื้อแดงจาก นปช.ส่วนกลาง นปช.ส่วนภูมิภาค นปช.ในพรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญในการชุมนุมครั้งนี้ เท่ากับว่า พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนี้ได้ตั้งระเบิดเวลาทำลายตัวเองไว้เรียบร้อยแล้ว

......อย่าลืมว่าที่พวกคุณมีวันนี้ได้เพราะประชาชนเลือกคุณมา การไม่ชอบขี้หน้าใครบางคนเป็นการส่วนตัว มันมีทุกที่ทุกองค์กรครับ ในพรรคเพื่อไทย ก็มีนักการเมืองหลายคนที่ประชาชนได้ยินชื่อก็เอียนสุดๆ แม้แต่แกนนำ นปช. ส่วนกลาง เองก็เถอะ บางคนก็ยัง ไม่เป็นที่ยอมรับ จากแกนนำด้วยกันเอง และยังไม่เป็นที่ยอมรับจากแกนนำกลุ่มเล็กๆบางกลุ่มเลย ขนาดปราศรัยคนฟังยังเลือกที่จะฟัง จนต้ิองมีการจัดคิวสลับช่วงกันปราศรัย ....
...แต่ทุกครั้งที่ผ่านมา คนเหล่านั้นก็ออกมาร่วมชุมนุมเพื่อแสดงจุดยืนและแนวทางการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยร่มอุดมการณ์เดียวกับพวกคุณๆทั้งหลาย...

......วันที่ 13 มิ.ย.56 นี้ ที่หน้ารัฐสภา ผมก็หวังว่าจะเห็นด้วยตัวเองอีกครั้ง ว่า นปช.หรือคนเสื้องแดง ยังเป็นแดงทั้งแผ่นดิน......


..............................................................................

สิ่งที่แสดงความคิดเห็นออกมานี้ มิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นในฐานะ กวป. นะครับ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผม แต่ผมยอมรับว่าหลังจากติดตามความเคลื่อนไหว ของคนเสื้อแดง กลุ่มนี้มา ฟังเนื้อหาด้วยเหตุและผลและรูปแบบการดำเนินการยุทธวิธี ผมเชื่อว่านี่ไม่ใช่ม็อบสร้างกระแส หรือม็อบรับจ้าง อย่างที่ใครหลายคนกังขา และตัดบทแบบง่ายๆ ท่านทั้งหลายโปรดจำใส่ใจไว้นะครับว่า ทุกวันนี้คนเราจะทำอะไร ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น แม้แต่เข้าส้วมไปฉี่ไปถ่ายยังต้องเสียเงินเลยครับ สิ่งที่แสดงออกมาก็เป็นเพียงความคิดเห็นของประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น


ยรรยง ลูกชาวดิน
Yanyong Lookshawdin
11 มิ.ย.56


วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

บูรพาพยัคฆ์ผวาหนัก ไม่กล้าลงมือทำตามใบสั่ง กังวลฝ่ายวงศ์เทวัญเช็กบิล


 

รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มสี่เสา เขายายเที่ยง ได้ให้พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ อดีตนายทหารใหญ่ คอยทำหน้าที่ประสานงานกับเครือข่ายบูรพาพยัคฆ์ เตรียมจัดการรัฐบาล และทำตามใบสั่ง แต่ที่ยังลงมือไม่ได้มาจากสาเหตุ2กรณีด้วยกัน กล่าวคือ ฝ่ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ล่วงรู้แผนการ รู้ความเคลื่อนไหว รู้การสะสมกำลังทหารจากหลายพื้นที่ และอีกกรณีหนึ่งนั้น ทหารกลุ่มวงศ์เทวัญซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบูรพาพยัคฆ์ เตรียมกำลังปราบกบฏ สลายเครือข่ายบูรพาพยัคฆ์ ทำให้เครือข่ายบูรพาพยัคฆ์ขยับไม่ออก ไม่สามารถดำเนินการควบคุมตัวนายกยิ่งลักษณ์ได้ตามใบสั่ง ตั้งแต่แผนการจากทุ่งมะขามหย่องจนถึงเดือนเมษายน2556ที่ผ่านมา

รายงาน ข่าวแจ้งต่อไปว่า กลุ่มสี่เสา เขายายเที่ยง พยายามดิ้นรนหาทางออก เพราะได้ข่าวว่า ปลาวาฬปากแดงให้การสนับสนุนลูกชาย และตัวลูกชายมีบทบาททำหน้าที่ควบคุมการดูแลกูม่ายรุกูป่วย และปลาวาฬปากแดง ในทุกๆขั้นตอน ทำให้สี่เสาเจาะเข้าไปไม่ได้ นอกจากนี้ เครือข่ายบูรพาพยัคฆ์ถูกสกัดกั้นจนขยับตัวไม่ออก สี่เสาและคณะจึงใช้ตุลาการภิวัฒน์เป็นเครื่องมือกำจัดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ถูกต่อต้านจากสภานิติบัญญัติ จนหาทางออกไม่ได้ในขณะนี้ เพราะถ้าหากสภานิติบัญญัติใช้วิธีอารยะขัดขืน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ แล้วจะทำอย่างไร?จะเอากำลังทหารออกมาทำรัฐประหาร ก็ถูกฝ่ายวงศ์เทวัญเตรียมตลบหลัง และถูกต่อต้านจากประชาชน คนเสื้อแดง อย่างหนักหน่วงรุนแรง จนเผด็จการพังพินาศยกโขยง


โดย อินไซด์ ไทยแลนด์ (บันทึก) เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2013 เวลา 20:50 น 


เพิ่มเติม
 https://www.facebook.com/photo.php?fbid=118692884999792&set=a.106225726246508.1073741827.100005772428026&type=1&ref=nf

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เรื่องเก่าที่กำลังทำกันขึ้นมาใหม่อีกหรือเปล่า "ผู้ใหญ่"หนุน"เสธอ้าย"ระดมทุน ๕ พันล้านขับรบ./สัญญานฆ่า"ทักษิณ"เอาจริง/ทหารเลือกข้างสะสมกำลังปะทะ


