วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

คำผกา วาทะกรรม:เนรคุณแผ่นดิน ทดแทนบุญคุณแผ่นดิน

ภาพที่โพสต์

ไปพบเจอมาในเว็บไซต์ที่หนึ่งแต่ไม่ต้องบอกคนก็คงรู้ว่าเว็บไหนเพราะว่าเว็บเขาดัง เอาเป็นว่าขอยืมมาเคาะมาเขย่าต่อสักนิดนะครับ...เมื่อได้อ่านแล้วรู้สึกโดนใจ เพราะทุกวันนี้มีคนมากมายหลายคนยิ่งพวกมีชื่อเสียงเงินทองแล้วยิ่งชัดเลย ชอบสรรหาถ้อยคำมาพูดให้ตนดูดี และจุดประเด็นกล่าวหาการกำทำของผู้อื่นต่างๆนาๆแต่สุดท้านมันก็หวังผลประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น การใช้วาทะกรรม เป็นเครื่องมือทำมาหาแดกนั้นต้องบอกเลยว่าตอนนี้กำลังฮิตติดชาร์ตไปทั่วทุกวงการ บ้างก็นำไปแปลไปผวนออกมานำเสนอกันอย่างคึกคะนอง ...และขอแสดงความชื่นชมกับ "คำ ผกา" ที่มีถ้อยคำถามโดนใจคนไทยหลายหล้านคนที่ยังกังขาคาใจกับเหตุการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมา และได้ยินคำกล่าวหากันว่า มึง...พวกมึง ไม่รักชาติไม่รักแผ่นดิน ต่างตอบโต้กันไปมา


สำหรับ Golden Tiger news.มีคำถามง่ายๆที่จะถามเหมือนกัน

 การกระทำในข้อใดบ้างที่เรียกว่าเป็นการเนรคุณแผ่นดิน...

 แล้วกระทำสิ่งใดบ้างที่เรียกว่าทดแทนคุณแผ่นดิน...

แล้วการที่มีคนเกลียดใครสักคนเพียงเพราะมีความคิดเห็นแตกต่างแล้วหาทางกล่าวหาใส่ร้ายว่าอ้างว่าฝ่ายหนึ่งไพร่ อีกฝ่ายคือเทวดา หรือบางคนก็ต่างเกิดวันเดียวกันมีเทวดาปรำจำตัวองค์เดียวกัน แต่พออีกคนไม่คิดดังเช่นตนคิดก็กล่าวหาว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อเทวดาประจำวันเกิด เนรคุณต่อเทวดาประจำวันเกิด แบบนี้ใครเป็นพวกเนรคุณแผ่นดิน....ครับ

Quote of the year (วาทะแห่งปี)

โดย  วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

ลังการปราชัยในการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม แบบ ‘หมดทางสู้’ ฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลของ ‘นายกฯปู’ ซึ่งประกอบด้วยพรรคฝ่ายค้านปัจจุบัน และสื่อฝ่ายตรงข้าม ได้เปิดฉากการเคลื่อนไหว ต่อต้านรัฐบาลใหม่ทันที
        น่าเห็นใจที่คนพวกนี้ จำต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนต่อสู้กันไป เพราะไม่มีทางเลือก เนื่องจากอำนาจรัฐเปลี่ยนมือจากพวกตน กลับไปสู่พรรคเพื่อไทยดังเดิม
        หากฝ่ายที่เป็นปรปักษ์อยู่เฉยๆ โดยไร้กิจกรรมทางการเมือง ปล่อยให้รัฐบาลปัจจุบัน ทยอยขุดแผลเก่า ทั้งเรื่องคอรัปชั่น การบริหารที่ไม่โปร่งใส ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯลฯ ระหว่างที่พวกตนอยู่ในอำนาจตำแหน่ง กว่า 2 ปี รังแต่จะต้องเดือดร้อน และตกเป็นรองทางการเมืองไปอีกนาน อีกทั้งยังจะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า ด้วยการปราชัยต่อกลุ่มของ พ.ต.ท.ทักษิณฯซ้ำๆซากๆ
        ดังนั้น อุทกภัยครั้งนี้ จึงกลายเป็นโอกาสทอง ที่ทำให้พวกฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ได้กระดี๊กระด๊าร่าเริงกันอีกครั้ง จึงตั้งหน้าระดมโจมตีรัฐบาลนายกฯปู ด้วยสื่อของพวกตน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำไปถึงดึกดื่นยันอุษาสาง
        การโจมตีดังกล่าว ไม่ได้ทำอย่างสะดวกดายนัก เพราะพวกเขาถูกโต้ตอบแบบฉับพลันทันที จากกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล และผู้รักชาติและประชาธิปไตย และกลายเป็นประเด็นร้อน จนมีการลากเข้าไปถกกันในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้นักการเมืองได้ตีฝีปากกัน

        การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เป็นรายบุคคล ที่เพิ่งจบและมีการลงคะแนนกันไปเรียบร้อย ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เพราะฝ่ายที่ยื่นอภิปรายพ่ายแพ้แบบหลุดลุ่ย
        ผลการอภิปรายของฝ่ายค้าน ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายเหลือเกินว่า
        ชาวบ้านที่เขาตามฟัง ต่างคิดว่าการที่ฝ่ายค้านอุตส่าห์ยื่นอภิปรายครั้งนี้ น่าจะมีพยานหลักฐานใหม่ที่หนักแน่นพอ สามารถจวกรัฐมนตรียุติธรรมได้อย่างชัดเจน แต่กลับกลายเป็นการนำเสนอหลักฐานเดิมซ้ำๆซากๆ โดยปราศจาก ‘หมัดเด็ด’ ที่จะคว่ำรัฐบาลได้
        น่าประหลาดใจนัก ที่หลักฐานต่างๆ ซึ่ง ส.ส.ฝ่ายค้านนำเสนอในสภาเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ไม่ได้แสดงถึงการค้นคว้า หรือทำการบ้านของพวกเขาแต่ประการใด หากแต่ฝ่ายค้านนั้น ‘มักง่าย’ ไปหยิบหลักฐานที่อ่อนด้อย จากสื่อออนไลน์ เว็บไซด์ต่างๆ และสำคัญคือ สถานีโทรทัศน์ TPBS ซึ่งแสดงความเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลนายกฯปูอย่างชัดเจน เอามาเป็นหลักฐานในการปรักปรำรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย และฟาดหางเอารัฐบาลเข้าด้วย
        สถานีโทรทัศน์ TPBS นั้น โดนวิพากษ์วิจารณ์ว่า ถือกำเนิดเกิดจาก ‘รัดทำมะนวย-ฉบับหัวคูณ’ ซึ่งเห็นทีที่ผู้เขียน จะต้องวิพากษ์วิจารณ์ สถานีอัปรีย์กาลีแห่งนี้ แบบ ‘ไล่ตีกบาล’ อย่างไม่ลดละ
        คอยดูกันไป!

        นอกจากฝ่ายค้าน ไม่สามารถชิงความได้เปรียบ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้แล้ว ยังโดน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรียุติธรรม ผู้ถูกยื่นอภิปราย ตีโต้ตอบแบบ ‘ศอกกลับ’ เข้าตรงปากครึ่งจมูกครึ่ง ทำเอาผู้อภิปรายจากพรรคประชาธิปัตย์ จนถึงขั้นฟันหัก หน้าแหก เลือดสาด เสียผู้เสียคนไปตามๆกัน
      
  ยิ่งไปกว่านั้น
        คนโดนอภิปรายอย่างคุณประชาฯ ยังเสนอหลักฐานใหม่ ที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน คือ คลิป นายมาร์ค มุกควาย ที่ดันเอา ‘ถุงยังชีพ’ ของกระทรวงพลังงานรัฐบาลปัจจุบัน ไปแจกแบบหน้าเฉยตาเฉย ที่จังหวัดพิษณุโลก แทนที่จะเป็นถุงของพรรคประชาธิปัตย์เอง เรียกเสียงโห่ฮา จากผู้คนที่ติดตามฟังการอภิปรายได้พอสมควร และมีบางคนตะโกนออกมาว่า
        “ไม่ยอมลงทุนเลยนะ...ไอ้พวกมึง!”

        ตรงนี้เอง ทำให้นึกถึงเรื่องที่ผมเคยเล่า ให้ท่านผู้อ่านฟังว่า เมื่อคราวน้ำท่วมยุคนายมาร์คฯ ยังเป็นหัวหน้ารัฐบาล ถุงของ อ.ส.ม.ท.ที่เตรียมให้ผู้ประสบภัย ยังโดนรัฐบาลโลซกของ นายมาร์ค มุกควาย ตีกินด้วยการนำถุงของสำนักนายยกฯ ไปสวมทับ ทำให้ราษฎรหลงผิดคิดว่า ถุงดังกล่าวทางสำนักนายกฯเป็นผู้จัดหามา
      
  สันดาน...ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ!        นึกว่าเรื่องจะจบแค่นั้น แต่ไม่ใช่ วันถัดมาปรากฏข่าวสารว่า

        นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้ทำหนังสือประทับตราด่วนที่สุด ที่พล 0016.2/26141 ลงวันที่ 28 พ.ย.2554 ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่องขอชี้แจงกรณีการอภิปรายประเด็นที่พาดพิง ถึงการแจกจ่ายถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัย เนื้อหาว่า         เมื่อประมาณกลางเดือนพ.ค.2554 ข้าพเจ้าได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จาก น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก ประสงค์ขอรับการสนับสนุนถุงยังชีพจากผู้ว่าฯ จำนวน 500 ถุง         จึงได้เรียนไปว่าขณะนี้ถุงยังชีพของจังหวัดหมดแล้ว ไม่มีสนับสนุน ซึ่งน.พ.วรงค์ได้แจ้งยืนยันให้ทราบว่า ยังมีถุงยังชีพอยู่ที่สำนักงานพลังงาน จ.พิษณุโลก อีกจำนวน 500 ถุง ซึ่งขณะนั้นข้าพเจ้าไม่ทราบข้อเท็จจริงว่า ยังมีถุงยังชีพเหลืออยู่และมาจากแหล่งใด แต่เมื่อตรวจสอบกับพลังงาน จ.พิษณุโลก จึงได้ทราบว่ามีอยู่จริง และขณะที่ตรวจสอบนั้นยังไม่ทราบจำนวนที่เหลืออยู่ ซึ่งในสถานการณ์ขณะนั้น ข้าพเจ้ามีความรู้สึกอึดอัดและกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง หากจะปฏิเสธการสนับสนุนดังกล่าวก็เห็นว่า ผู้ที่ขอร้องมาคือสมาชิกสภาผู้แทนฯ ต้องการที่จะนำไปช่วยเหลือราษฎรและอาจถูกตำหนิได้ว่า ไม่ให้ความสนใจดูแลประชาชน เป็นเสมือนสถานการณ์บังคับให้ข้าพเจ้าต้องอนุญาตให้ไปตามจำนวนเท่าที่สำนักงานพลังงาน จ.พิษณุโลก มีอยู่
ทางสื่อต่างๆก็ลงสรุปคำแถลงของ นายพิชัย นะริพทะพันธ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เจ้าของถุง ที่ระบุว่า 
       
นี่คือหลักฐานฟ้องว่า น.พ.วรงค์ มีพฤติการณ์เข้าข่ายแทรกแซง บีบบังคับการทำงานของส่วนราชการ คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 266        ทางพรรคเพื่อไทยก็เคลื่อนไหว ที่จะถอดถอนนายมาร์ค มุกควาย และหมอวรงค์ฯทันที
        สำหรับ น.พ.วรงค์ฯ คนที่เป็นเจ้ากี้เจ้าการ จัดฉากให้นายมาร์ค มุกควาย ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า การกระทำครั้งนี้
       
“ไม่ได้เสียหมอ แต่เสียหมาด้วย!”        ดังนั้น ขอแนะนำคุณหมอว่า อย่าทำอย่างนี้อีกเป็นอันขาด เพราะขืนทำซ้ำ คนเมืองอกแตกอย่างพิษณุโลก อาจให้ฉายาท่านว่า
       
“หมอวรงค์...ไอ้หมอ-จอมขา”        ใครจะไปรู้!

        ารอภิปรายไม่ไว้วางใจคุณประชาฯ ในทัศนะของผมแล้ว เห็นว่าไม่สนุก เท่ากับการอภิปรายทั่วไปเรื่องน้ำท่วม เมื่อวันที่ซึ่ง
จำง่ายมาก และน่าจะจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์รัฐสภาไทย ว่า
       
เป็นวันที่มีคุณค่าสำหรับความทรงจำ คือวันที่ 11 พฤศจิกายน คริสต์ศักราช 2011 หรือจำง่ายๆคือ        11-11-11

        ในวันนั้น ฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ตีฝีปากได้ไม่ดีเท่าที่ควร (แล้วยังเอามาฉายซ้ำซาก ในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อ 28 พ.ย.2554 อีกด้วย) คงเป็นด้วยพวกตัวเอง มีแผลเหวอะหวะติดหลัง จากการบริหารที่ห่วยแตก ครั้งของพวกตน แย่งอำนาจบริหารประเทศไปเป็นรัฐบาล
        มิหนำซ้ำสมัยที่พวกตนเป็นรัฐบาล เมื่อคราวโคราชประสบอุทกภัยครั้งหนักหน่วง เมื่อปี พ.ศ.2553 นายมาร์ค มุกควาย หัวหน้าแก๊งรัฐบาลโลซก ดันไปพูดให้ชาวบ้านยอมรับสภาพเสียอีก
        เลยถูกสวนกลับ หน้าแหกไป!