@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน สถานการณ์การเมืองการทหาร ในช่วงเดือนนี้(พ.ย.2555) ว่า ปรากฎการณ์กรณี"เสธอ้าย"มีความไม่ธรรมดา ตามที่"พล.อ.พัลลภ"ออกมาส่งสัญญาณ และท่าทีกังวลของ
หลายฝ่ายรวมถึง"ทักษิณ" โดยมีการเชื่อมผ่านปฏิกริยาด้วยการส่งสัญญาณผ่านเฟสบุ๊คของ"พานทองแท้"กรณี ข่าวการเตรียมการลอบสังหารเขาที่มีการจับอาวุธสงครามบริเวณท่าขี้เหล็กจริง กระทั่งมีการขยายสัญญาณนี้ผ่านหลานของ"ปรีดา พัฒนถาบุตร"ผู้เป็นครูการเมืองของ"ทักษิณ" ซึ่งปัจจุบันคุมงานข่าวกรอง

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า"เสธอ้าย"ถูกจัดวางจาก"ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง"ใน"เชิงสัญลักษณ์"ทั้งในทางเปิด และปิด และทั้งในการเป็น"เซ็นเตอร์"ในการปลุกเร้าระดม"มวลชน"และ"เสบียงกรัง"ที่
"ผู้ใหญ่ ท่านนี้"ถึงขนาดเปรยกับผู้ใกล้ชิด ว่าการระดมเสบียงกรังสำหรับยุทธการปิดบัญชี ครั้งนี้ จะใช้งบประมาณ ๕,๐๐๐ล้านบาท โดยเพียงวันการชุมนุมครั้งแรกที่มีการระดมคนจากทั้งสันติอโศก 
ภาค ใต้ตอนบน และอีสาน เพียงแค่การประกาศผ่านไปยังกลุ่มทุนเก่าที่เคยร่วมขบวนทัพ"ชมรมคนรู้ทัน ทักษิณ"ก่อนก่อตัวเป็น"พันธมิตรฯ"เมื่อปี ๒๕๔๘ ในคืนที่สนามม้านางเลิ้ง ก็สามารถได้เงิน
หน้าตักมาถึง ๓๐๐ ล้าน ภายใต้การเอ่ยปากของ "ผู้ใหญ่ท่านนี้"ที่ส่งผ่านสัญญานไปยัง"เสธอ้าย"

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า ปรากฎการณ์ของ"เสธอ้าย"ถูกนำไปเชื่อมต่อกับสัญญานในกองทัพกับการขยับปรับ เปลี่ยน ผบ.พันนับร้อยตำแหน่งก่อนหน้าไม่นาน แม้"พล.อ.ประยุทธ์"จะไม่มีท่าที
เด่นชัดทั้งยังปรามไม่ให้กำลังพลเข้าไปร่วมหรือยุ่งเกี่ยวการเมือง ท่ามกลางครหา มีการขนทหารจากบางหน่วยเข้าไปร่วมที่สนามม้านางเลิ้ง

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า ความไม่ธรรมดาของ"เสธอ้าย"ถูกมองเชื่อมผ่านภริยาที่มีสถานะใกล้ชิด" ผู้ใหญ่"ท่านหนึ่งที่เคยมีบทบาทครั้งม็อบพันธมิตรที่ปัจจุบันมีอาการป่วย และภายหลังมาทำ
งานกับ"ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง" ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทแทน"ผู้ใหญ่อีกท่าน"ซึ่งขอถอนตัวไม่ร่วมช่วงชิงกับ" ผู้ใหญ่"ที่เคยเกิดกรณีขัดแย้งรุนแรงกับ"อดีตขุนศึก"..ในสถานการณ์ความ เปลี่ยนแปลงทางอำนาจระดับโครงสร้างชั้นบน..หลังจากที่มีการปล่อยข่าวทำนอง ขู่ว่าจะเปิดเผยเรื่องเรื่องความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับ บุคคลที่ได้รับความไว้วางใจจาก"ผู้ใหญ่"อีกท่านหนึ่ง..อันมีหลักฐานปกปิดที่ เกาะฮ่องกง

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า อดีตนายกระดับ"นายพล"ที่เคยเป็น"คู่ขัดแย้งหลัก"กับ"ทักษิณ"ถูกระบุว่าอยู่ เบื้องหลัง"เสธอ้าย"ในปฏิบัติการอันมีความเชื่อมต่อกับ"มวลชน"และ"พรรค"ฝ่าย ปฏิปักษ์
อำนาจรัฐ ภายใต้การสนับสนุนอย่างเข้มข้นจาก"อดีตขุนศึก"ที่สนับสนุน"นายพลท่านนี้"มา โดยตลอด โดยในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนให้เป็น"ผู้นำ"ที่อยู่หลังเวที ภายใต้การให้คำปรึกษาของ"ชายผม
หงอก"โดยคำสั่งจาก"ผู้ใหญ่ ท่านหนึ่ง"แม้จะทราบดีว่าเหตุผลในการโค่นล้ม"ยิ่งลักษณ์"ยังน้อย แต่จำเป็นต้องรีบเคลื่อน เพื่อบรรจบกับปฏิบัติการคู่ขนานของฝ่ายค้าน..และฝ่ายปฏิบัติการเดิมที่กังวล
กับ ปฏิบัติการ"เอาคืน"จากฝ่ายทักษิณและเสื้อแดง โดยเฉพาะในคดี 91ศพเสื้อแดง ที่ขยายวงลุกลามไปยังนักข่าวต่างประเทศ และหลายประเทศ จนทำท่าจะบานปลายถึงคดีอาญาในอดีต กระทั่ง"ผู้ใหญ่"มีข้อตกลงกับ"ทักษิณ"ที่จะให้จบลงที่ อดีตนายกฯ และอดีตรองนายกฯ รัฐบาลเก่า 

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า ฝ่ายแกนนำเสื้อแดง เริ่มมีการส่งสัญญานให้ระมัดระวังตัวกันมากขึ้น หลังทราบว่าถูกหน่วยงานลึกลับติดตามประกบคล้ายเหตุการณ์ช่วงรัฐประหาร..๔๙  ซึ่ง
สัญญาณนี้สอดคล้องกับอาการของ"ธิดา"ที่อยากจะลาออกจาก การนำ โดยให้"จตุพร"ขึ้นแต่"จตุพร"ยังไม่ตอบรับ เพราะเชื่อว่าในครั้งนี้ฝ่ายอำนาจตรงข้ามกับหลังจะเคลื่อนเข้าชนโดยไม่สนใจ ว่า
สถานการณ์ประเทศจะมีผลลัพธ์เช่นใด ภายใต้การส่งสัญญาณเชื่อมโยงกันระหว่าง ม็อบเสธอ้าย และมวลชนที่กำลังถูกจัดตั้งจากภาคใต้ตอนบน แม้ในขณะที่"สุเทพ เทือกสุบรรณ"จะเดินสายไป
รายงานตัวตามจังหวัดต่างๆจากคดีที่ฝ่ายตรงข้ามไปแจ้งความไว้

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า ฝ่าย"ทักษิณ"มีการเตรียมการสู้กับปฏิบัติการล้มรัฐบาลปัจจุบันในทุกรูปแบบ ไม่แต่เฉพาะปฏิบัติการขยายประเด็น"แช่แข็งประเทศ๕ปี"ของ"เสธอ้าย"ปลุกเร้า มวลชน
แดงในรูปแบบ"ป่าล้อมเมือง"และ"โลกล้อมประเทศ"ด้วยการ ให้ ประเทศมหาอำนาจแสดงท่าที"ไม่เห็นด้วย"หากประเทศไทยจะเกิดปัญหาการเปลี่ยน แปลงแบบปี ๒๕๔๙ ขึ้นอีก และเตรียมมีการ
จัดตั้งรัฐบาลพลัด ถิ่น หากเกิดเหตุการณ์รุนแรง ซึ่งฝ่ายแดงมีการประเมิน ว่าหาก ม็อบปฏิบัติการเชื่อมต่อกับฝ่ายการเมืองฝ่ายค้านล้มรัฐบาลและหากมีการใช้ กำลังหักดิบ จะทำการเคลื่อนไหวโดย
อาวุธที่นำไปสู่สงครามกลางเมือง และจะส่งผลกระทบกับสถาบันฯ

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า แม้ท่าทีของ"พล.อ.ประยุทธ"จะพยายามเลี่ยงที่จะแสดงความเห็นด้วยท่ามกลางการ บีบทางอ้อมด้วยการอ้าง"ผู้ใหญ่"ที่"พล.อ.ประยุทธ"เคยรับคำสั่งครั้ง พันธมิตรฯและ
ครั้งต่อมาปฏิเสธที่จะรับคำสั่งในการเข้ายึด อำนาจรัฐบาลเพื่อไทย  แต่กลับมีการเคลื่อนไหวของระดับรองผบ.เหล่าทัพ ที่หลายสายรายงานตรงกันว่าอาจได้รับมอบหมายจาก"สายตรง"ด้านบนให้
ปฏิบัติการทางทหาร โดยเฉพาะการส่งกำลังแทรกซึมเสริมในมวลชน

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า สถานการณ์การแบ่งกลุ่มรุ่นในกองทัพไม่ใช่มีแต่ปฏิกริยาที่ปรากฎของ ตท.๑-๔ ที่ตบเท้าให้กำลังใจ"เสธอ้าย" และ ตท๕-.๑๐ที่เชิญชวนเตรียมหารทุกรุ่น รวมตัวกันที่
รร.มิรา เคิลแกรนด์ เพื่อต่อต้าน "เสธ.อ้าย"ประธานมูลนิธิเตรียมทหาร และ"ตท.1" ที่หนุนปฏิวัติแช่แข็งประเทศ หากแต่มีการแบ่งกลุ่มขั้วสีและกองกำลังกันอย่างชัดเจนตั้งแต่ก่อน หน้าที่"ผู้ใหญ่"จะ
ออกมาปรากฎตนหลังข่าวลือหนาหูแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของ"ผู้ใหญ่อีกท่าน"ที่มีการสะสมกำลัง และฝึกกำลังในพื้นที่ภาคอีสาน ขณะที่"ผู้ใหญ่อีกท่าน"พยายามเข้าไปดูแลกองกำลังทหารเสือราชินี 
ที่ผู้ใหญ่อีกท่านเคยมีบทบาทดูแล..

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า หลายฝ่ายมีการเตรียมทางหนีทีไล่สำหรับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจากการเป็น ฝ่ายแพ้ของฝ่ายตนแล้ว โดยเฉพาะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ได้เกิดปรากฎการณ์ของพรรค
การ เมืองหนึ่ง เริ่มมีการแยกตัวของบรรดา"ผู้อาวุโส"ของพรรค(อาทิ ชวน หลีกภัย,ไตรรงค์ สุวรรณคีรี และอดีตหัวหน้าพรรคหลายราย)ในการเตรียมจดพรรคใหม่หากพรรคได้รับผลกระทบจาก
ปฏิบัติการของ"คนหนุ่ม"

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่าสถานการณ์ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน2555    มีการขมวดเวลาความขัดแย้งและสัญลักษณ์การเคลื่อนไหว ไปที่ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และม็อบหน้าสภาฯ ว่า มี
ความต้องการ ของฝ่ายก่อการ ที่จะนำไปสู่สถานการณ์บานปลายไปสู่การนองเลือดจากความเปลี่ยนแปลงที่จะมี ระยะเวลาทอดยาวความวุ่นวายจากกาวะนี้ มากกว่า ๑-๒ปี..

 ว่าแต่แผนครั้งใหม่นี้จะเริ่มลงมือกันเมื่อไหร่ล่ะ ประชาชนเขาคงรออยู่แล้ว รักกันมากนักประเทศไทย เอาให้มันพังไปเพราะความรักเลย จ้องแต่จะทำลายกันทุกวี่ทุกวัน
 

"ให้เป็นอุทาหรณ์จริงๆ"



ปูโชว์ก้าม” กลัวซะไหน

เอาเป็นว่า คิวนี้ “ยิ่งลักษณ์” ทำหน้าที่ของตัวเองได้เข้าเป้า เล่นได้ตามเกม
แต่เรื่องของเรื่อง เครื่องหมายคำถามมันยังอยู่ที่ว่า ใครเป็นคน “เขียนสคริปต์” ให้นายกฯยิ่งลักษณ์ปาฐกถาเป็นภาษา อังกฤษ ที่แปลเป็นไทยแล้ว “แทงใจ” เครือข่ายอำนาจฝ่ายต้าน สะท้านสะเทือนกันไปทั้งบาง และโดยจังหวะมันก็คาบเกี่ยวกัน กับกระแสความเคลื่อนไหวล่าสุดของพี่ ชาย อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร จะบินมาปักหลักที่ฮ่องกง ตามคิวเรียกนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯไปเฉ่งปี๋ โทษฐานออกอาการ “ป๊อด” จะแหกประกาศิตเข้าชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ จับอารมณ์ “นายใหญ่” ที่โดดคุมเกมงัดข้อกับองค์กรอิสระ ก็ตรงกับบทในสคริปต์พอดิบพอดี