        ารอภิปรายเรื่องน้ำท่วมในสภาวันที่ 11-11-11 นั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ลุกขึ้นอภิปราย และได้สร้างความประทับใจให้กับผู้คนเอามากๆ เห็นจะเป็น
       
ส.ส.ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ         ผู้แทนหนุ่มคนนี้ อภิปรายได้ดีเหลือเกิน ภาษากายของเขามีท่าทีที่แสดงถึงความสุภาพเรียบร้อย ภาษาปากก็เฉียบคม ไม่ก้าวร้าวรุนแรง เชือดกันนิ่มๆ แต่ถึงเลือดสาดกระจายเลยทีเดียว

content/picdata/336/data/photo1.jpg
        ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดที่ใช้ในการอภิปราย แทงใจผู้คนจำนวนมาก จนมีผู้นำมาเผยแพร่ในเว็บไซด์ และผมขออนุญาตนำมาฝากท่านผู้อ่าน โดยยกตั้งเป็นประเด็น แล้วตามด้วยคำอภิปรายของ ส.ส.ณัฐวุฒิฯ ต่อประเด็นที่ตั้งไว้ ดังต่อไปนี้
        ประเด็น: ความรู้สึกของการช่วยเหลือประชาชนกับการนำปืนมายิงประชาชน
        ส.ส.ณัฐวุฒิฯ : “ลองไปถามทหารที่เหงื่อไหลไคลย้อยดูสิครับ ว่า 
        ระหว่างการขนดินขนทราย ขับรถรับส่งประชาชน
        แบกถุงกระสอบทรายมากันน้ำให้กับประชาชน
        กับการแบกสไนเปอร์ไปปิดถนนกับการประกาศเป็นเขตกระสุนจริงนี่
        เขาภูมิใจกับภารกิจไหนมากกว่ากัน "

        ประเด็น: น้ำตาของนายกยิ่งลักษณ์
        ส.ส.ณัฐวุฒิฯ “น้ำตาของนายกยิ่งลักษณ์ คือน้ำตาของผู้นำ
        ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ล้วนแต่หลั่งน้ำตา และสะเทือนใจกับความทุกข์ยากของประชาชน
        มีแต่เผด็จการและทรราชเท่านั้น ที่เพิกเฉยกับการเจ็บปวดและล้มตายของราษฎร”

        ประเด็น: นายกยิ่งลักษณ์ กับภาวะผู้นำ
        ส.ส.ณัฐวุฒิฯ “คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก้มหน้าก้มตาทำงานหามรุ่งหามค่ำ
        ไม่มีสักคำที่จะโต้ตอบโจมตีใครๆ ที่กระแนะ กระแหน แดกดัน เสียดสีสารพัด
        หนักเข้าถึงขนาดโพสต์ข้อความในโลกไซเบอร์
        เทียบเคียง อธิบายถึงหญิงบริการอย่างนั้น อย่างนี้
        ไม่มีครับ ได้แต่ นิ่ง อดทน อดกลั้น ทำแต่ งาน งาน งาน และงาน
        
มุ่งเดินหน้าช่วยเหลือประชาชน
        นี่ไม่ใช่ภาวะผู้นำหรือครับ นี่ไม่ใช่วุฒิภาวะผู้นำของประเทศในยามวิกฤติหรอกหรือครับ!?”

        ประเด็น: น้ำทำลายได้ทุกอย่างแต่ไม่สามารถทำลายความขัดแย้งในสังคมได้
        ส.ส.ณัฐวุฒิฯ “น้ำทำลายได้ทุกอย่าง
        น้ำทำลายคันกั้นน้ำ
        น้ำทำลายเรือกสวนไร่นา
        น้ำทำลายได้อย่างมหาศาลอย่างนี้
        ยังไม่สามารถทำลายความขัดแย้ง ในสังคมได้เลย”

        ประเด็น: ความขัดแย้งเกิดขึ้นจากฝ่ายผู้แพ้ไม่ยอมรับในผลการเลือกตั้ง และรัฐบาลที่มาจากประชาชนและระบบประชาธิปไตย
        ส.ส.ณัฐวุฒิฯ “ความขัดแย้งหลักที่สู้กันมา 5 ปียังอยู่
ไปดูในโลกไซเบอร์สิครับ
        คนสองกลุ่มยังคงฟาดฟันกันอยู่ในเวลานี้
        กลุ่มหนึ่งสนับสนุนให้กำลังใจรัฐบาล
        อีกกลุ่มหนึ่งก็โจมตีทุกวิถีทางเช่นเดียวกัน
        ตราบใดทีเราแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองไม่ได้
        ทุกเรื่องที่คิดจะพัฒนาประเทศก็จะถูกลากเข้าไปสู่ความขัดแย้งทั้งสิ้น
        วิธีเดียวที่จะแก้ไขได้คือ ประเทศเราต้องเป็นประชาธิปไตยจริงๆ เสียที 
       