แต่ที่ลึกกว่านั้น มันล้อกับข่าววงใน “หน่วยเฝ้าระแวง” เครือข่ายของอดีตนายกฯทักษิณ ที่แฝงตัวอยู่ในหน่วยความมั่นคง ได้กลิ่นปฏิวัติโชยหึ่งมาวูบๆวาบๆ จับการเคลื่อนไหวบิ๊กท็อปบูตที่นัดเจอกันในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม ในเหลี่ยมนี้ มันก็มองได้ว่า เป็นการชิง “ดักคอ” นายกฯยิ่งลักษณ์ต้อง “ปล่อยของ” บอกให้โลกรู้สถานการณ์ประชาธิปไตยในเมืองไทย



ตามจังหวะโยงต่อเนื่องกับการที่รัฐบาลส่ง “หมวดเจี๊ยบ” ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ออกมาแถลงดักคอกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พูดเป็นนัยยกตัวอย่าง “หากมีคนขู่จับตัวนายกฯยิ่งลักษณ์” จะเป็นอย่างไร ลึกๆในใจ “อภิสิทธิ์” หวังอะไรอยู่
ดูกันตามเกม รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทีมงานของ “นายใหญ่” ก็อยู่ในจังหวะ “ตั้งการ์ด” พร้อมรับมือเกมล้มกระดาน ในสถานการณ์ที่กำลังไหลเข้าสู่จุดวิกฤติอำนาจอธิปไตย 3 ขา นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ขบเหลี่ยมกันอย่างจัง เข้าเงื่อนไขให้อ้างเหตุรัฐประหาร กันเนียนๆ


นอกจากนี้ ในส่วนท้ายของบทความได้มีการย้ำถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตการเมืองไทย อาทิ แกนนำพันธมิตรฯไม่ติดคุก และ ผลการไต่สวนของศาลระบุว่า "ทหาร" ยิง "ทหาร" ด้วยกันเองเสียชีวิตในช่วงการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 โดยระบุดังนี้


ล่าสุดศาลอนุญาตให้เลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานคดีแกนนำม็อบพันธมิตรฯบุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองออกไปเป็นวันที่ 28 กรกฎาคม ตามเหตุที่จำเลยอ้างว่า ยังไม่มีทนายความ และ วันเดียวกันศาลอาญาอ่านคำสั่งในคดีการไต่สวนการเสียชีวิตของพลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กองพลทหารราบที่ 9 จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง เมื่อปี 2553 ถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูงที่ยิงจากอาวุธของเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนั้น
แน่นอน ถ้าว่ากันตามอารมณ์ “ยิ่งลักษณ์” เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ ก็ยังพอมีเวลาฉุกคิดกันทุกฝ่าย


ที่มา... http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/342058

 "ไทยรัฐ" ยืนยันข่าว เตรียมปฏิวัติ!
http://www.go6tv.com/2013/05/blog-post.html?showComment=1367376107930
 

วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2556

"ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" สวมวิญญาณกวีซีไพร่ ร่ายบทกลอนสวนหมัด "เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์" กวีซีไรต์



"ร้อน"
โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

... @ ร้อนไฟใต้ไหม้ลามที่ด้ามขวาน
ร้อนตำนานกร้านศึกจารึกสมัย
ร้อนที่ยังไม่ระงับไม่ดับไฟ
ร้อนที่รุมสุมไหม้ประชาชน

@ร้อนโกดังข้าวทำจำนำเน่า
ร้อนที่ยังสั่งเข้าข้าวปี้ป่น
ร้อนที่กินข้าวย้อมข้าวปลอมปน
ร้อนกระเป๋ารั่วจนขอดก้นคลัง

@ร้อนตัวเลขเงินกู้บู๊ล้างผลาญ
ร้อนเป็นล้านล้านทะลายขายความหวัง
ร้อนชาตินี้ใช้หนี้ชาติหน้ายัง
ร้อนเรื้อรังอาละวาดถึงชาติโน้น

@ร้อนกฎหมายร้อนร้อนไม่ผ่อนเพลา
ร้อนเหมือนเข้าเครื่องบังคับจับเต้นโขน
ร้อนปรองดองปองดูน้องปูโดน
ร้อนตุ้มเป๊ะเตะกระโถนโดนตะเกีย

@ร้อนอำนาจบาตรใหญ่ใช้บาตรทุ่ม
ร้อนเพราะอุ้มจงอางอย่างสุ่มเสี่ยง
ร้อนเพราะคอยแต่ฟังคนข้างเคียง
ร้อนเพราะไม่ฟังเสียงประชาชน!

เนาวรัตน์พงษ์ไพบูลย์
พฤหัสบดี ที่ 28 มี.ค. 2556

********************

"เย็น"

@เย็นจากปลายด้ามขวานงานคืบหน้า
เย็นด้วยวงเจรจาหาเหตุผล
เย็นด้วยรัฐเคียงข้างประชาชน
เย็นน้ำใจดั่งฝนช่วยดับไฟ

@เย็นมีจำนำข้าวรายได้เพิ่ม
เย็นเงินเติมกระเป๋าตุงทุ่งสดใส
เย็นภาษีขยายตัวจากภายใน
เย็นลืมตาอ้าปากได้แล้วชาวนา

@เย็นลงทุนครั้งใหญ่ใช้สร้างชาต
เย็นความหวังเคยวาดสมปรารถนา
เย็นขนส่งทั้งบกน้ำกำลังมา
เย็นไม่เสียเวลาตั้งตาคอย

@เย็นแก้รัฐธรรมนูญเครื่องหมุนแล้ว
เย็นดวงแก้ว′ธิปไตย ไม่เกินสอย
เย็นทุกข้อกล่าวหาล้วนหลักลอย
เย็นหิ่งห้อยจะส่องแสงด้วยแรงตน

@เย็นอำนาจนอกระบบต้องหลบหน้า
เย็นหางเครื่องอำมาตยายังสับสน
เย็นจับใจเพราะรับใช้ประชาชน
เย็นเพราะเดินบนถนนประชาธิปไตย

ณัฐวุฒิใสยเกื้อ
กวีซีไพร่

วันศุกร์ที่29 มีนาคม 2556


โดย

ผ่านเฟชบุ๊ค..
 
..................................................................................................................................
   ***** ชาวบ้านร่วมแจมแสดงความคิด *****

...จะร้อนหรือเย็น..ก็แค่ความคิดเห็นต่าง...
@ ร้อนหรือเย็น   เป็นแค่      ความคิดต่าง
เพราะหนทาง      ที่ใช่         ให้ร่วมแก้
หากมัวใช้             วาทะ      คอยยุแหย่
คงต้องแพ้            พ่ายยับ    ดับทุกคน
@ร้อนหรือเย็น   เป็นแค่        สันดานดอก
อย่าได้เที่ยว  หลอกหลอน     สอนสับสน
หากจริงใจ           รู้ทุกข์       ประชาชน
จะร้อนรน             เย็นชา      ก็พ้นภัย
@ร้อนหรือเย็น    เป็นแค่       การแสดง
ที่เสแสร้ง        สร้างกล        ร่างกฏหมาย
อวดสักดา          ข้ารู้          ประชาธิปไตย
แต่สุดท้าย        ผลกรรม      ประชาชน
@ร้อนหรือเย็น    เป็นแค่        คำกล่าวอ้าง
ลับลวงพราง       อ้างชาติ      อ้างเหตุผล
คอยล้วงลึก    ชำแหละ          คนหนอคน
ต่างสาดโคลน     ใส่ร้าย        ป้ายสีกัน
@ร้อนหรือเย็น    เป็นแค่       ตอแหลกาย
ต่างมุ่งหมาย       อำนาจ       น่าฉงน
คนที่ดี             ตั้งใจ           สู้อดทน
 จะกี่คน       ก็เห็นเห็น        เช่นเมืองไทย


                             ชาวดินออนเน็ต

                              ยรรยง  ลูกชาวดิน
                                         6 เม.ย.2556  

วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

สัญญาณอันตราย...เตรียมพร้อมปราบกบฏ...มันเอาแน่

เรื่องเล่าชาวเน็ต


 ......ไม่มีวันถอย...ไม่ก้มหัว....ไม่มีกราบกราน
......กูจะไม่ยอมให้มึงเอาปืนจอหัว....อีกต่อไป
......กูจะไม่ยอมให้ตุลากวยหัวคานมันเอาตีนเหยียบหัวอีกต่อไป
......ใครจะยอมก็ช่างแม่งมัน..แต่กูจะอยู่สู้กับมึง

การโค้นล้มเผด็จการ...โดย ปชช มีอยู่แนวทาง 2 แนวทางหลัก :

1....ใช้แนวทางปฏิรูป....ด้วยการต่อสู้เรียกร้องโดยใช้สันติวิธี..ค่อยเป็นค่อยไป
......โดยหวังว่าเผด็จการจะยอมคืนอำนาจมาให้ประชาชนโดยสันติวิธี..แต่โดยทั่วไปแล้ว
......ปชช จะถูกเผด็จการเข้าปรามปรามและเข่นฆ่า..ต้องเสียชีวิตและเลือดเนื้อไปจำนวน
......มากมาย..โอกาสที่จะชนะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากอาจต้องรอกันถึงชั่วอายุคนนับเป็น100 ปี

2....ใช้แนวทางปฏิวัติ....โดยการที่ ปชช รวมตัวกันเป็นม๊อบอย่างเข้มแข็ง..เข้ากดดัน
.......ฝ่ายเผด็จการ...จะมีการใช้กำลังเข้าประหัตประหารกันอย่างรุนแรงทั้งสองฝ่าย..จนนำไป
.......สู่สงครามกลางเมือง...ทำให้สูญเสียชีวิตและไพร่พลมากมาย...ฝ่ายไหนที่มีกำลัง มวลชน
.......และอาวุธที่เหนือกว่า...ก็จะเป็นฝ่ายชนะ....ส่วนใหญ่จะใช้เวลาเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นๆ
.......การขับไล่ระบอบเผด็จการทั่วทั้งโลก..ส่วนใหญ่จะจบลงด้วยการปฏิวัติโดย ปชช ทั้งสิ้น..

==================================================================================

ขอขยายเป็นแนวทางใหม่ คือ :

3....แนวทางปราบกบฏ....ในรูปแบบการปกครองในระบอบกึ่ง ปชต กึ่งเผด็จการที่เป็นอยู่ขณะนี้
.......ปชต..ในรูปแบบนี้จะล้มลุกคลุกคลานมาตลอด...เพราะเป็น ปชต ที่แฝงอำนาจเผด็จซ่อนรูปกำกับ
.......และควบคุมอยู่เบื้องหลัง...โดยมีกองกำลังทหารและตุลากาล..เป็นเครื่องมือและฐานอำนาจ
.......เมื่อฝ่าย ปชต เริ่มจะแข็งแรงพัฒนาไปข้างหน้า...ก็จะเกิดมีการรัฐประหารเกิดขึ้นทุกครั้งไป
.......แล้วก็เริ่มตั้งต้นนับหนึ่งกันใหม่ซ้ำซาก...อย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้....

.......ทำไมถึงต้องเรียกว่า..แนวทางปราบกบฏ....ก็เพราะว่าอำนาจรัฐฯในรูปแบบ ปชต ได้ตกมาอยู่
.......ในมือของรัฐบาลฝ่าย ปชช แล้ว..แต่ในขณะเดียวกันอำนาจแฝงก็เข้ามากดดันอย่างหนักตลอดเวลา
.......เพื่อหว้งที่จะมีการช่วงชิงอำนาจกลับคืนไป...โดยการพยายามทำรัฐประหารหรือก่อกบฏขึ้นนั่นเอง...
.......เมื่อเกิดการกบฏ..ก็ต้องถูกปราบปรามเป็นไปตามหลักสากล...ที่ใครจะมาล้มล้างอำนาจ ปชต ที่มาจาก
.......ปวงชนมิได้เป็นอันขาด...และการกบฏจะมีโทษถึงประหารชีวิต....
.......เพราะฉะนั้นภาค...ปชช...จึงต้องรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น...เพื่อเตรียมพร้อมรับมือการก่อกบฏ
.......ที่กำลังจะเกิดขึ้นค่อนข้างจะแน่นอนเร็วๆนี้...ให้จับตา..เมษา..นี้เป็นต้นไป..อย่ากระพริบตา

รูปแบบในการเตรียมพร้อมรับมือกับโจรกบฏ...มีข้อปฏิบัติดังนี้ :