เราต้องเคารพและยอมรับในผลการเลือกตั้ง
        และรู้ว่ารัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
        ตามวิถีทางของระบบประชาธิปไตย มีศักดิ์และสิทธิโดยชอบธรรม
ที่จะแก้ไขปัญหา และบริหารประเทศ”

        คำพูดของ ส.ส.ณัฐวุฒิฯ ที่ผมยกมาให้ดูนั้น ปรากฏว่า ได้รับการยกย่องอย่างมากทั้งในสื่อออนไลน์ และสื่อวิทยุหนังสือพิมพ์ เพราะถือว่า...
        เป็น ‘ชุด’ คำอภิปรายตอบโต้ ที่สามารถสวนกลับคำกล่าวหาของฝ่ายตรงข้าม ได้ครบถ้วนทุกเม็ดทุกดอก มีทั้งเหตุและผล สมบูรณ์อยู่ในตัวของมัน สามารถใช้อ้างอิงได้เลยทีเดียว

        หากเปรียบเทียบคำพูดชุดนี้ กับสื่อสากลแล้ว ผมเห็นว่าคำตอบโต้ของคุณณัฐวุฒิฯนั้น ไม่เพียงแต่แค่เป็น Quote of the day (วาทะแห่งวัน) เหมือนอย่างที่หนังสือพิมพ์ New York Time เขาโค้ดมาให้อ่านกันทุกวันเท่านั้น แต่ในทัศนะส่วนตัวของผม และอีกหลายท่าน เห็นสอดคล้องกันว่า
       
ดีเกินกว่าที่จะเป็น Quote of the month (วาทะแห่งเดือน) ของคำพูดต่างๆ ที่เราได้เคยได้ยินกันสำหรับปี พ.ศ.2554 แต่น่าจะติดอันดับ...         Quote of the year!!! (วาทะแห่งปี) ด้วยซ้ำไป!!

        นจังหวัดนครศรีธรรมราช น่าจะภาคภูมิใจ ที่ ส.ส.จากเมืองของท่าน
        มีคุณภาพ ‘คับแก้ว’ อย่างนี้!
        จึงขอแนะนำให้เยาวชน นิสิต นักศึกษาเมืองนครฯ ดูและจดจำคำพูด ลีลาท่าทางของ ส.ส.ณัฐวุฒิฯ ผู้แทนสายเลือด
เมืองคอน เพื่อประโยชน์ของตัวพวกท่านเองในอนาคต และ...
        ขอยืนยันได้เลยว่า ตั้งแต่เมืองนครฯมีผู้แทนราษฎรมา
       
คนนี้แหละ...พูดเก่งที่สุด!          ไม่ได้พูดเก่งอย่างเดียว แต่ส.ส.ณัฐวุฒิฯ ยังพูดได้ดี มีเหตุมีผล และที่สำคัญก็คือ กว่าจะฟันฝ่ามายืนปราศรัยอย่างนี้ได้ เขาได้พิสูจน์ถึงความมีจิตใจกล้าหาญ ในต่อการสู้เพื่อความถูกต้อง เป็นธรรม ตามระบอบประชาธิปไตย
       
ไม่เคยคิดย่อท้อ!!         แม้จะถูกจับกุมคุมขังในบางครั้ง ก็ไม่ได้แสดงความหวั่นหวาด ในที่สุดโอกาสก็เปิดให้ ผู้แทนสายเลือดเมืองนครฯคนนี้ ได้เข้ามานั่งในสภา ในฐานะผู้แทนราษฎร
        อย่างสมศักดิ์ศรี!

        ลูกหลานเมืองนครศรีฯ มีตัวอย่างดีๆอย่างนี้แล้ว ต้องศึกษาแล้วจดจำไว้ให้ดี โตขึ้นจะได้ไม่แห่ตามคนเก่าๆ ไปเข้า ‘พรรคกะโหลกกะลา-อหิวาต์ลาก’ นั่น...
        มันรังแต่จะทำให้ ประเทศไทยที่รักเรา...เสียหาย!
        ใครอยากเป็นนักการเมือง จงพากันไปฝึกการพูดกับ ส.ส.ณัฐวุฒิ ‘นายหัวเต้น’ ใสยเกื้อ ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยนั่นแหละ...
        ...ไปครั่บ...ไปกันเล้ย...นุ้ย!!!
        (555)
....................................
        (คอลัมน์ประจำสัปดาห์ Quote of the year (วาทะแห่งปี) ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 3 ธันวาคม 2554 

ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์



Thairath\\
เป็นสัญญานที่ชัดเจนอีกครั้ง ถึงการจัดทัพกระชับความเป็นเจ้าของพรรค ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อมีข่าวการล้างไพ่กุนซือข้างกายรัฐมนตรีหลายคนเกิดขึ้นล่าสุด นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รับเองกับปากว่า เล็ง "ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์" ให้เข้ามาทำหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กระชับความเป็นเจ้าของพรรคได้อย่างไร ต้องย้อนอดีตคนที่ชื่อ ผดุง คนนี้ดู

ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2492 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ สาขาบัญชี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เคยเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เอสซี แอสเซท จำกัด (SC Asset ) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลธุรกิจและทรัพย์สินส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2544 ผดุง เป็นผู้ติดตามที่ใกล้ชิดนายใหญ่มากที่สุดคนหนึ่ง เป็นทั้งคนคอยจัดคิวการเข้าพบของบุคคลต่างๆ จัดคิวการเดินทางร่วมงาน การรับโทรศัพท์ บอกปัด บอกรับ และนั่งติดรถไปไหนมาไหนด้วยแทบทุกที่ เรียกว่ารู้ใจใช้ได้มากที่สุดคนหนึ่ง เรื่องออกฤิทธิ์ ออกเดช เปิดหน้าชนกับผู้สื่อข่าวแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคยมาแล้วทั้งที่รังนกกระจอก(ห้องผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล) และที่อาคารวุฒิสภา ดังนั้นบารมีเลขาผู้ใกล้ชิดอย่างยิ่งของ ผดุง จึงสร้างความเกรงใจในวงข้าราชการแทบทุกกระทรวง ทบวง กรม ไม่มีใครไม่รู้จัก ผดุง...http://www.thairath.co.th/people/view/pol/8005

"พ.ต."สารภาพขนยา

ค่าจ้าง1ล. เผยจ่าซิป ร่วมแก๊ง เผ่นแล้ว ตร.ค้นคุก
สอบพันตรี - พ.ต.ปิยะณัฐ เกตุจำรัส ทหารช่างกองทัพภาค 3 ถูกนำตัวจาก จ.พิษณุโลก มาสอบสวนที่บก.ปส.3 หลังถูกออกหมายจับคดียาเสพติดร่วมแก๊ง "ฟูเฉิน" ส่วน "จ่าซิป" ลูกน้องหลบหนีไปก่อนแล้ว ตามข่าว
ตร.ตามล็อกตัว "พันตรีปิยะณัฐ" ผู้ต้องหาร่วมขบวนการยาเสพติดพันล้านถึง 'ค่ายบรมไตรโลกนาถ' จังหวัดพิษณุโลก ก่อนนำขึ้น ฮ.เข้ามาสอบขยายผลต่อในกรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าตัวรับสารภาพทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ขนยาจากเชียงรายมาส่งที่กทม. ได้ค่าจ้างจาก 'นิพนธ์ กันชาติ' 1 ล้านบาท ส่วน 'จ่าซิป' ลูกน้องร่วมแก๊งเผ่นหนีไปแล้ว 'ประยุทธ์' ผบ.ทบ. ว้ากลั่นกองทัพไม่เลี้ยงทหารไม่ดี ถ้านายใดไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ตำรวจจับกุมดำเนินคดีสูงสุดได้เลย ส่วนกรณีทหารเก่ายศ 'พล.ท.' ออกบัตรกอ.รมน.ให้เครือข่าย 'ฟูเฉิน' ขอยืนยันว่าใช้การอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น ทั้งยังผิดกฎหมายอีกด้วย

จากกรณีตำรวจตรวจพบยาบ้าและยาไอซ์มูลค่ากว่าพันล้านบาท ซุกอยู่ในบ้านเดี่ยวหมู่บ้านสัมมากร จ.ปทุมธานี ของนางจริญญา หาญณรงค์ หรือลูกตาล อดีตรองนางสาวไทย พบว่าให้นายนิพนธ์ กันชาติ หรือ "แดง เป็นต่อ" อายุ 54 ปี เจ้าของเต็นท์ขายรถยนต์มือ 2 ชื่อ "เป็นต่อ" เช่าเอาไว้ ต่อมาสืบทราบว่านายนิพนธ์เป็นลูกน้องคนสนิทในเครือข่าย "เจ้าฟูเฉิน" หรือนายชาญณรงค์ มูเซอ หรือนายชาญณรงค์ เกษมทัศน์ ญาติขุนส่าอดีตราชายาเสพติดโลก ตำรวจจึงขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก กระทั่งรวบตัวนายนิพนธ์ได้สำเร็จขณะกบดานอยู่ในหมู่บ้านพฤกษ์ลดา 1 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