1.......ให้มวลชน...ปชต...ทั้งหมดสมัครเข้าเป็นกองกำลังอาสาสมัครป้องกันชาติและพิท้กษ์ประชาธิปไตย
.........โดยที่ไม่มีการเรียกร้องผลประโยชน์จากรัฐใดๆทั้งสิ้น...จึงไม่ต้องมีงบประมาณมาสนับสนุน
.........รัฐฯสามารถจัดตั้งขึ้นได้ทันที..โดยออก พรก..หรือ พรบ...รองรับให้ถูกต้องตากฏหมาย.
.........รัฐบาลในอดีตที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งกองกำลังอาสาสมัคร ปชช ขึ้น..เช่น.ลสชบ..ทสปช..เป็นต้น
2.......ให้มีการฝึกฝนในภาคปฏิบัติเพื่อต่อต้านการกบฏได้ทุกรูปแบบ...ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธจริง...ใช้เพียง
.........วัสดุดัมมี่จำลอง...เช่นไม้หรือพลาสติด...ใช้เป็นเครื่องมือในการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสม
3.......ช่วยกันเปิดเผยความจริงทั้งหมดต่อสาธารณชนทั่วประเทศว่า...ระบอบเผด็จการจะเป็นภัยต่อระบอบ
.........ประชาธิปไตยของประเทศอย่างร้ายแรง...การที่ทำให้ ปชช ทั้งประเทศตาสว่างขึ้น..จะเป็นอาวุธ
.........ร้ายแรงชนิดหนึ่งที่จะป้องกันการกบฏได้อย่างมีประสิทธิภาพ..
4.......การกบฏที่มีประชาชนเข้มแข็งจะทำได้ยาก....จะมีกองกำลังกบฎเพียงน้อยนิด...ถ้าใหญ่มากไป
.........การก่อกบฏจะทำได้ยากเพราะความลับจะรั่วไหล.....จึงไม่ยากต่อการปราบปรามและใช้เวลาเพียงสั้นๆ...
.........แต่ภาค ปชช จะต้องเป็นแกนนำหลัก..ผนวกกำลังเข้ากับ..ข้าราชการทหาร..ตำรวจ..และพลเรือนทั้งหมด
.........ที่ยืนอยู่่กับรัฐบาล ปชต ที่ถูกต้องและชอบธรรมให้ได้....จะเป็นผลง่ายต่อการปราบปรามและสูญเสียน้อยที่สุด
5.......ในระบบสื่อสาร..ให้ใช้ดาวเทียม KU-Band และ Internet (มันจะปิดกั้นได้ไม่นานเพราะเป็นสื่อสารหลัก
.........ของโลกไปแล้ว) เป็นเมนหลักในการติดต่อข่าวสารกับทางรัฐบาล....งบอุปกรญ์ดาวเทียมประมาณ 3000 บาท
.........เตรียมตัวหาข้อมูล....ตำแหน่งและมุมกัม-เงย..ของดาวเทียวจากประเทศเพือนบ้านไว้ให้พร้อม
..........ในกรณีที่...สถานีดาวเทียวไทยคมถูกกบฏยึด...รัฐฯจำเป็นต้องหันไปใช้ดาวเทียวของเพื่อนบ้านแทน.

.......ในขณะเดียวกันประเทศนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมากมาย..เพียงแค่เมืองหลวงถูกยึดครองเป็นพื้นที่
.......ขนาดเล็กมาก..ไม่มีผลต่อรัฐบาลโดยรวมทั้งประเทศ...รัฐบาลยังมีพื้นที่ครอบครอง...ทั้งเหนือและอีสาน
.......ทั้งหมดกว่าค่อนประเทศ....โดยมี ปชช เป็นฐานรองรับ...จึงยังคงความเป็นรัฐบาลอยู่ได้ตามหลักสากล
.......ทุกประการ....โดยมีต่างชาติ...และ UN ให้การสบับสนุนเหมือนเดิม...และรัฐฯยังมีอาวุธสำคัญคือ พรบ
.......ความมั่นคง ประกาศกฏอัยการศึก..เข้าควบคุมกลไกของรัฐฯได้ทุกหน่วยงานทั่วทั้งประเทศ...สามารถออก
.......คำสั่งระดมพล..ข้าราชการ ตำรวจ ทหารประจำการและกองหนุนรวมไปถึงอาสาสมัคร..ปชช ทั้งประเทศ
.......ทั้งหมด...เข้าร่วมปราบปรามกบฏและสามารถใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ของรัฐฯ...ได้อย่าง
.......ถูกต้องตามกฏหมาย...รวมไปถึงการเสียชีวิตของข้าศึกด้วย...จึงเป็นโอกาสของพวก
.......ฮาร์ดคอร์ทั้งหลาย..ที่เฝ้ารอคอยกันมานานจะได้ออกกำลังกันเสียที...

...................ผมจึงขอเรียกแนวทางที่ 3 นี้ว่า......แนวทางปราบกบฏ.....ไม่ใช่แนวทางปฏิวัติแน่นอน
...................จึงขอให้แดงทุกแดงทั้งประเทศ....จงเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเมื่อถึงเวลาอันวิกฤติ....ถึงอย่างไร..
...................พวกมันหนีไม่พ้นที่จะทำการก่อกบฏยึดอำนาจรัฐฯ....ตามสันดานโจรชั่วที่ทำกันมาตลอด...

สรุป : รัฐบาลจะอยู่ได้ก็เพราะ ปชช เป็นฐานกำลังค้ำจุนเท่านั้น...และในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องไม่ทิ้ง ปชช
..........เช่นกัน...การที่จะหนีออกไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น....จะเป็นความคิดที่โง่เขลาเบาปัญญา...และเป็นวิสัย
..........ของคนขี้ขลาดพึงกระทำกัน..เมื่อ ปชช ไม่ทิ้งรัฐฯ..แล้วรัฐฯจะทิ้ง ปชช ได้อย่างไร....จึงขอฝากเรียน
..........ถามไปถึง...ข้าราชการ...ตำรวจ...และทหารแตงโม...ทั่วทั้งประเทศว่า..เมื่อมีการกบฏเกิดขึ้น...
..........ท่านทั้งหลาย..จะฟังคำสั่งของพวกโจรกบฏที่ผิดกฏหมาย..หรือจะฟังคำสั่งอันถูกต้องและชอบธรรม
..........ของรัฐบาล......และแน่นอนที่สุดตามธรรมชาติของมนุษย์จะยึดถือความถูกต้องชอบธรรมเป็นหลัก..
..........และปฏิเสธอำนาจโจรนอกระบบ...และเชื่อได้ว่า..พวกโจรกบฏจะไม่สามารถดำรงอยู่ได้..และคนชั่ว
..........จะถูกปราบปรามราบคาบสิ้นไปจากผืนแผ่นดินไทยในที่สุด...../
.=======================================================
จึงขอถาม...คนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินว่า :

ท่าน.....จะสู้........หรือ........จะหนีตาย.....?

by : getoutcoup


 

วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

อีกมิติหนึ่งของการระบายความอึดอัด

ที่มาจาก ไทยอีนิวส์ 3 มีนาคม 2556


ถึง ประยุทธ จันทร์โอชา
จาก RED USA: ทำไมวลีอันไร้ค่าจึงออกจากปากเจ้า
คำพูดอันเนื่องมาจากคำให้สัมภาษณ์ของเจ้า
หลังรายการตอบโจทก์ "ซี่รี่ 5" ที่สมศักดิ์กับศิวลักษณ์ปะทะปัญญากันทางทีวี
ให้ชาวบ้านร้านช่องได้รู้ถึงเหตุ รู้ถึงผล ซาบซึ้งถึงความเป็นมาและตระหนักถึงสิ่งที่จะเป็นไป

แต่เจ้ากลับตะเพิดพวก (ที่เจ้าอ้างว่า)ไม่เอาเจ้า แก้ ม.112 ให้ออกไปจากประเทศไทยนั้น
มันรับไม่ได้จริงๆ มันกร่างเกินไป เพราะถ้าเทียบอาวุโสและซีกับบรรดาข้าราชการทั่วไปแล้ว
เจ้าอาจมีตำแหน่งแค่อธิบดีเท่านั้น ยังไม่ถึงระดับปลัดกระทรวงด้วยซ้ำ
ดังนั้นจงอย่าทำตัวกร่างให้มากนัก

ที่เจ้ามีตำแหน่งเป็นถึง ผบ.ทบ. และผู้คนให้ความเกรงกลัวเจ้าทั้งแผ่นดินนั้น เจ้าจงพึงสำเหนียกไว้ว่า
ความเกรงกลัวของคนทั้งแผ่นดินมิได้เกิดจากคุณงามความดีที่เจ้ากระทำ และก็มิได้ก่อเกิดจากผลงานของเจ้า
ที่คนเกรงกลัวเพราะเจ้ามีปืน และมีกองกำลังทหาร

ทั้งอาวุธและกองกำลังทหาร
ล้วนถูกจัดหาจัดซื้อมาด้วยภาษีของประชาชนทั้งนั้น

มันฟังดูบาดหู มองดูแล้วขัดตา ทั้งขัดความรู้สึกและขัดใจประชาชนเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากอาวุธที่เจ้าถือ กองกำลังที่เจ้าครอบครอง เงินเดือนที่เจ้าได้รับ งบลับที่กลายเป็น "งบเรา"
กลับถูกนำมาใช้กดขี่เข่นฆ่าประชา

ข้อความที่กล่าวในวรรคต้นเจ้าก็รู้มิใช่หรือว่า มันเป็นความจริง เพราะฉะนั้น
อย่าดูถูกประชาชน อย่าขับไล่ประชาชนเหมือนหมูเหมือนหมาให้ไปอยู่ที่อื่น
เพราะบ้านหลวง รถหลวง น้ำมันหลวงและอีกสารพัดที่เป็นของหลวงที่เจ้าและพวกเจ้าใช้เสวยสุขกันอย่างฟุ่มเฟือยนั้น
มันมาจากค่าภาคหลวง
ซึ่งก็คือ "ภาษี" ที่เก็บมาจากประชาชนทั้งนั้น
รวมทั้งที่ดินที่เจ้าซุกหัวนอนก็เป็นของประชาชน

คำขวัญที่พวกเจ้าและกองกำลังของเจ้าติดไว้ทุกค่ายคูประตูหอรบว่า
"เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์" มานานนับชั่วอายุคนนั้น มันไม่เคยให้ความสำคัญต่อประชาชนเลยจริงๆ
ทั้งๆที่ค่าใช้จ่ายในการทำป้ายและคำขวัญนั้นก็มาจากภาษีของประชาชน
เพิ่งมาไม่กี่ปีนี้หรอกที่พวกเจ้าเริ่มมีลางสังหรณ์ ได้กลิ่นสาปสางว่าประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
เจ้าจึงเพิ่มคำขวัญเป็น"เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน"

แต่คำขวัญก็คือคำขวัญ เพราะมันไม่เคยเป็นจริงในทางปฏิบัติ เพราะถ้าเจ้า และคนอย่างเจ้า"เห็นหัวประชาชน"จริง
คงไม่ลากอาวุธยกพลนับหมื่นมาไล่ล่า ลั่นกระสุนปลิดชีวิตประชาชนมือเปล่ากลางกรุงหรอก เจ้าว่าจริงไหมประยุทธ

เจ้ารู้ตัวหรือเปล่าว่าเจ้าได้สุมไฟกองใหญ่ให้เกิดการแตกแยกครั้งใหม่
ที่ใหญ่กว่าเก่าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ด้วยคำสัมภาษณ์เพียงไม่กี่คำของเจ้า
อยากจะยืมวลีอมตะของประธานศาลตลก.มาให้เจ้าได้ทบทวนอีกสักรอบว่า
"เจ้าแกล้งโง่หรือว่าโง่จริงๆ"

เจ้ารู้หรือเปล่าที่ "สถาบัน"เสื่อมเป็นเพราะคนอย่างเจ้าที่ไม่รู้จักแยกแยะผิดถูก
เอาข้อหา "หมิ่นสถาบัน"ไปใส่ร้ายกล่าวหาปรปักษ์ทางการเมืองและผู้ฝักใฝ่ประชาธิปไตย
จับบุคคลที่ถูกกล่าวหาใส่ขื่อตีตรวน ควบคุมกักขังโดยไม่เปิดโอกาสให้แก้ข้อกล่าวหา
ทั้งๆที่ข้อกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง

เจ้ารู้ไหมว่าบุคคลที่ถูกกล่าวหาด้วย "ข้อหาหมิ่น"โดยไม่เป็นธรรมและถูกจองจำอย่าง"ไร้มนุษยธรรม"นั้น
พวกเขามีครอบครัว มีพี่มีน้อง มีญาติสนิทมีมิตรสหาย และมีประชาชนที่รักความเป็นธรรมเฝ้ามองดูอยู่ด้วยจิตใจหดหู่
ประยุทธเจ้าจงรู้ไว้ว่ายิ่งคนอย่างพวกเจ้ากล่าวหาและจับกุมคุมขังประชาชนผู้รักเสรีภาพด้วยข้อหา "หมิ่นสถาบัน"มากเท่าใด
เจ้าก็จะเพิ่มจำนวนคนที่หดหู่กับการกระทำของคนอย่างเจ้ามากขึ้นเท่านั้น
พร้อมถมทับทวีคูณด้วยจำนวนคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิทมิตรสหายและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม
และนั่นคือการนำไปสู่ความ "ล่มสลาย" ของสถาบัน
ตอนนี้เจ้ารู้แล้วหรือยังว่าคนอย่างสมศักดิ์คนอย่างศิวลักษณ์เค้ารัก "สถาบัน"มากกว่าเจ้า
ถ้าเจ้ายังไม่เข้าใจ ก็จะบอกให้เอาบุญ (บุญที่จะบอกให้เจ้ารับรู้นี้มิได้มีจุดประสงค์ก้าวล่วงบุคคลใดหรือผู้หนึ่งผู้ใด)
นั่นคือเจ้าและคนอย่างพวกเจ้า ที่คำก็อ้าง "พ่อของแผ่นดิน"คำก็อ้าง "แม่ของแผ่นดิน"นั้น
เจ้าหารู้ไม่ว่าคนอย่างพวกเจ้าได้นำเอา "พ่อของแผ่นดินและแม่ของแผ่นดิน"มาผูกติดกับการกระทำที่ต่ำช้าของคนอย่างเจ้านะประยุทธ

มีพ่อแม่ที่ไหนทำร้าย เข่นฆ่าลูกของตนเอง อย่าว่าแต่การจับกุมตีตรวนคุมขังเลย
ประยุทธอยากถามเจ้าว่าถ้ามีพ่อแม่หรือที่พวกเจ้าชอบอ้างว่า"พ่อของแผ่นดินแม่ของแผ่นดิน"ทำร้ายเข่นฆ่าประชาชน
ซึ่งเปรียบเสมือนลูก ด้วยข้อหา "หมิ่น" ตามมาตรา 112 อย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปัจจุบัน เจ้าคิดว่าประชาชนจะรู้สึกอย่างไร
ดังนั้นอย่าไปโทษประชาชนต้องโทษคนอย่างเจ้า
และคำว่า "สถาบันเสื่อม" "หมิ่นสถาบัน" และคำว่า "ล้มเจ้า"
ล้วนเป็นวาทะกรรมที่คนอย่างพวกเจ้าประดิษฐ์ประดอยกันขึ้นมาเองทั้งนั้นประชาชนคนทั่วไปหาได้รับรู้ไปกับคนอย่างพวกเจ้าไม่

การที่เจ้าอ้างถึงอดีตนั้น เจ้าต้องอ้างให้ถูกเพราะในอดีตไม่เคยมีประชาชนแอบอ้าง "สถาบัน"เพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
นอกจากคนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปตะโกนในโรงหนังว่า "ปรีดีฆ่าในหลวง"
ซึ่งเป็นต้นแบบให้คน "คลั่งเจ้า"อย่างเจ้าและพวกเจ้าเอาเป็นเยี่ยงอย่างมาจนปัจจุบัน เจ้าคงรู้ใช่ไหมประยุทธ

ประยุทธถ้าเจ้าต้องการอ้างอดีต พูดถึงประวัติศาสตร์เจ้าต้องศึกษาให้รู้จริงว่าคนที่เอาเลือดทาแผ่นดินรักษาประเทศแห่งนี้ไว้
คือประชาชนที่พวก "เจ้า" เรียกว่า "ไพร่" นั้นได้ผูกผ้า ประเจียด" คาด "ตะเบงมาน" ออกรบทั้งหญิงและชาย
เอาชีวิตไปสังเวยเพื่อให้คนอย่างเจ้าได้อยู่ดีกินดีอย่างในปัจจุบันไง ไม่ใช่ทหารอย่างพวกเจ้า ที่เอาแต่กอบโกยกัดแทะกระดูกประชาชน
ถ้าเอาคดีความกันจริงๆในข้อหาร่ำรวยผิดปรกติคงมีนายทหารเป็นผู้ต้องหานับพันราย
ดังนั้นก็จงอย่าได้คิดทวงบุญคุณกับประชาชนว่าทหารคือรั้วของชาติ

ประยุทธเจ้าจบจาก จปร. เป็นนายร้อยห้อยกระบี่จนได้ปรับยศเป็นนายพลในปัจจุบันเจ้าคงรู้ความเป็นมาของทหารประจำการ
และกองกำลังที่ก่อตั้งกันอย่างเป็นทางการว่ามีขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ออกรบกี่ครั้ง แพ้ ชนะกี่ครั้ง ใช่ไหม
แต่เจ้ารู้ไหมว่าประชาชนเค้าไม่เคยจำได้เลยว่าทหารไทยเคยรบในสงครามใดเพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง
นอกจากเป็นทหารรับจ้างไปตายแทนทหารต่างชาติในสมรภูมินอกประเทศให้บรรดาเจ้านายที่เป็นนายพันนายพลกินหัวคิวกันพุงปลิ้น

แต่ที่ประชาชนรู้คือทหารไทยรบแพ้ลาว ทหารไทยกลัวทหารเขมรอย่างหนูกลัวแมว
และที่ประชาชนจำได้ไม่มีวันลืมคือทหารไทยรบชนะนักศึกษามือเปล่าเมื่อ 14 ตุลาคม 2516
ฆ่านักศึกษามือเปล่าตายเป็นเบือเมื่อ 6 ตุลาคม 2519 ไล่เข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าเมื่อ 17 กันยายน 2535
ถล่มประชาชนเมื่อวันสงกรานต์ 13 เมษายน 2552 เข่นฆ่าสังหารหมู่ประชาชนกลางเมืองหลวงระหว่าง
วันที่ 10 เมษายน 2553 ถึง วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ราย บาดเจ็บกว่า 2 พันคน
จับประชาชนไปจองจำอีกนับร้อย ยังไม่นับที่ถูกตามล่าตามฆ่าอีกมากมาย
และถ่วงรั้งความเจริญของประเทศทุกครั้งที่ประเทศเริ่มพัฒนา ประชาชนเริ่มมีกินมีใช้ด้วยการทำรัฐประหาร
การทำรัฐประหาร 18 ครั้งในช่วงเวลาประมาณ 70 ปีที่ผ่านมาคือสติถิที่ไม่มีประเทศใดทำได้

วรรคข้างต้นคือผลงานของทหารไทยที่ประชาชนจำได้
ทหารไทยที่ประยุทธประกาศว่าเป็นทหารของพระราชา



หมายเหตุ ที่มาของบทความ dangdd.com/threads/ประยุทธ-จันทร์โอชา-ต้องอ่าน.9052/

http://thaienews.blogspot.com/2013/03/blog-post_21.html