สอบสวนนายนิพนธ์สารภาพว่าค้ายาบ้า-ยาไอซ์มาตั้งแต่ปี 2549 มีนายพีระยุทธ์ แพศย์สกล หรือ "ตี๋" ที่รู้จักในเรือนจำบางขวาง ติดต่อให้ขนส่งจากชายแดน จ.เชียงราย มายังภาคกลาง โดยรับออร์เดอร์มาจากนายฟูเฉิน นอกจากนั้น ยังซัดทอดว่ามีเพื่อนร่วมแก๊งอีกคน คือ พ.ต. ปิยะณัฐ เกตุจำรัส นายทหารสังกัดกองพันทหารช่าง กองทัพภาคที่ 3 ค่ายบรมไตรโลก นาถ จ.พิษณุโลก ขณะที่ "ข่าวสด" ได้เปิดเผยผังเครือข่ายฟูเฉิน ตามที่เสนอข่าวมาตามลำดับ

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 26 ม.ค. ที่กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์กรณีเจ้าหน้าที่บางส่วนในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นำบัตรกอ.รมน.ไปใช้ในทางเสียหายว่า ขอเรียนว่า พล.ท.ปิติภาคย์ ป้อมนาค ผู้ออกบัตรกอ.รมน.ให้นายนิพนธ์ไม่มีอำนาจในกอ.รมน.มานานแล้ว ต่อไปนี้ตนขอประกาศว่า บัตรดังกล่าวที่มีพกติดตัวกันอยู่ใช้การอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น และมีเรื่องนี้มานานแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พล.ท.ปิติภาคย์เกษียณราชการไปนานแล้ว แต่บัตรพวกนี้ยังอยู่ ทางเราพยายามเก็บกลับเข้ามา แล้วแจ้งเจ้าตัวท่านทราบว่าบัตรที่ออกในสมัยท่านนั้นใช้ไม่ได้ หมดสมัยไปแล้ว หมดอายุราชการไปแล้ว และคนที่ออกบัตรก็เกษียณราชการไปนาน ใครถือบัตรอันนี้ไปแสดงถือว่ามีความผิด เพราะเป็นการปลอมบัตรเจ้าหน้าที่ และหากผู้ใดเห็นบัตรนี้ขอให้แจ้งกลับมาทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ กอ.รมน.ไม่ใช่หน่วยงานนอกกฎหมาย ไม่ใช่หน่วยงานการเมือง ไม่ใช่หน่วยงานที่เอาไปทำงานนอกลู่นอกทาง กอ.รมน.คือองค์กรบูรณาการในการทำงานร่วมกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ และทหาร มี นายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.กอ.รมน. ฉะนั้นจะไปเกเรไม่ได้ ต้องทำตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินการอย่างไรกับนายทหารยศ "พ.ต." นายหนึ่งที่ จ.พิษณุโลก ซึ่งถูกนายนิพนธ์ ผู้ต้องหาซัดทอดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ผบ.ทบ.ตอบว่า "ผมทราบตั้งแต่ต้นแล้วว่ามีการซัดทอดและเกี่ยวพัน จึงให้เจ้าหน้าที่ทหารเราเข้าไปติดตามความคืบหน้า แล้วให้บอกกับตำรวจว่าใครก็ตามที่เข้าไปมีส่วนร่วมหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมาย แจ้งมาเลยจะส่งตัวและควบคุมตัวไปให้สอบสวน ถ้าผิดว่าไปตามผิด ดำเนินคดีสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ทหารไม่ดีเราไม่เลี้ยงอยู่แล้ว ทหารต้องเป็นทหารสีขาว ทหารเรามีอยู่สองแสนกว่าคน มันมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่ก่อนอาจเป็นคนดี แต่เดี๋ยวนี้อาจเป็นคนเกเร อาจจะหลงผิด คนพวกนี้ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย คนดีเยอะกว่า อย่ากลัวว่าผู้บังคับบัญชาจะปกป้องหรือปิดบังคนทำไม่ดี"

ที่กรมราชทัณฑ์ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า หลังจากนายนิพนธ์ กันชาติ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดพันล้านถูกจับและให้การซัดทอดว่าเป็นเครือข่ายร่วมกับนายพีระยุทธ์ แพศย์สกล หรือ "ตี๋" นักโทษคดียาเสพติดในเรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี จึงประสานกับทางตำรวจเพื่อนำกำลังเจ้าหน้าที่และหน่วยปฏิบัติการพิเศษกรมราชทัณฑ์เข้าจู่โจมตรวจค้นเรือนนอนของนายพีระยุทธ์เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เบื้องต้นทราบว่าเครือข่ายของนายพีระยุทธ์ในเรือนจำมี 3 คน ผลการจู่โจมตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง แต่ไม่ได้อยู่ที่นายพีระยุทธ์ และช่วงเช้าชุดจู่โจมเข้าตรวจค้นอีกรอบ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย

"จากการรายงานเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายพีระยุทธ์ช่วงที่ผ่านมายังไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ" อธิบดีกรมราชทัณฑ์ระบุ

ด้านนายวิษณุ ประจงกิจ ผบ.เรือนจำกลางบางขวาง กล่าวว่า จากการจู่โจมตรวจค้นเรือนนอนของนายพีระยุทธ์ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือยาเสพติดในตัวนายพีระยุทธ์ และให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวกับนายนิพนธ์ รวมทั้งไม่ได้เป็นคนสั่งการตามที่ถูกกล่าวหา แต่ทางเรือนจำยังไม่เชื่อคำให้การของนายพีระยุทธ์ จึงสั่งให้นำตัวไปขังเดี่ยว ภายในแดนความมั่นคงสูงเพื่อรอสอบสวนขยายผลต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้ศาลอาญารัชดาอนุมัติหมายจับเลขที่ จ. 17/2555 และ จ. 18/ 2555 ให้จับกุมพ.ต.ปิยะณัฐ เกตุจำรัส และ จ.ส.อ.วีนัส ศรีใจ หรือจ่าซิป นายทหารสังกัดกองพันทหารช่างที่ 302 กองทัพภาคที่ 3 หลังตำรวจมีหลักฐานชี้ว่ามีพฤติกรรมพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเป็นคำซัดทอดจากนายนิพนธ์ ซึ่งให้การว่ารับยาเสพติดจำนวนมากจากทหารทั้งสองนาย และตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดนำเฮลิคอปเตอร์ไปรับตัวพ.ต.ปิยะณัฐ จากจ.พิษณุ โลก มาสอบปากคำที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บก.ปส.3) ส่วน จ.ส.อ.วีนัสทราบว่าหลบหนีไปแล้ว

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังค่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว แต่ทหารไม่ให้ข้อมูลมากนัก อีกทั้งพยายามกันไม่ให้ถ่ายภาพ แต่ผู้สื่อข่าวจำนวนมากต่างปักหลักรอสัมภาษณ์และรอถ่ายภาพพ.ต.ปิยะณัฐ ตลอดทั้งวันจะมีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเข้าสอบปากคำ พ.ต.ปิยะณัฐที่ถูกควบคุมตัวอยู่บนชั้น 2 กรมทหารช่างที่ 3 ภายในค่ายสมเด็จพระบรมไตร โลกนาถ กระทั่งเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวพ.ต.ปิยะณัฐ เดินลงมาเพื่อไปขึ้นรถตู้ข้างตึก โดยพ.ต.ปิยะณัฐเดินนำหน้าออกมาก่อนใครและรีบเดินขึ้นรถตู้ทหารอย่างรวดเร็ว เบื้องต้นมีรายงานว่า พ.ต.ปิยะณัฐเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำตัวไปยังเซฟเฮาส์ลับแห่งหนึ่ง เพื่อรอพาเข้ากรุงเทพฯ

รายงานข่าวจากชุดสืบสวนตำรวจภาค 6 หนึ่งในทีมสอบพ.ต.ปิยะณัฐ เปิดเผยว่า พ.ต. ปิยะณัฐรับสารภาพว่าทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ได้รับค่าจ้างขนยาเสพติดจากเชียงรายลงมากรุง เทพฯ ในราคา 1 ล้านบาท นอกจากนั้น ผู้ต้อง หายังให้การอื่นๆ เป็นประโยชน์อีกด้วย ซึ่งจะได้ขยายผลต่อไป

เวลาประมาณ 19.00 น. ที่สนามฟุตบอล บุณยะจินดา ด้านหลังบช.สป. ถนนวิภาวดี รังสิต เขตหลักสี่ กทม. เฮลิคอปเตอร์ตำรวจนำตัว พ.ต.ปิยะณัฐมาถึงกทม. โดยมีของพ.ต.อ.ณรงค์ ยิ้มเจริญ ผู้กำกับกลุ่มงานสอบสวน บก.ปส. 3 เป็นผู้ควบคุมตัว จากนั้นนำตัวผู้ต้อง หาขึ้นไปให้พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมาผบช.ปส. สอบปากคำต่อบนชั้น 8 ตึกบช.ปส. ขณะที่ผู้ต้องหาพยายามปกปิดใบหน้าไม่ให้สื่อบันทึกภาพ

 
วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7729 ข่าวสดรายวัน